ภารกิจขโมยใจ ผจญภัยต่างโลก - ตอนที่ 19 คุณหนูใหญ่หวนคืน
ผู้ที่ไทเฮาทรงเชิญเพื่อไปร่วมงานเลี้ยงอาหารค่ำที่พระราชวังหลังนั้น ล้วนต้องเป็นสตรีที่มีชื่อเสียงอยู่แล้ว สตรีเหล่านี้เคยชินที่จะเรียบร้อยสงบสเงี่ยม เป็นสง่าต่อหน้าคนอื่น ถึงแม้ว่าจะชิงดีชิงเด่นในเรือนของพวกนางเองก็ตาม พวกนี้ต่างก็เป็นพวกที่เสแสร้งแกล้งทำเก่งอย่างไม่ต้องสงสัย เหมือนอย่างซูหว่านที่ปากร้ายแบบนี้ทุกคนต่างก็ไม่เคยเห็นมาก่อน
ในเวลานี้เสิ่นชิงจิ่นก็ยังคงถูกซูหว่านทำให้โกรธจนสั่นไปทั้งตัว การออมมือเป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่นางทำเป็นปกติ ในสายตาของฝูงชนกลับมองว่าซูหว่านเป็นคนใส่ร้าย ทำให้ไฟความโกรธในใจของพวกเขาอดที่จะปะทุออกมาเสียไม่ได้
“ซูหว่าน ถ้าเจ้ายังไม่หยุดพูดใส่ร้าย อย่าหาว่าข้าไม่เตือนเจ้านะ!”
เสิ่นชิงจิ่นข่มความโกรธไว้พลางจ้องไปที่ซูหว่านที่อยู่ตรงหน้านาง เมื่อเห็นเสิ่นชิงจิ่นโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ ซูหว่านก็ยิ้มเยาะ “ทำไม โกรธข้าที่ทำให้เจ้าอับอายต่อหน้าสาธารณะชนอย่างนั้นหรือ เสิ่นชิงจิ่นเจ้าดูตัวเจ้าสิ นี่มันวันขึ้นปีใหม่นะ ทุกคนมีความสุขกัน แต่เจ้าทำตัวเหมือนแม่ตาย อ๋อ ขอโทษที ข้าเกือบลืมไปแล้วว่าแม่ของเจ้าตายไปตั้งนานแล้ว!”
เมื่อเห็นว่าซูหว่านไม่เพียงแต่ไม่รู้สึกรู้สา อีกทั้งจู่ๆ ก็จงใจพูดถึงแม่ของนางที่เสียชีวิตไปตั้งแต่นางยังเด็ก เสิ่นชิงจิ่นไม่สามารถระงับไฟความโกรธในใจได้อีกต่อไป ทันใดนั้นก็ยกแขนขึ้นและง้างมือเพื่อจะตบหน้าของซูหว่าน
“เจ้าไม่มีสิทธิ์ที่จะพูดเรื่องแม่ของข้า! เจ้าไม่คู่ควร!”
เพี๊ยะ!
มือของเสิ่นชิงจิ่นถูกปัดป้องกลางอากาศโดยมือของซูหว่านเอง ที่เตรียมตัวไว้นานแล้ว “ข้าไม่คู่ควรอย่างนั้นหรือ”
ซูหว่านหรี่ตาและมองไปที่เสิ่นชิงจิ่นที่อยู่ตรงหน้านางด้วยสายตาที่เย็นชา “ข้าจะคู่ควรหรือไม่คู่ควรที่จะพูดถึงฮูหยินเสิ่นนั้น ก็ขึ้นอยู่กับฮูหยินเสิ่น! และข้าจะคู่ควรหรือไม่คู่ควรกับเสิ่นอวี้ซูนั้น ก็ขึ้นอยู่กับเสิ่นอวี้ซู! เสิ่นชิงจิ่นเจ้าคิดว่านางเป็นใคร ในฐานะที่เป็นลูกสาว เจ้าไปไหว้แม่ที่ตายไปแล้วทุกปีไหม ในฐานะที่เป็นน้องสาวเจ้าจงใจจัดฉากเพื่อให้งานแต่งของพี่ชายแท้ๆ ของตัวเองล่ม เจ้าเคยคิดบ้างไหมว่าพี่ชายของเจ้าจะรู้สึกอย่างไร คนอย่างเจ้ายังจะกล้ามาบอกว่าข้าซูหว่านไม่คู่ควรอีก!”
เสิ่นชิงจิ่นชะงักเมื่อได้ยินคำพูดของซูหว่าน และคนรอบข้างต่างก็พูดไม่ออก พวกเขาไม่เคยเห็นซูหว่านที่ก้าวร้าวเช่นนี้มาก่อน
เพื่อแสดงความมีน้ำใจต่อเซิ่นอวี้ซู ซูหว่านในอดีตเคยไปเยี่ยมสุสานของฮูหยินเสิ่นเป็นประจำทุกปี ในเวลานั้นนางถูกล้อเรียนว่า “ขี้เพ้อ” ซึ่งกลายเป็นเรื่องตลกของคนทั้งเมืองหลวง
ตอนนี้หลังจากที่ได้ฟังคำพูดของซูหว่าน พวกสตรีที่มีชื่อเสียงเหล่านั้นต่างก็เงียบไปโดยปริยาย…
ในระหว่างที่ทุกคนตกอยู่ในความเงียบ ใบหน้าของเสิ่นชิงจิ่นนั้นหน้าเสียไปมากกว่าเดิม ก่อนที่นางจะเกิดใหม่ นางถูกหลอกโดยความเจ้าเล่ห์ของอวี๋ซื่อ มองว่านางเป็นแม่ผู้ให้กำเนิดของนางมาโดยตลอด และหลังจากการเกิดใหม่นางมักจะหาทางแก้แค้นกับทุกคนที่ทำให้นางเสียใจในชาติที่แล้วมาโดยตลอด เสิ่นชิงจิ่นจึงไม่มีเวลาและความคิดที่จะไปแสดงความเคารพต่อแม่ของนางที่เสียชีวิตเลย
ความเกลียดชังได้บดบังดวงตาทั้งคู่ของเสิ่นชิงจิ่นไปนานแล้ว ทำให้นางมองไม่เห็นครอบครัวและความรักในโลกใบนี้ สิ่งที่นางเห็นมีแต่การทรยศและการหลอกลวง มีแต่ความรังเกียจและความเกลียดชัง
ในขณะนี้รู้สึกว่าฝูงชนมองมาที่นางด้วยสายตาแปลกประหลาด และเมื่อเห็นใบหน้าที่หยิ่งผยองของซูหว่าน เสิ่นชิงจิ่นนึกถึงความทุกข์ยากในชีวิตก่อนหน้านี้พร้อมกับนึกถึงทารกในครรภ์ที่เสียชีวิตไปอย่างโชคร้ายอยู่ชั่วขณะหนึ่ง นางรู้สึกเศร้าโศกในใจ นางไม่คำนึงถึงอะไรเลย และรีบวิ่งไปหาซูหว่านที่อยู่ต่อหน้านางด้วยใบหน้าที่ซีดเซียว
ในชีวิตก่อน ถ้าไม่ใช่เพราะซูหว่านที่มาขัดขวาง พี่ชายจะต้องทวงความยุติธรรมคืนให้กับข้าอย่างแน่นอนและข้าคงจะไม่ต้องลงเอยเหมือนถูกเผาทั้งเป็นในทะเลเพลิง!
เมื่อนางนึกถึงเรื่องนี้ นัยน์ตาของเสิ่นชิงจิ่นก็มองไปที่ซูหว่านด้วยความขุ่นเคือง
เมื่อเห็นเสิ่นชิงจิ่นวิ่งมุ่งมายังตัวเองซูหว่านก็ยิ้ม ตอนที่นางกำลังจะขยับตัวจู่ๆ ก็มีเสียงประกาศดังชัดและกระตือรือร้นจากประตูห้องโถง
“ไทเฮา เสด็จ!”
ไทเฮาเสด็จมาแล้ว!
ฝูงชนที่เฝ้าดูความตื่นเต้นในห้องโถงต่างก็สีหน้าเปลี่ยนไปเมื่อได้ยินประกาศ บ้างก็แต่งหน้าแต่งตาตัวเอง บ้างก็รีบกลับไปประจำที่ของตัวเอง
“ไทเฮาเสด็จมาแล้ว! พี่อย่าวู่วามสิ!”
เมื่อเห็นเกี้ยวไทเฮากำลังจะเข้าสู่ประตู เสิ่นชิงเหยาที่อยู่ด้านข้างเฝ้าดูอย่างเฉยชาก็ก้าวไปข้างหน้า ทั้งพูดเตือนทั้งดึงมุมเสื้อเสิ่นชิงจิ่นอย่างเร่งด่วน
“เจ้าปล่อยมือนะ!”
เสิ่นชิงจิ่นยังคงไม่โกรธ นางรู้ว่าที่เสิ่นชิงเหยาจู่ๆ ก็มีการเคลื่อนไหวในเวลานี้ คงเป็นเพราะกระวนกระวายใจอย่างแน่นอน
ดังนั้นนางจึงรีบยกมือขึ้นและผลักเสิ่นชิงเหยาเบาๆ เดิมทีอยากจะผลักนางให้ออกไป เพื่อนางจะได้ไม่ไปขัดขวางตัวเอง แต่ในตอนที่เสิ่นชิงเหยากำลังจะก้าวถอยหลังนั้น กลับถูกซูหว่านที่อยู่ด้านข้างซึ่งดูเหมือนว่าจะมีเจตนาเบียด ร่างของนางก็เดินเซจนเสียหลักวูบล้มลงกับพื้น หน้าผากเรียบเนียนกระแทกกับพื้นหยกของห้องโถงพอดี และในชั่วพริบตาเลือดสีแดงสดก็ไหลออกมา
การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันนี้ อวี๋ซื่อจึงรีบเข้าไปกอดลูกสาวของตัวเอง ณ เวลานั้นเกี้ยวไทเฮาก็ได้เข้ามาในห้องโถงแล้ว
“ในห้องโถง ผู้ใดกันกล้าบังอาจเช่นนี้!”
ในเวลานี้เกิดความวุ่นวายขึ้นในห้องโถง หัวหน้าขันทีที่รับใช้ไทเฮาเห็นเหตุการณ์ในห้องโถงต่างก็มีสายตาเย็นชาอย่างเหลืออดและตะโกนเสียงดังขึ้นมาประโยคหนึ่ง
อวี๋ซื่ออุ้มเสิ่นชิงเหยาที่มีเลือดออกจากหน้าผาก และกำลังคุกเข่าตัวสั่นอยู่บนพื้นพร้อมกับไม่รู้ว่าจะตอบอย่างไรดีในชั่วขณะ
และในเวลานี้เสิ่นชิงจิ่นที่อยู่อีกด้านหนึ่งกลับเป็นคนแรกที่เรียกสติกลับมาได้ก่อน นางรีบทำการคารวะไทเฮาอย่างสง่างาม ใบหน้าไม่มีความตื่นตระหนกใดๆ “ข้าน้อยเสิ่นชิงจิ่นขอคารวะไทเฮา ขอไทเฮาทรงพระเจริญหมื่นปี!”
ในชีวิตก่อนของเสิ่นชิงจิ่นคุ้นเคยกับนิสัยใจคอของไทเฮาเป็นอย่างดี นางรู้ดีว่าไทเฮาไม่ใช่คนที่ไร้เหตุผล และไทเฮายังทรงชื่นชมผู้ที่ไม่กลัวอันตรายอีกด้วย ดังนั้นในเวลานี้ เสิ่นชิงจิ่นจึงใจเย็นไม่แสดงอาการตื่นเต้น ถึงขนาดที่นางได้เตรียมคำแก้ต่างไว้แล้ว ขอเพียงแค่ไทเฮาทรงตรัสถามว่าตอนนี้เกิดอะไรขึ้น นางจะทูลไทเฮาเรื่องที่ซูหว่านเจตนาใส่ร้ายตัวนางอย่างแน่นอน!
เมื่อได้ยินคำพูดของเสิ่นชิงจิ่น ไทเฮาในฉลองพระองค์แบบชาวฮั่นก็เงยหน้าขึ้นเล็กน้อยและเหลือบมองนาง จากนั้นไทเฮาทรงทอดพระเนตรไปยังใบหน้าของซูหว่าน เมื่อเห็นว่าซูหว่านที่ยืนอยู่ตรงกลางห้องโถงด้วยใบหน้าซีดเซียว ไทเฮาทรงอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว “สตรีของตระกูลซูเป็นอะไรไป ข้าทำให้ตกใจอย่างนั้นหรือ มาๆๆ มาหาข้านี่ ให้ข้าดูเจ้าหน่อยสิ!”
เสิ่นชิงจิ่น…
ฝูงชน…
“ไทเฮา!”
เมื่อซูหว่านได้ยินเสียงของไทเฮาก็แสร้งทำเป็นเสียใจทันที และรีบวิ่งไปที่ด้านข้างของไทเฮาอย่างน่าสงสาร “ไทเฮา พระองค์มาได้ทันเวลาพอดี เมื่อครู่เสิ่นชิงจิ่นจะตบข้า น้องสาวชิงเหยาที่อยู่ข้างๆ จึงหยุดนางไว้ แต่สุดท้ายก็ผลักนางล้มลงกับพื้นแถมยังบาดเจ็บที่หน้าผากอีกด้วย! ไทเฮาพระองค์โปรดให้ความเป็นธรรมแก่ข้าด้วย!”
“ไทเฮา พระองค์อย่าทรงฟังความฝ่ายเดียวจากคำพูดของซูหว่าน! ต้นเหตุของเรื่องที่แท้จริงก็คือ…”
เมื่อเสิ่นชิงจิ่นเห็นซูหว่านบิดเบือนความจริง นางจึงทนไม่ได้ที่จะพูดแก้ต่างให้ตัวเอง แต่พูดไปได้เพียงครึ่งเดียวนางก็ถูกขัดจังหวะโดยเสียงอันเย็นชาและน่าเกรงขามของไทเฮา!
“บังอาจ! ข้าให้เจ้าพูดแล้วหรือ”
ไทเฮาทรงใช้สายตาอันเย็นชา มองไปที่เสิ่นชิงจิ่นที่แต่งกายด้วยชุดธรรมดา ทำให้ไม่ชอบตัวนางไปโดยปริยาย ยิ่งไปกว่านั้น…นางยังกล้าที่จะกลั่นแกล้งพี่สะใภ้ในอนาคตของนางอีกหรือ
เมื่อนึกถึงลูกชายตัวน้อยซึ่งไม่ง่ายนักที่จะหาคนรักได้และนี่เขาเตรียมตัวจะแต่งงานกันแล้ว ในฐานะที่ข้าเองก็เป็นพระพันปีหลวง จะปล่อยให้ว่าที่ลูกสะใภ้ถูกคนอื่นรังแกในบ้านของตัวเองได้อย่างนั้นหรือ
“อวี๋ซื่อ เจ้าอธิบายมาสิว่ามันเกิดอะไรขึ้น”
ไทเฮาทรงหันพระเนตรมาที่อวี๋ซื่อผู้เป็นแม่ที่อยู่ไม่ไกลทันที
ใบหน้าของอวี๋ซื่อมีอาการกระวนกระวายเล็กน้อย “ทูลไทเฮา ลูกสาวเสิ่นชิงจิ่น และแม่นางซู…มีเรื่องเข้าใจผิดกันเล็กน้อย! นางไม่ได้จะลงมือจริงๆ กับแม่นางหรอกเจ้าค่ะ! ไทเฮาโปรดทรงพิจารณาด้วย!”
เสียงของอวี๋ซื่อสั่นราวกับว่าแก้ต่างให้เสิ่นชิงจิ่น อันที่จริงมันเป็นการพิสูจน์แล้วว่าเรื่องนี้เสิ่นชิงจิ่นเป็นคนผิดในวัง
เป็นอย่างที่คาดไว้ หลังจากที่ได้ยินคำพูดของอวี๋ซื่อ พระพักตร์ของไทเฮาก็เย็นชาในทันที พระองค์ทรงลดสายตาลงและทอดพระเนตรไปที่เสิ่นชิงจิ่นด้วยความเย็นชา จากนั้นก็ทรงทอดพระเนตรไปที่ซูหว่านที่อยู่ต่อพระพักตร์พระองค์อย่างอบอุ่น “แม่นางตระกูลซู บาดเจ็บหรือไม่ มาให้ข้าดูเร็ว!”
“ข้าไม่เป็นไรเจ้าค่ะ เพียงแต่น้องชิงเหยานาง…”
ซูหว่านจงใจลากคำสุดท้ายเสียงยาว สายตามองไปที่เสิ่นชิงเหยาที่อยู่ไม่ไกล
ตอนนี้ในใจของเสิ่นชิงเหยานั้น สับสนที่สุดในบรรดาทุกคน
เสิ่นชิงเหยาคิดว่าตัวเองฉลาดมากที่สุดมาโดยตลอด ไม่ว่าจะเป็นเสิ่นชิงจิ่นหรือซูหว่านทั้งสองคนต่างก็เป็นแค่สัตว์เลี้ยงที่เอาไว้เล่นในมือตัวเองเท่านั้น
แต่วันนี้นางเพิ่งจะรู้ว่าพี่สาวที่ดูเหมือนไร้เดียงสาของนางก็มีด้านที่สงบนิ่งเช่นกัน แต่คนที่ตัวเองคิดว่านางซูผู้ที่ไร้ประโยชน์กลับทำให้ตกตะลึงได้ถึงเพียงนี้
เมื่อสักครู่นี้เสิ่นชิงเหยาเห็นว่าซูหว่านยกเท้าขึ้น และจงใจสะดุดขาตัวเอง แต่ตอนนี้นางก็กำลังเรียกร้องว่าตัวเองไม่ได้รับความเป็นธรรมต่อหน้าไทเฮาเช่นนี้…
ในขณะนี้เสิ่นชิงเหยาเพิ่งจะตระหนักได้ว่าซูหว่านที่อยู่ต่อหน้านางคนนี้เป็นคนแปลกหน้ามากจริงๆ ไม่เหมือนพี่ซูที่ไร้ประโยชน์คนเดิมที่เคยรู้จักเลยสักนิด บางทีนางในตอนนี้ ถึงจะเป็นตัวนางที่แท้จริง
“มานี่ ประคองแม่นางเสิ่นไปก่อน แล้วก็ไปเรียกหมอหลวงมารักษานาง!”
หลังจากที่ไทเฮาลั่นคำสั่ง ก็มีสาวรับใช้ที่อยู่ในนั้นรีบก้าวไปด้านหน้าอวี๋ซื่อ ประคองพาเสิ่นชิงเหยาไป
เมื่อรอเสิ่นชิงเหยาถูกประคองไปไกลจากประตู ไทเฮาก็ตะโกนอย่างเย็นชา “เสิ่นชิงจิ่น กระทำความผิดที่ห้องโถงแห่งนี้ เจ้ารู้หรือไม่ว่าจะมีความผิดอะไร”
“ข้าน้อยไม่รู้เจ้าค่ะ!”
เมื่อเห็นว่าไทเฮาทรงโปรดปรานซูหว่าน เสิ่นชิงจิ่นก็รู้สึกไม่พอใจ นางอดไม่ได้ที่จะช้อนสายตาขึ้นจ้องไปที่ไทเฮา “ข้าน้อยยังมีเรื่องที่อยากจะทูล! เรื่องของวันนี้เห็นอยู่ชัดๆ ว่าซูหว่าน…”
“โอ๊ย”
เสียงร้องตกใจของซูหว่านขัดจังหวะการพูดของเสิ่นชิงจิ่นอีกครั้ง เสิ่นชิงจิ่นมองอย่างอย่างรำคาญใจไปที่ซูหว่านซึ่งกำลังแสดงละครทำท่ากุมหน้าผากของตัวเอง “ข้าปวดหัวมากเลย! ข้าไม่รู้ว่าเป็นเพราะนางโกรธหรือไม่ ไทเฮา ทั้งหมดล้วนเป็นความผิดของเสี่ยวหว่าน เสี่ยวหว่านไม่ควรไปยั่วโมโหแม่นางเสิ่นเลย และไม่ควรโต้เถียงกับนาง วันนี้เป็นวันที่ดีแท้ๆ แต่เสี่ยวหว่านกลับทำให้ไทเฮาทรงรำคาญ! ไทเฮาโปรดลงโทษด้วยเถิด!”
ระหว่างที่พูด ซูหว่านก็ทำท่าจะคุกเข่าลงเหมือนสำนึกผิด โดยไม่รอให้คนที่อยู่ด้านข้างได้รู้สึกตัว ไทเฮาก็ได้โค้งตัวลงไปประคองไหล่ทั้งสองข้างของซูหว่านด้วยตัวเอง
ท่าทางเช่นนี้ทำให้คนทั้งห้องต่างตกตะลึง
ตกลงว่าซูหว่านคนนี้ได้รับพรอะไรมา จู่ๆ ถึงเป็นที่โปรดปรานของไทเฮาได้เพียงนี้
ซูหว่าน “โอรสของไทเฮาที่คอยสนับสนุนอยู่เบื้องหลังข้า ข้าจะพูดเหลวไหลได้หรือ”
“อย่าพูดแบบนั้นเสี่ยวหว่าน ความไม่ยุติธรรมต่างก็อยู่ในใจของคนเราเอง ข้าจะให้เจ้าเป็นคนได้เลือกเอง!”
เสี่ยวหว่านเรียกเช่นนี้ ไทเฮาได้เรียกจนชินปากซะแล้ว คนรอบข้างต่างก็หมดคำจะพูด
ไทเฮาทรงเป็นพระมารดา ทุกคนในกลุ่มต่างก็มีอายุไล่เลี่ยกับฝ่าบาทองค์ปัจจุบันแห่งราชวงศ์ จะมีใครที่จะทำให้ไทเฮาทรงเรียกชื่อจริงได้ แม้แต่องค์หญิงก็ไม่มีสิทธิพิเศษนั้น!
ท่ามกลางกลุ่มคนที่ตกตะลึง มีเพียงหลิวซื่อคนเดียวเท่านั้นที่ดูเฉยเมยไม่สนใจ
ใช่แล้ว ลูกสาวของนางจะเป็นองค์หญิงจินในอนาคต เป็นน้องชายน้องสาวของฝ่าบาทของเขา เป็นสะใภ้ของไทเฮา แม้แต่รัชทายาทเมื่อเจอพระปิตุจฉาก็ยังต้องแสดงเคารพต่อผู้อาวุโส
เมื่อนึกถึงจุดนี้ ความรู้สึกของหลิวซื่อก็สบายใจขึ้น
ช่างเถอะ หากจะยึดตามลำดับความอาวุโส การได้แต่งงานกับอ๋องจินชินดูเหมือนจะไม่แย่เลยใช่ไหม
ตอนนี้ในใจของหลิวซื่อ เริ่มเห็นด้วยกับการแต่งงานเรื่องนี้มากขึ้นแล้ว แต่สิ่งเดียวที่ทำให้นางกังวลในตอนนี้คือลูกเขยของนางช่างอ่อนแอนัก อีกทั้งไม่ต้องการให้ลูกสาวของนางเป็นม่ายทั้งที่อายุยังน้อย ในอนาคตนางยังต้องใช้เงินเป็นจำนวนมากเพื่อจะจัดซื้อยาบำรุงให้ลูกเขย…