ภารกิจขโมยใจ ผจญภัยต่างโลก - ตอนที่ 12 สลับตัวคุณหนูไฮโซ (12)
วันหยุดสุดสัปดาห์สั้นๆ ผ่านพ้นไป ซูหว่านก็กลับไปเรียนที่โรงเรียนเฟิงเหิงอีก และซูรุ่ยก็เอาเงินลงทุนก้อนเล็กๆกับทางซูหว่านนั้นไป วางแผนจะเปิดห้องทำงานวิทยาศาสตร์ออนไลน์สักแห่งที่เมือง D
ชีวิตการเรียนน่าเบื่อหน่ายเป็นพิเศษ ภารกิจที่ซูหว่านรู้ทั้งหมดในบทละคร ความจริงแล้วฉากเกี่ยวกับโรงเรียนไม่มากเท่าไหร่นัก และตอนนี้เมื่อกลายเป็นส่วนหนึ่งในโลกนี้แล้ว เธอจึงต้องมารายงานตัวที่โรงเรียนตามเวลาทุกวัน ความจริงตอนแรกซูหว่านวางแผนจะออกจากโรงเรียนไปเล่นหุ้นด้วยตัวเอง แต่หลังจากที่รู้ว่าซูรุ่ยกลายเป็นเซียวฉี่แล้ว เธอก็ต้องเปลี่ยนแผนการของตนเอง
เพื่อไม่ให้ซูรุ่ยสร้างความเดือนร้อนวุ่นวายที่ไม่จำเป็น ซูหว่านรู้สึกว่าตัวเองเป็นนักเรียนมัธยมปลายชั่วคราวก็ไม่เป็นปัญหาอะไรมาก
เจี่ยงโยวนายท่านหญิงยังคงมาวุ่นวายกับซูหว่านทุกวัน คงคิดจะใช้ความสัมพันธ์ฉันพี่น้อง มาสร้างความหวั่นไหวให้กับหัวใจที่เย็นชาไร้ความรู้สึกดวงนั้นของเธอ แน่นอน ความคิดนี้ของเธอดี แต่น่าเสียดาย ซูหว่านไม่ได้อยากจะพบเธอ
ทุกครั้งที่ไปมีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกับเจี่ยงโยวก็ล้วนต้องเจอกับบรรดาองครักษ์ที่มาคอยปกป้องหญิงสาวที่พวกเขาชื่นชอบ นี่ทำให้ซูหว่านรำคาญจะแย่
พวกพี่ๆ พวกคุณไม่รู้หรือว่าเจี่ยงโยวของพวกคุณเป็นผู้เก่งกล้าของยุทธจักร
ฉันไม่สามารถจะเอาชนะเธอได้เลยหรือ
ทุกครั้งพอเจอกันพวกคุณต่างก็ใช้สายตาประมาณว่า ‘ผู้หญิงที่ชั่วร้ายอย่างเธอนี่ พวกคุณกล้ารังแกเจี่ยงโยวเชียวเหรอ! เธอตายแน่!’ มองมาที่ฉัน พวกคุณไม่รำคาญแต่ฉันรำคาญแล้ว
“ซูหว่าน”
วันนี้ ซูหว่านเพิ่งจะแอบวิ่งหนีออกมาจากคาบเรียนพละกลับมาที่ห้องเรียนคิดจะหลับสักงีบ ผลลัพธ์ก็คือถูกคนเรียกตัวเอาไว้ตอนที่เดินอยู่ตรงระเบียงทางเดิน
“เอ๊ะ”
เพราะเสียงนั้นที่เรียกตนเอง ฟังแล้วค่อนข้างคุ้นหู ซูหว่านจึงอดไม่ได้ที่จะหยุดฝีเท้าหันหน้ากลับไปดู
คนที่ปรากฏตัวตรงหน้าเธอ คือร่างที่สง่างามเป็นพิเศษคนหนึ่ง เขาไม่ได้สวมชุดเครื่องแบบของโรงเรียนที่ทุกคนใส่เหมือนกันหมด แต่สวมชุดลำลองแบบที่สั่งทำขึ้นด้วยมือแบบจำนวนจำกัดจากผู้ออกแบบชาวต่างชาติที่มีชื่อเสียง
สามารถเข้ามาในโรงเรียนเฟิงเหิงได้แบบนี้ เหมือนจะมีแค่คนนั้นคนเดียว
“โอวหยางลั่ว? ”
ซูหว่านในความทรงจำของเจ้าของร่างเดิมมาเจอคนที่แปลกประหลาดแบบนี้ หลานชายของผู้อำนวยการโรงเรียนโอวหยาง คุณชายใหญ่แห่งตระกูลโอวหยาง โอวหยางลั่วที่ภาคภูมิใจในความเป็นคุณชายผู้สง่างามสูงส่งของตนเองมาตลอด
ทั่วทั้งเฟิงเหิง ก็มีเพียงเขาคนเดียวที่ไม่สวมเครื่องแบบของโรงเรียน ก็แค่จะแสดงความสง่างามนั้นของตน
ได้ยินซูหว่านเรียกชื่อตนเองทื่อๆ อย่างนั้น ใบหน้าหล่อเหลาของโอวหยางลั่วก็นิ่งขรึม “ซูหว่าน ไม่ใช่ว่าชื่อใครก็จะให้เธอเรียกได้หมดนะ เธอคิดว่าตัวเองเป็นใคร”
ทั่วทั้งในเฟิงเหิง หากบอกว่าหลัวอวี่คือไอดอลประจำโรงเรียนที่ทุกคนยกย่องชื่นชม เช่นนั้นโอวหยางลั่วก็เหมือนกับเป็นฮ่องเต้ผู้สูงส่งเกินอาจเอื้อม
เขาสามารถทำอะไรก็ได้ที่ในโรงเรียนแห่งนี้ เป็นชายในฝันในใจของผู้หญิงนับไม่ถ้วน ทุกคนที่เห็นหน้าเขาแล้ว ต่างก็ต้องเรียกเขาว่า “คุณชายลั่ว”
ก็คือคุณชายใหญ่คนนี้ ที่ภายนอกดูสุขุมเยือกเย็น อีกทั้งยังสูงส่งสง่างาม ความจริงแล้วกลับเป็นแค่คนประหลาดที่ขาดความรัก
เวลานี้เห็นโอวหยางลั่วมองตนเองด้วยสีหน้าดูถูกเหยียดหยาม ซูหว่านก็ไม่มีอะไรจะพูดแล้ว
คุณชายใหญ่ ฉันควรจะต้องคุกเข่าลงกับพื้น ร้องไห้ฟูมฟายขอร้องให้คุณยกโทษให้กับความโง่เขลาอย่างคนทั่วไปเหรอ
คุณคิดว่า คุณเป็นใครอีกล่ะ
เกี่ยวกับโรคหลงตัวเองที่กำเริบแต่ยังอายุน้อย ซูหว่านจึงตัดสินใจว่า จะไม่สนใจเขา!
ดังนั้นโอวหยางลั่วนายรีบยอมรับผิดเสีย ยอมรับผิดเสร็จฉันก็ไม่มีทางให้อภัยสายตาของนาย ซูหว่านหมุนตัวเดินจากไปอย่างสงบเงียบ ห่างไป ห่างไป…
“ซูหว่าน! ”
มองด้านหลังของซูหว่านที่เดินจากไป โอวหยางลั่วกำหมัดแน่น ตอนแรกวันนี้เขามาพบซูหว่านก็เพื่อจะให้บทเรียนนางเล็กน้อย ไม่ให้เธอต่อต้านเจี่ยงโยว คิดไม่ถึงว่าเธอกลับกล้ามองข้ามตนเอง?
เธอคิดว่าตนเองคือคุณหนูใหญ่ตระกูลซูจริงๆ หรือ ไม่ใช่ตัวปลอม!
แน่นอนว่า เกี่ยวกับตัวตนของซูหว่าน แม้ตระกูลซูจงใจปกปิด แต่พวกตระกูลใหญ่เหล่านั้นของเมือง กลับมีแหล่งข่าวของตัวเอง นับตั้งแต่หลังจากที่โอวหยางลั่วได้พบกับเจี่ยงโยวที่ระเบียงทางเดิน เกิดเป็นรักแรกพบครั้งนั้น เขาก็ส่งคนไปสืบประวัติของเจี่ยงโยวเลย เช่นนั้นตัวตนที่แท้จริงของซูหว่านเองก็โผล่ตามออกมาด้วย
เจี่ยงโยวต่างหากที่เป็นคุณหนูที่แท้จริงของตระกูลซู ส่วนซูหว่านก็แค่ลูกของผู้หญิงบ้านนอก
หลังจากที่รู้เรื่องนี้แล้ว โอวหยางลั่วยิ่งชื่นชมเจี่ยงโยว แน่นอนว่าก็ยิ่งรังเกียจซูหว่านมากยิ่งขึ้นเช่นเดียวกัน
ผู้หญิงที่เป็นคุณหนูตัวจริง อ้อนวอนอย่างยากลำบากมาตลอด ส่วนตัวปลอมอย่างเธอนั้น ยังกล้าหยิ่งยโสอยู่อีกหรือ นังคนชั้นต่ำช่างหน้าด้านไร้ยางอายจริงๆ !
คนแบบนี้ไม่คู่ควรจะเป็นพี่สาวของเจี่ยงโยว ยิ่งไม่คู่ควรที่จะอยู่บ้านตระกูลซูต่อไป…
ซูหว่านยังไม่รู้ว่าโอวหยางลั่วตัดสินใจที่ช่วยเจี่ยงโยวจัดการไล่ “คนชั้นต่ำ” อย่างตนเองนี้ออกไปจากบ้านตระกูลซู แน่นอนว่าต่อให้รู้แล้วซูหว่านก็ไม่สนใจ
โธ่เอ๋ย แม่นางฟ้าเจี่ยงโยวของพวกเราก็เป็นคนที่ใครเห็นใครก็รัก ดึงดูดหนุ่มหล่อมากความสามารถนับไม่ถ้วนมาแย่งชิงกัน
ซูหว่านก็รู้ว่าพวกผู้ชายพวกนี้ต้องเริ่มลงมือจัดการตนเอง เธอเพียงแต่รอใช้วิธีหนามยอกเอาหนามบ่งก็ได้ ที่เหลือเธอไม่อยากจะคิดให้เปลืองสมองเลย…
วันที่น่าเบื่อหน่ายค่อยๆ ผ่านไปอย่างช้าๆ ภายใต้การจับผิด และความประสงค์ร้ายของผู้ที่มาคอยเป็นองครักษ์พิทักษ์หญิงที่ตนเองหมายปองแต่ละคน
เพราะห้องทำงานออนไลน์ของซูรุ่ยค่อยๆ เข้าที่เข้าทาง ช่วงหลายวันนี้หลังจากซูหว่านเลิกเรียนแล้วก็จะกลับคอนโดเองคนเดียว วันนี้ก็ไม่มีข้อยกเว้น
“คุณหนู! ”
พอออกจากประตูโรงเรียน ซูหว่านก็มองเห็นแผ่นหลังที่คุ้นเคยของใครคนหนึ่ง
คนขับรถบ้านตระกูลซู ลุงหลิว
“ลุงหลิว คุณลุงมารับคนนั้นเลิกเรียนเหรอคะ”
ลุงหลิวก็เป็นคนเก่าแก่ของบ้านตระกูลซู เป็นคนซื่อสัตย์ที่นิสัยดีเป็นพิเศษคนหนึ่ง นับตั้งแต่ที่ซูหว่านเริ่มเข้าเรียนประถมศึกษาก็คือลุงหลิวรับผิดชอบรับส่งเธอ
ดังนั้นเมื่อเจอลุงหลิว น้ำเสียงของซูหว่านยังถือว่าอ่อนโยน
“คุณหนู คุณผู้ชายสั่งให้ผมมารับคุณ และคุณหนูเจี่ยงโยวกลับไปครับ คุณผู้หญิงเธอ…คุณผู้หญิงเธอคิดถึงคุณแล้วครับ”
เมื่อเอ่ยถึงเหวินซู สีหน้าของลุงหลิวก็สับสนเล็กน้อย “คุณหนูใหญ่ คุณผู้หญิงคิดถึงคุณมากจริงๆ คุณกลับไปเยี่ยมท่านหน่อยเถอะครับ”
นับตั้งแต่ที่ซูอวี้ไม่อยู่ ก็ไม่มีใครดูแลสุขภาพร่างกายของให้เหวินซู เดิมทีเธอก็ร่างกายอ่อนแออยู่แล้ว คงจะอยู่ได้อีกไม่นานแล้ว
เหวินซู…
ซูหว่านนึกถึงผู้หญิงที่จิตใจดีอ่อนโยน แต่กลับมีเวลาเหลือไม่มากคนนั้น เธอถอนหายใจเบาๆ อย่างอดไม่ได้ มองเห็นเจี่ยงโยวและหลัวอวี่เดินมาจากด้านหลัง ซูหว่านจึงได้รีบมุดเข้าไปที่เบานั่งข้างคนขับ “ลุงหลิว ฉันจะกลับไปค่ะ”
เห็นซูหว่านขึ้นรถแล้ว ในที่สุดลุงหลิวก็ยิ้มอย่างสบายใจ คุณหนูใหญ่เป็นคนที่เขาเห็นตั้งแต่เล็กจนโต แม้ว่าเธอจะอารมณ์ร้ายไปบ้าง แต่เธอก็เป็นเด็กดีที่กตัญญูรู้คุณมาตลอด เรื่องนี้ลุงหลิวรู้ดี
เวลานี้ หลัวอวี่และเจี่ยงโยวเดินมาที่ประตู หางตามองเห็นซูหว่านมุดเข้าไปภายในรถ สายตาของหลัวอวี่เย็นยะเยือก หันหน้าไปเห็นเจี่ยงโยวมีสีหน้าดีอกดีใจ หลัวอวี่ดึงมือของเธอมาอย่างทนไม่ไหว “เจี่ยงโยว คุณระวังตัวหน่อยนะ วันนี้ซูหว่านกลับไปที่บ้านตระกูลซู ไม่แน่ว่าอาจจะทำเรื่องอะไรอีก”
“ไม่หรอก ในที่สุดเสี่ยวหว่านก็ยอมกลับบ้านแล้ว พ่อกับแม่เห็นเธอต้องดีใจมากแน่ๆ วันนี้ฉันก็ดีใจมาก! หลัวอวี่ ฉันเคยบอกคุณตั้งนานแล้ว ว่าฉันทำให้เธอใจอ่อนให้ได้” ตอนนี้เจี่ยงโยวที่รู้สึกว่าตัวเองใช้ความพยายามอย่างไม่ลดละ แลกเอาความรู้สึกของพี่น้องกลับมายิ้มอย่างสดใสให้กับหลัวอวี่ที่อยู่ตรงหน้าตนเอง
เมื่อสามวันก่อน ทั้งสองคนเพิ่งจะยืนยันความสัมพันธ์ในฐานะคนรักกันอย่างเป็นทางการ แม้ว่าตอนแรกเจี่ยงโยวจะเผชิญหน้ากับการเข้าหาอย่างไม่ลดละของหลัวอวี่ เจี่ยงโยวปฏิเสธมาตลอด แต่สุดท้ายเห็นซูหว่านกับเซียวฉี่มาอยู่ด้วยกันแล้ว ความรู้สึก “แย่งชิงของรักคนอื่น” ที่เป็นภาระอยู่ภายในใจของเจี่ยงโยวก่อนหน้านี้ก็ไม่มีแล้ว ดังนั้นวันนี้เมื่อพบหลัวอวี่อีก ก็ถูกเขาดึงดูดโดยไม่รู้ตัว สุดท้ายก็ยอมเชื่อฟังหัวใจของตนเอง เลือกคบหากับหลัวอวี่
“เอาละ ถ้าคุณกลับบ้านแล้วเกิดเรื่องอะไร ให้โทรหาผม”
หลัวอวี่คุ้นชินกับด้านที่จิตใจดีงามเช่นนี้เจี่ยงโยว เขาก็ไม่ใจร้ายที่จะไปขัดเธอ ได้แต่กุมมือเล็กๆ ของเธออีกครั้ง แล้วจึงบอกลาคนที่ตนเองรักอย่างอาลัยอาวรณ์
เห็นเจี่ยงโยวนั่งลงบนรถแล้ว ลุงหลิวที่ยืนอยู่ข้างรถก็ก้มศีรษะน้อยๆ แสดงความเคารพต่อหลัวอวี่ จากนั้นจึงได้สตาร์ทรถขับออกไป…
พอซูหว่านขึ้นรถก็งีบอยู่บนเบาะข้างคนขับ รอจนรถยนต์ติดเครื่องแล้ว เธอก็ยื่นมือออกไปเปิดแผ่นเสียงCDในรถยนต์ เจี่ยงโยวที่อยู่ด้านหลังลองเรียกเธอหลายครั้ง เห็นซูหว่านไม่มีปฏิกิริยาตอบโต้ เธอก็ได้แต่ก้มหน้าลงมาอย่างท้อแท้หดหู่
ภายในรถเสียงเพลงอันไพเราะดังก้อง นี่ยังคงเป็นเพลงที่เจ้าของเดิมชอบฟังมากที่สุด ดูเหมือนว่าในช่วงที่เธอไม่อยู่นี้ อย่างน้อยตระกูลซูก็ยังมีคนที่ไม่ลืมการมีตัวตนอยู่ของเธอ…
กลับมาถึงคฤหาสน์ตระกูลซูที่จากไปนาน รถยังไม่ได้เข้าไปในลานบ้าน ซูหว่านก็ลืมตาแล้ว มองเห็นที่ในลานบ้านมีรถแปลกหน้าจอดอยู่ สายตาของซูหว่านก็ค่อยๆ เปลี่ยนไป “ลุงหลิวคะ ในบ้านมีแขกเหรอคะ”
“เอ๊ะ”
ลุงหลิวก็เพิ่งจะเห็นรถเก๋งหลายคันนั้นที่ซูหว่านพูดถึง มองเห็นป้ายทะเบียนรถ สีหน้าของลุงหลิวก็เปลี่ยนตามไปเช่นกัน “คุณหนูใหญ่ นั่นคือรถของคุณหมอกัว คงจะไม่ใช่…คุณผู้หญิง คุณผู้หญิงเธอ…”
ไม่รอให้ลุงหลิวพูดจบ ซูหว่านก็กระโดดลงจากรถไปอย่างรวดเร็ว
“เสี่ยวหว่าน รอฉันก่อน! ”
เจี่ยงโยวก็ตามหลังซูหว่านไปติดๆ ตอนที่ทั้งสองเข้าไปในคฤหาสน์ ทั้งคฤหาสน์ก็ปกคลุมไปด้วยบรรยากาศที่ตึงเครียด ซูหว่านรีบพุ่งขึ้นไปที่ชั้นสองมาถึงนอกประตูห้องของเหวินซู เวลานี้ ซูไห่เฉิงยืนอยู่ที่หน้าประตูตาแดงก่ำเดินไปเดินมาไม่หยุด
“พ่อคะ แม่ฉันเป็นยังไงบ้างคะ”
“เสี่ยวหว่านลูกกลับมาแล้ว แม่ของลูกเขา…”
เวลานี้ซูไห่เฉิงไม่ได้รู้สึกยินดีต่อการกลับมาของลูกสาว เขานึกถึงภรรยาที่จะเป็นหรือตายก็ยังไม่รู้ของตนเอง ในดวงตาก็เต็มไปด้วยความเจ็บปวด “หลังจากที่ลูกพี่ลูกน้องของลูกประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต สุขภาพร่างกายของแม่ก็แย่ลงทุกวัน พ่อเชิญคุณหมอกัวแพทย์แผนจีน ผู้มีความเชี่ยวชาญระดับประเทศมารักษาแม่ของลูกด้วยตัวเอง การฝังเข็มของคุณหมอกัวมีชื่อเสียงทั้งในและต่างประเทศ หวังว่าเขาจะมาสามารถทำให้แม่ของลูกฟื้นขึ้นมาจากการหมดสติได้”
ครึ่งชั่วโมงก่อนหน้านี้ ตอนนั้นซูไห่เฉิงยังประชุมอยู่ที่บริษัท ผลปรากฏว่าประชุมไปได้ครึ่งทางก็ได้รับสายจากคนรับใช้ที่บ้านบอกว่าเหวินซูหมดสติไม่ฟื้น พอรู้ว่าภรรยาที่รักจู่ๆ ก็หมดสติ เขาก็รีบขับรถกลับมาที่บ้านพร้อมทั้งให้คนไปรับหมอกัวมา แต่ถึงตอนนี้ คุณหมอกัวก็ยังทำการรักษาอยู่ด้านใน อาการของเหวินซูเป็นอย่างไร ซูไห่เฉิงก็ไม่มีทางรู้ได้
หมดสติไม่ฟื้นงั้นหรือ?
ได้ยินคำพูดของซูไห่เฉิง ทั้งยังมองไปที่ประตูห้องหายที่ปิดอยู่นั้น ซูหว่านก็ถอยไปด้านข้างอย่างทนไม่ได้ ควักโทรศัพท์มือถือออกมาโทรหาซูรุ่ย “คุณรีบมาที่นี่ตอนนี้เลย ฉันจะส่งที่อยู่ให้คุณ! ”
วางสายแล้ว ซูหว่านก็ส่งที่อยู่ของบ้านตระกูลซูให้ซูรุ่ยทันที
มองเห็นซูหว่านยืนคุยโทรศัพท์อยู่ด้านข้าง เจี่ยงโยวก็อดไม่ได้ที่จะมองเธอ “เสี่ยวหว่าน เธอโทรหาใครเหรอ”
“ไม่ใช่เรื่องของเธอ”
ซูหว่านถลึงตาใส่เจี่ยงโยว ไปยืนอีกฝั่งของประตู ทั้งตัวพิงเข้ากับผนัง ก้มหน้าก้มตา มองขาทั้งสองข้างของตัวเองอย่างเหม่อลอย
ซูไห่เฉิงที่กระวนกระวายมานานแล้ว ตอนนี้ไม่มีอารมณ์ที่จะไปปรับความขัดแย้งระหว่างลูกสาวทั้งสองของตนเอง เขายังคงเดินวนไปเวียนมาไม่หยุดที่หน้าประตูห้องนอน เจี่ยงโยวดูเหมือนจะอ้าปากพูดอะไรบางอย่าง แต่เสียงของโทรศัพท์กลับดังขึ้นขัดจังหวะเธอ
คือหลัวอวี่ที่โทรมา
เห็นได้ชัดเจนมากว่าเกี่ยวกับสถานการณ์ของเจี่ยงโยว หลัวอวี่ไม่ไว้วางใจตลอดเวลา
“หลัวอวี่! ”
อารมณ์ของเจี่ยงโยวตื่นเต้นขึ้นมาทันทีเมื่อเขารับสายของหลัวอวี่ จากในสายได้ยินเสียงของเธอกำลังสั่น หลัวอวี่ก็อดไม่ได้ที่จะถามซักไซ้ “เสี่ยวโยว คุณเป็นอะไรไป”
“หลัวอวี่ คุณแม่ของฉัน คุณแม่ของฉันเขา…”
พูดยังไม่ทันจบ เจี่ยงโยวก็สะอึกสะอื้นขึ้นมาอย่างทนไม่ไหว “ฉันสูญเสียแม่ไปคนหนึ่งแล้ว ฉันไม่อยากสูญเสียแม่คนที่สองอีกแล้ว หลัวอวี่ ฉันควรจะทำยังไงดี ฉันควรทำยังไงดี”
ทำอย่างไรเหรอ ไม่รู้จะทำอย่างไรเหมือนกัน
ซูหว่านที่ยืนพิงผนังอยู่อีกด้านได้ยินเสียงคุยโทรศัพท์สะอื้นของเจี่ยงโยว เธออดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว จากนั้นก็เงยหน้าขึ้นมองไปที่เจี่ยงโยวอย่างเย็นชาน่ากลัวโดยไม่รู้ตัว “ถ้าอยากโทรไปออดอ้อนขอความเห็นใจกัน เธอได้โปรดไปไกลๆหน่อย! แม่ฉันไม่มีทางเป็นไรหรอก เธอร้องไห้เศร้าเสียใจอยู่ตรงนี้ มันหมายความว่าอะไร”
ครั้งนี้ ซูหว่านไม่ได้เก็บน้ำเสียงเย็นชาของตน หลัวอวี่ที่อยู่ปลายสายนั้นก็ได้ยินเสียงของซูหว่านอย่างชัดเจน
ทันใดนั้น สีหน้าของเขาก็เคร่งขรึมลง “เสี่ยวโยว คุณอย่ากังวล ผมจะพาคุณหมอประจำตระกูลของผมไปเดี๋ยวนี้ คุณป้าต้องไม่เป็นอะไร! ”
ทางหลัวอวี่นั้นรีบวางสายไปแล้ว ส่วนเจี่ยงโยวก็กำโทรศัพท์มือถือในมือแน่น มองซูหว่านด้วยสีหน้าน้อยใจ “เสี่ยวหว่าน ฉันก็เป็นห่วงแม่ ฉันไม่รู้ว่าควรทำยังไง ฉันไม่ได้…”
“พอแล้ว เลิกทะเลาะกันได้แล้ว!”
ซูไห่เฉิงที่นิ่งเงียบมาตลอด ในที่สุดก็พูดออกมาอย่างหมดความอดทน “แม่ของพวกเธอยังหมดสติไม่ฟื้น พวกเธอสองคนก็จะเงียบหน่อยไม่ได้เหรอ”
“คุณพ่อ หนู…”
เจี่ยงโยวกัดริมฝีปาก เห็นซูหว่านก้มหน้าก้มตาเหม่อลอยอีก เธอก็ได้แต่เก็บคำอธิบายของตนเองกลับไป…