ภูติจิ๋วตะลุยแดนมายา - ตอนที่ 1 บทลงโทษ
ภูติเป็นสิงมีชีวิตขนาดจิ๋วเพียงหนึ่งฝ่ามือมนุษ์ รูปร่างไม่ต่างจากมนุษย์มากนักเพียงแต่สีผิวพวกเขาสามารถเรืองแสงเป็นสีที่เกี่ยวข้องกับพลังหรือธาตุเมื่อใช้พลังเวทหรือขยับตัวตามปกติ ในหมู่บ้านแฟรี่ไนท์หรือดินแดนแฟรี่ไนท์แห่งนี้ ภูติเพศหญิงที่มาจากตระกูลแห่งแสงมักมีรูปร่างที่สวยงามและพลังที่อ่อนโยน
ถ้าพูดถึงตระกูลแห่งแสงแล้วล่ะก็ วิสรี่คือหนึ่งในนั้น
ซาคและวิสรี่ภูติหนุ่มสาววัยรุ่นอายุสิบเจ็ดปีกำลังสอดแนมมนุษย์
“นี่ซาค ข้าเบื่อจะแย่แล้ว เฝ้าดูพวกมนุษย์ไปก็ไม่เห็นจะมีประโยชน์อะไรเลย ฟังนะหมู่บ้านของเราไม่ได้เข้าร่วมสงครามมานับพันปีแล้ว แถมพวกเรายังมีพลังเวทแข็งแกร่งกว่าพวกมนุษษ์จอมเวทนั้นตั้งเยอะไม่เห็นต้องกลัวเลย แค่ข้าคนเดียวก็ล้มพวกอยู่ในวังได้สิบคนสบายๆ พวกเราไปเดินเล่นที่ภูเขาด้านนั้นดีกว่า”
“ไม่ได้ ครั้งนี้หัวหน้าหน่วยบอกว่าถ้าอู้งานอีกจะจับไปยัดใส่หุ่นมนุษย์ทดลองห้าวันเลยนะ”
“ทำไมต้องเอาเราไปยัดใส่หุ่นมนุษย์น่าสมเพศแบบนั้นด้วยนะไม่เห็นมีไรดีสักอย่าง ใช้เวทมนต์ก็ยากแถมยังเป็นมนุษย์อีกข้าไม่เข้าใจตาแก่นักประดิษฐ์ของเถื่อนนั้นจริงๆ”
“คุณเวลบอกว่าทำเพื่อแฟรี่ไนท์น่ะ”
“แฟรี่ไนท์กับผีสิ ข้าได้ยินเพื่อนของข้าบอกว่าตาลุงเวลสมัยเป็นทหารยามได้ตกหลุมรักผู้หญิงเผ่ามนุษย์คนหนึ่งเข้า นานวันไปนางคนนั้นก็มีคนรัก ตาแก่เวลก็เลยนอนร้องไห้ไปหกวันห้าคืน”
“ชูว……..”
ซาคทำท่าเอานิ้วชี้แตะที่ปากเป็นการบอกให้เงียบ วิสรี่เอามือทั้งสองมาปิดปากตัวเองทันทีแต่เหมือนจะสายไปซะแล้ว
เด็กผู้หญิงชาวมนุษย์เงยหน้ามองมาบนต้นไม้ พร้อมชี้นิ้ว
“ท่านแม่ ข้าได้ยินเสียงคนบนต้นไม้”
แม่ของเด็กเดินเข้ามาหา
“จะไปมีคนอยู่บนต้นไม้ได้ไงลูก มานี่มะแม่พาไปซื้อขนม”
“ขนมหรอ ไป ไป”
ซาคถอนหายใจ
“เกือบไปแล้ว พวกเราไม่มีเวทเครื่อนย้ายด้วยสิ”
เสียงที่แฝงไอเย็นได้ลอยมากับสายลมพัดมาถึงหูเขาและวิสรี่
“พวกเจ้าอีกแล้วสินะ”
ภูติแห่งสายลมหัวหน้าหน่วยสอดแนมได้มายืนอยู่ตรงหน้า
“หึหึ บทลงโทษคงเบาไปสำหรับพวกเจ้าสองคนสินะ.. ลงโทษไปก็ไม่เคยหลาบจำ เอาแบบนี้แล้วกันครั้งนี้ข้าจะส่งพวกเจ้าไปอยู่กับคุณเวลสักหนึ่งเดือนแล้วกัน”
สีหน้าวิสรี่พร้อมที่จะร้องไห้โฮออกมาตลอดเวลา
“ท่านหัวหน้าส่งข้าไปที่ไหนก็ได้ยกเว้นส่งข้าไปหาตาแก่นั้น”
“จะเรียกว่าตาแก่ก็ไม่ถูกนะวิสรี่ พวกเราเผ่าภูติไม่มีแก่เฒ่ามีแต่แกนยึดพลังจะหายไปตามกาลเวลา ถึงแม้แกนยึดพลังของคุณเวลกำลังจะหายไป อายุก็ปาไปหกร้อยปีแล้วแต่โดยรวมยังถือว่ายังหนุ่มแถมหน้าตาก็ไม่เลว”
“ข้าขอร้อง ท่านหัวหน้า… “
“ข้าว่าบทลงโทษของเจ้าเป็นแบบนี้ก็ดีแล้ว สำหรับซาคนี่เป็นบทลงโทษที่เบาก็จริงถึงซาคจะไม่รอบครอบจนทำงานพลาดบ่อยครั้งแต่ส่วนใหญ่มันเป็นเพราะเจ้าประมาท พรุ่งนี้ก็ไปหาคุณเวลด้วยล่ะ ลาก่อนวิสรี่ศิษย์รัก ฮ่าฮ่าฮ่า”
หัวหน้าหน่วยได้หายไปพร้อมกับสายลม
“ท่านหัวหน้า!”
วิสรี่ร้องไห้โฮออกมา
“ฮือ…ฮือ…”
ซาคเอามือลูบหัวปลอบใจ
“เรื่องมันก็นานมาแล้วเจ้าจะเกรียดอะไรเขานักหนา”
“ถ้าเจ้าเป็นข้าเจ้าไม่มีทางพูดแบบนี้แน่ ตอนเด็กน่ะข้า…ฮือ…ฮือ…ไม่เอาแล้วข้าไม่อยากพูดถึง”
วิสรี่นั่งร้องไห้อยู่นาน ส่วนซาคก็นั่งฟังเสียงร้องไห้อยู่นานเขาไม่ได้รู้สึกเบื่อเลยได้ฟังวิสรี่ด่าคุณเวลไปร้องไห้ไปก็สนุกดี
เธอร้องไห้จนพอใจ
“นี่ วิสรี่ข้ากลับก่อนนะ วันนี้น้องสาวข้ากลับเร็ว”
“อือ…”
วิสรี่นั่งอยู่ตรงนั่นปรับอารมณ์อยู่ครู่หนึ่งแล้วเดินทางกลับแฟรี่ไนท์
เขตดาวตก หมู่บ้านแฟรี่ไนท์
รอนด้าภูติอายุสิบห้าปีบินมาตามถนนที่สร้างจากกิ่งไม้เล็กๆหลายกิ่งถักทอกันอย่างสวยงาม ผู้ที่สร้างสิ่งนี้ขึ้นมาคือภูติตระกูลแห่งไม้
หมู่บ้านแฟรี่ไนท์หรือดินแดนแฟรี่ไนท์ถูกสร้างด้วยกิ่งไม้และแสงสีจากตระกูลแห่งแสงอย่างสวยงาม
สิ่งก่อสร้างถูกสร้างด้วยตระกูลแห่งผืนดิน
ประชากรสามหมื่นตน
ไม่มีสิ่งไหนเลยที่ไม่สวยงามในดินแดนที่เล็กจิ๋วแห่งนี้
รอดด้าเห็นแสงจากด้านในบ้านเปิดอยู่
“กลับมาแล้วค่ะ ท่านพี่”
“วันนี้มีอะไรจะถามข้าล่ะ”
รอนด้ายิ้มอย่างมีความสุขเธอรู้ว่าพี่ชายตั้งใจกลับบ้านเร็วขึ้นเพื่อเธอ
“วันนี้ข้าเริ่มเรียนอักษรรูนวันแรกข้ามีเรื่องไม่เข้าใจเยอะเลย ท่านพี่ช่วยสอนตรงที่ข้าไม่เข้าใจหน่อยสิ”
เธอชี้ลงในสมุดส่วนที่ไม่เข้าใจ
“ข้าคิดไว้แล้วต้องมีคำถาม เจ้าก็ขี้สงสัยไปซะทุกเรื่องเลยนะรอนด้า เรื่องที่ไม่เข้าใจเจ้าก็จะหาคำตอบจนไม่เป็นอันกินอันนอน วันไหนที่เจ้าหาคำตอบไม่ได้เจ้าจะทำยังไง”
“ข้าก็จะไปถามคนอื่น”
รอนด้าฉีกยิ้มอย่างน่ารัก
ซาคสอนเธอได้อย่างดีเยี่ยมนั้นเป็นเพราะว่าเขาคือภูติตนหนึ่งที่มีคะแนนสอบเป็นอันดับสิบในหมู่บ้านส่วนอันดับที่สูงกว่านั้นโดนแย่งชิงไปโดยลูกหลานตระกูลใหญ่
“ท่านพี่ อาจารย์บอกว่าถ้าเข้าใจอักษรรูนก็จะเข้าใจพลังของตัวเองมากขึ้น ข้าจะหาจุดเด่นของสายพลังตัวเองเจอรึป่าว”
“น้องฉลาดจะตายคะแนนสอบก็เป็นอันดับสี่ข้าอายุก็ปาไปสิบเจ็ดแล้วยังหาจุดเด่นของสายพลังเวทตัวเองไม่เจอเลย”
“พวกตระกูลใหญ่นี่ดีจังนะ มีสายพลังเวทของตระกูลเป็นจุดเด่นตั้งแต่กำเนิดแล้วยังไม่หายไปตามยุคสมัย สายพลังเวทตระกูลที่อ่อนแอโดนสายพลังของตระกูลใหญ่กลืนกินจนท้ายที่สุดทายาทจะมีสายพลังเวทของตระกูลใหญ่”
“จะว่าแบบนั้นก็ไม่ถูกนะ เพราะแบบนี้ไงเขาถึงไม่กล้าแต่งงานกับพวกตระกูลใหญ่กัน จะรักใครชอบใครก็ไม่ใช่เรื่องง่าย ส่วนพวกเรามีอิสระในความรัก สายพลังตระกูลใหญ่ก็ใช่ว่าจะมีแต่ข้อดีเสมอไป”
“ท่านพี่วิสรี่น่าจะลำบากใจน่าดูเลยนะคะ”
“ฮ่าฮ่า วิสรี่ไม่เคยคิดเรื่องแบบนั้นแน่”
“ข้าว่าไม่น่าใช่นะท่านพี่”
เขตดวงตะวัน หมู่บ้านแฟรี่ไนท์
วิสรี่ส่งตัวเองเข้าหาเตียงนอนเมื่อถึงห้อง
เธอเอาหน้าซุกกับหมอนพร้อมใบหน้าอมชมพู มือลูบผมของเธอส่วนที่ซาคสัมผัส
“ซาค คนบ้า…”