มหัศจรรย์ เป็นคุณชาย ชั่วข้ามคืน - บทที่ 1060
มหัศจรรย์ เป็นคุณชาย ชั่วข้ามคืน บทที่ 1060
เมื่อท้องฟ้าสดใสกัดเซาะดวงจันทร์งั้นเหรอ? แล้วทำไมถึงจะมีดวงจันทร์ในช่วงกลางวันที่สดใสด้วยล่ะ? แล้วทำไมน้ำถึงไหลไปในทิศทางตรงกันข้าม?
ในขณะที่เจอรัลด์พบว่าสองประโยคแรกนั้นแปลกมาก แต่ประโยคสุดท้ายกลับค่อนข้างง่ายที่จะเข้าใจได้อยู่
มันมีความหมายว่าใครบางคนจะตายเมื่อเมื่อดอกไม้สีทองร่วงหล่นสู่บนพื้น
“…อาจหมายถึงฉันเองหรือเปล่านะ…?” เจอรัลด์พึมพำกับตัวเอง
“ดูเหมือนว่าแม้แต่ระดับการฝึกฝนของผู้ส่งก็ยากต่อการจะชี้ชัดได้ ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม พวกเขาก็ดูเหมือนจะเข้าใจทุกอย่างโดยละเอียด…อาจมีบุคคลที่ทรงพลังเช่นนี้ในโลกจริง ๆ เหรอ?” แดริลกล่าวเสริมด้วยความไม่เชื่อ
“…ยังไงซะ แล้วเจอรัลด์ล่ะครับ พ่อ? เนื่องจากบุคคลทีน่าลึกลับแต่ทรงกำลังคนนี้ส่งจดหมายสั้นเช่นนี้ให้เจอรัลด์ นั่นไม่ได้มีความหมายว่าการทำนายของรูปวาดดวงอาทิตย์อาจเป็นจริงหรือเปล่าครับ? ทั้งหมดนี่อาจหมายความว่ายังไงกัน?” ดีแลนถามอย่างวิตกกังวล
“อืมม…เอาล่ะ นอกเหนือจากม้วนกระดาษที่พวกเราได้รับ พวกเราก็ไม่มีทางเลือกอื่นใด ๆ เลยจริง ๆ ที่จะจัดการกับสถานการณ์ปัจจุบันได้ เนื่องจากบุคคลนั้นต้องการให้พวกเราไปมองหาโลงศพชั่วนิรันดร์ การคาดเดามั่ว ๆ ก็คงจะเป็นว่าโลงศพนั้นจะใช้เก็บร่างของเจอรัลด์ให้สมบูรณ์ หากมีบางอย่างเกิดขึ้นกับเขาจริง แต่อย่างไรก็ดี เจอรัลด์จะตายด้วยการถูกฉีกเป็นชิ้น ๆ ตามคำทายของรูปวาดดวงอาทิตย์หนิ!” แดริลตอบกลับ ขณะที่เขาส่ายหัวของเขา
“อีกครั้งนะ พวกเราไม่มีตัวเลือกอื่นในขณะนี้…นอกจากนี้ ตามเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ บุคคลที่ช่วยเหลือพวกเราอย่าลับ ๆ ก็ดูเหมือนไม่ได้มีท่าทีเป็นปรปักษ์ต่อเรา ไม่ว่าจะเป็นกรณีใดก็ตาม บุคคลนั้นก็ดูเหมือนจะต้องการให้เธอไปค้นหาโลงศพชั่วนิรันดร์ด้วยเหตุผลที่มีเพียงเขาเท่านั้นที่รู้ เธอคิดว่ายังไงล่ะ?” แดริลกล่าวเสริม
“แฮะ ผมจะไม่มีชีวิตอยู่ได้นานไปกว่านี้อยู่ดีดังนั้นผมอาจจะไปมองหามันได้เช่นกัน เนื่องจากผมต้องการจะพิสูจนความแข็งแกร่งของผม เพื่อหวังว่าจะได้กลายมาเป็นปรมาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่ได้ นี่จะเป็นโอกาสที่เหมาะสมที่สุดสำหรับผมในการมุ่งหน้าออกไปและให้ได้ประสบการณ์เพิ่มเติม หากทุกอย่างเป็นไปอย่างราบรื่น ใครจะไปรู้ ผมอาจจะมีคุณสมบัติที่จะได้เข้าร่วมในการปฏิญาณน้ำศักดิ์สิทธิ์ก็ได้!” เจอรัลด์ตอบกลับ
เจอรัลด์มีความรู้สึกสังหรณ์ใจอย่างแรงว่าการปฏิญาณน้ำศักดิ์สิทธิ์คือกุญแจที่จะปลดล็อกความลับแห่งสหพันธ์ดวงอาทิตย์ เขาเพียงรู้สึกว่าคำถามทั้งหมดที่เขามีจะได้รับคำตอบในท้ายที่สุด เมื่อเขาเข้าร่วมในการปฏิญาณนั้น
เนื่องจากเขาเป็นกึ่งปรมาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่แล้ว เขารู้ว่าเขาจำเป็นต้องฝึกฝนให้มากเท่าที่เขาอาจสามารถทำได้ เพื่อจะให้ได้รับตำแหน่งปรมาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่ที่แท้จริงมา ถ้าโชคดีเมื่อสิ่งนั้นเกิดขึ้น เขาก็จะยังคงสามารถเข้าร่วมในการปฏิญาณได้ ความคิดนั้นกระตุ้นให้เขาต้องพยายามอย่างเต็มที่ ท้ายที่สุดแล้ว ถ้าเขาสามารถเปิดโปงความลับของสหพันธ์ดวงอาทิตย์ได้ งั้นเรื่องทั้งหมดนี้ก็คงจะคุ้มค่าอย่างมาก แม้ว่าคำทำนายของการตายของเขาจะลงเอยกลายมาเป็นเรื่องจริงก็ตาม
“เข้าใจแล้ว…เอาล่ะ ฉันคิดว่างั้นก็ตกลงตามนี้แล้วกัน แต่ก็อีกนั่นแหละ การมองหาโลงศพชั่วนิรันดร์เป็นสิ่งเดียวเท่านั้นที่พวกเราสามารถทำได้ตอนนี้” แดริลกล่าว พร้อมกับถอนหายใจอย่างหมดหนทาง
ด้วยเหตุนั้น พวกเขาทั้งสามคมจึงคุยกันจนดึก
วันต่อมา สมาชิกทั้งหมดของตระกูลคลอฟอร์ดมารวมตัวกันรอบ ๆ เฮลิคอปเตอร์ โดยพร้อมที่จะกล่าวอำลาเจอรัลด์กัน
เจอรัลด์เองก็พร้อมที่จะจากไปแล้ว
ในขณะเดียวกัน เวลสันก็อยู่บนชายหาด ยุ่งอยู่กับการมอบคำสั่งให้ลูกน้องสองสามคน
“ให้ความสนใจเป็นพิเศษกับทุกอย่างที่เกิดขึ้นบนเกาะด้วย! ท่านลอร์ดกล่าวว่าในเวลานี้เป็นช่วงเวลาสำคัญสำหรับตระกูลคลอฟอร์ด ดังนั้นพวกนายทุกคนต้องยิ่งจริงจังให้มากกว่าที่เคยเป็นมา!”
หลังจากได้รับคำสั่งของพวกเขาแล้ว จากนั้นเวลสันก็บอกให้พวกเขาจากไปได้ก่อนจะเอามือไขว้ไว้ข้างหลัง ขณะที่เขายืนอยู่ข้างชายหาด ขณะมองออกไปยังมหาสมุทรอันกว้างใหญ่
ไม่นานมานี้ เขาอดไม่ได้ที่จะรู้สึกว่าบางอย่างผิดปกติมาโดยตลอด แม้สิ่งต่าง ๆ ยังคงดูเหมือนสงบสุขดี แต่เขามักจะรู้สึกอยู่เสมอว่าบางอย่างที่สำคัญจะเกิดขึ้นในเร็ว ๆ นี้
ความรู้สึกนั้นรุนแรงเป็นพิเศษทันทีที่เขาตื่นขึ้นมาในวันนี้ มันรุนแรงมากจนเขารู้สึกทั้งลุกลี้ลุกลนและวิตกกังวลอย่างมาก แม้กระทั่งตอนนี้ก็ตาม
ขณะที่เขายังคงคิดเกี่ยวกับมันต่อไป ในขณะที่มองไปที่มหาสมุทร ทันใดนั้นเขาก็ได้ยินเสียงฝีเท้าเบา ๆ กำลังเดินมาหาเขาจากด้านหลัง
“…หืมม? มีอะไร?” เวลสันถาม ขณะที่เขาเอียงหัวของเขาเล็กน้อย เมื่อคิดว่านั่นคือลูกน้องของเขา
“สถานที่แห่งนี้อาจเป็นที่ที่ตระกูลคลอฟอร์ดอาศัยอยู่กันหรือเปล่า?” น้ำเสียงที่ฟังดูชราอย่างไม่คาดคิดเอ่ยถามขึ้นมา
เมื่อรู้สึกว่าหัวใจของเขาเต้นผิดจังหวะ เวลสันจึงหันหลังกลับในทันที เพียงเพื่อได้รับการต้อนรับโดยชายชราผมขาวที่มีแต่ผิวหนังและกระดูกเท่านั้น
ด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยเหี่ยวย่น ชายชราคนนั้นสวมชุดขาวเรียบ ๆ และเขาดูเหมือนจะสูญเสียแขนข้างหนึ่งไปเช่นกัน
ทั้ง ๆ ที่ชายชราดอ่อนแอเพียงใด แต่เวลสันก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกปรหม่าขึ้นมา
‘เขามาที่นี่ได้ยังไงกัน? แล้วเขามาปรากฏตัวอยู่ข้างหลังฉันเมื่อไหร่?’
“…ผมจอทราบได้ไหมครับว่าคุณเป็นใคร คุณผู้ชาย? แล้วทำไมคุณถึงมาตามหาตระกูลคลอฟอร์ดบนเกาะแห่งนี้?” เวลสันตอบกลับ ขณะที่เขาโค้งให้เล็กน้อย เมื่อเข้าใจว่าชายชราผู้นี้ไม่ใช่คนธรรมดาทั่วไป
“ฉันคือปรมาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่…คริสโตเฟอร์ โมลเดล!”