มหัศจรรย์ เป็นคุณชาย ชั่วข้ามคืน - บทที่ 925
มหัศจรรย์ เป็นคุณชาย ชั่วข้ามคืน บทที่ 925
ในทางกลับกัน เกสท์ถูกบอกกล่าวให้ยังคงอยู่ในจังหวัดซอลฟอร์ดด้วยกันกับผู้เชี่ยวชาญเจนคินสัน หลังจากการปฏิบัติการชุยเลอร์ทั้งหมดนั้น ท้ายที่สุดแล้ว เจอรัลด์ก็เห็นว่าไม่มีความจำเป็นที่เกสท์จะติดตามเขามาจนถึงเมืองเมย์เบอร์รี่
นอกจากนี้ การที่เกสท์กลับบ้านไปอย่างปลอดภัยดี เจอรัลด์รู้ว่าเขาก็มีที่พักพิงที่เชื่อถือได้ในจังหวัดซอลฟอร์ด ซึ่งเขาสามารถล่าถอยไปได้หากสิ่งต่าง ๆ ไม่เป็นไปตามที่คาด
เอาตามตรงมันก็เป็นที่พักพิงเดียวที่เขาเหลือ
ถ้ามีช่วงเวลาที่ตระกูลเวสลีย์ถูกเปิดเผยขึ้นมา เจอรัลด์รู้ถึงความจริงว่าเขาจะไม่มีที่ไหนให้ขอหลบภัยได้ เมื่อโมลเดลตามกลิ่นเขาเจอ อย่าลืมว่าเขาก็ฆ่าโมลเดลสี่คนในตอนที่อยู่จังหวัดซอลฟอร์ด
แม้เขามั่นใจว่าโมลเดลจะไม่ฆ่าเขาอย่างง่ายดายก็ตาม แต่เขาก็ไม่สามารถปฏิเสธได้ว่าตระกูลของพวกเขานั้นมีอำนาจอย่างมาก เจอรัลด์รู้เป็นอย่างดีว่าเขาไม่ควรคิดที่จะจัดการกับโมลเดลด้วยตัวเขาเองด้วยซ้ำ
มันจึงเป็นเหตุผลที่ทำไมตอนนี้เขาถึงพิจารณาอย่างรอบคอบในทุก ๆ การเคลื่อนไหวที่เขากำลังจะทำ
หลังจากการจัดเตรียมการเดินทางของโยเอลเพื่อไปจังหวัดซอลฟอร์ด เจอรัลด์จึงมุ่งหน้าไปยังเมาน์เทนท็อปวิลล่าในทันที
เมื่อปีนขึ้นไปบนต้นไม้ที่สูงมากต้นหนึ่งใกล้ เจอรัลด์ก็หลับตาลง ขณะที่เขาพิงตัวกับกิ่งไม้ที่แข็งแรง สูงเหนือพื้นดิน
ที่นั่นเขานอนรอจนกระทั่งยามค่ำคืนมาถึงในท้ายที่สุด และเป็นตอนนั้นเอง ในที่สุดเขาก็ลืมตาขึ้นอีกครั้ง
ตอนนั้นเมาน์เทนท็อป วิลล่า ก็สว่างไสวแล้ว
หลังจากตรวจสอบดูว่ามีใครอยู่ใกล้บริเวณนี้หรือไม่ เจอรัลด์ก็ทิ้งกระเป๋าเป้ของเขาลงกับพื้น โดยก่อให้เกิดเสียงดังตุ้บเบา ๆ ตามมาหลังจากนั้น เขาก็ลงมาจากต้นไม้เช่นกัน โดยการลงมาอย่างเงียบ ๆ ราวกับว่าเขาเป็นแมวตัวหนึ่ง
ตอนนี้บนพื้น เขาเปิดกระเป๋าเป้ของเขาและดึงเสื้อคลุมตัวยาวสีดำมีฮู้ดออกมา หลังจากสวมใส่มันแล้ว ใบหน้าของเจอรัลด์ก็แทบจะไม่สามารถระบุตัวตนได้
ด้วยเช่นนั้น ภารกิจการแทรกซึมของเขาก็เริ่มขึ้น
“เช่นนั้น สถานการณ์เป็นไงบ้างล่ะ? คนที่นายส่งไปยังจังหวัดซอลฟอร์ดพูดว่าอะไรบ้าง?” ชายหนุ่มที่กำลังนอนบนโซฟาในห้องนั่งเล่นของเมาน์เทนท็อป วิลล่าถาม
ภายในห้องนั้น ผู้ชายหลายคนกำลังยืนอยู่ด้วยความสบายใจกัน มือของพวกเขาไขว้ไว้ข้างหลัง เมื่อได้ยินคำถามของเขา ผู้ชายคนอื่นสองสามคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาก็อธิบายขึ้นมา “เนื่องจากคฤหาสน์ตระกูลชุยเลอร์ถูกทำให้มอดไหม้ราบคาบไปกับพื้นอย่างสมบูรณ์ และทุกคนในตระกูลนั้นก็ถูกประกาศว่าหายตัวไป พวกเราจึงไม่สามารถตาหาเบาะแสใด ๆ ได้ว่า คู่หูเควนตินและเทรย์อยู่ที่ไหน! พวกเราไม่มั่นใจด้วยซ้ำครับว่าพวกเขาตายแล้วหรือมีชีวิตอยู่!”
“ไอ้โง่เอ้ย! นายควรจะรู้ดีว่าสมาชิกของตระกูลโมลเดลมีสายเลือดชั้นสูง! ไม่มีคนธรรมดาที่ไหนจะสามารถเทียบกับเควนตินและเทรย์ได้! พวกเขาเป็นมือขวาของฉัน! ถ้าพวกเขาจะพบกับจุดจบของพวกเขาอย่างแท้จริงในสถานที่แห่งนั้น อย่างจังหวัดซอลฟอร์ดล่ะก็ นั่นจะเป็นความอัปยศที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่ตระกูลโมลเดลเคยเผชิญมาอย่างแน่นอน! เพิ่มความพยายามเป็นสองเท่าจนกว่านายหาพวกเขาพบ!”
“ได้ครับ คุณโมลเดล!” ทุกคนที่เกี่ยวข้องตะโกนขึ้น ขณะที่พวกเขารีบร้อนจากไปกัน
เมื่อหลับตาลง จากนั้นเจ็ตต์ก็กล่าวขึ้นมาด้วยรอยยิ้มเยาะบนใบหน้าของเขา “ถึงอย่างนั้นเมืองเมย์เบอร์รี่ช่างดีเลิศเพียงใด… ฮ่าฮ่าฮ่า… ฉันจะทำให้เมืองนี้เป็นจุดศูนย์กลางของฉันอย่างแน่นอน เมื่อโมลเดลกำจัดคลอฟอร์ดไปตลอดกาลได้ในที่สุด!”
และในขณะที่ประโยคของเขาจบลง ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าที่ช้าและแผ่วเบากำลังเดินมาทางห้องนั้น
“หืมม?” ลูกน้องคนหนึ่งของเจ็ตต์พูด ขณะที่เขาหรี่ตาลงก่อนจะเปิดประตูสู่ห้องโถงหลัก
“…ฮะ? นายเป็นใคร?” ลูกน้องที่สะดุ้งตกใจคนนั้นถาม
“เจ็ตต์ โมลเดลอยู่ที่นี่ใช่ไหม?” เสียงที่แก่และทรงพลังถามขึ้น สิ่งนี้ทําให้คนที่ได้ยินประโยคนี้เกิดความรู้สึกไม่สบายใจ
เขายืนอยู่ตรงประตู ผู้ชายที่สวมชุดคลุมตัวยาวสีดำมีเพียงดวงตาของเขาเท่านั้นที่เผยให้เห็น หากบุคคลนั้นเฉียบแหลมพอ อย่างไรก็ตามพวกเขาจะสามารถเห็นได้อย่างแน่นอนว่าคน ๆ นั้นที่ซ่อนตัวอยู่หลังเสื้อคลุมค่อนข้างมีผิวขาว บ่งบอกได้อย่างชัดเจนว่า จริง ๆ แล้วคน ๆ นั้นเป็นชายหนุ่มคนหนึ่ง ซึ่งตรงกันข้ามกับน้ำเสียงที่แก่ของเขา
“นายเป็นใคร? แล้วทำไมนายถึงกำลังตามหาฉัน?” เจ็ตต์ถาม ขณะที่เขาลุกขึ้นอย่างไม่ใส่ใจ และจิบไวน์แดงของเขา
เขาจะไม่แสดงความตกใจของเขาให้ใครเห็นแน่ แม้ว่าพวกเขาดูค่อนข้างพิเศษก็ตาม
“ฉันมาที่นี่เพราะฉันต้องการให้เจ็ตต์ โมลเดล มาพร้อมกันในตอนนี้!” คนชุดดำคนนั้นสั่ง
“ฮ่าฮ่าฮ่า! แล้วนายเป็นใครกันแน่? จริง ๆ แล้ว นายรู้ไหมว่าฉันเป็นใคร? นายใจกล้าแค่ไหนมาสั่งให้ฉันทำอะไรก็ได้!” เจ็ตต์เย้ยหยัน
ในเวลาเดียวกัน คนของเจ็ตต์หลายคนก็พลุ่งพล่านไปด้วยความโกรธกันแล้ว
ขณะที่พวกเขาเริ่มชกต่อยเขากันทันที ไม่นานพวกเขาก็หดกำปั้นของพวกเขากลับด้วยความตกใจ การชกแต่ละทีรู้สึกเหมือนว่าพวกเขากำลังต่อยกับกำแพงหิน แทนที่จะมนุษย์ตัวจริง ๆ!
“อะไรวะเนี่ย?” ผู้ชายสองสามคนกล่าว ขณะที่พวกเขาเริ่มตัวสั่นกันใน ขณะที่จับกำปั้นที่ทำให้ชาในตอนนี้
เจ็ตต์เองก็รู้สึกว่าเปลือกตาของเขากระตุกก่อนจะตะโกนขึ้น “รนหาที่ตายนักใช่ไหม? ฆ่าเขาซะ!”
เมื่อได้ยินคำสั่งของเจ็ตต์ ความโกรธจัดก็เข้าครอบงำความกลัวของพวกเขา และคนพวกนั้นก็พยายามที่จะโจมตีผู้ชายชุดดำอีกครั้งกันทันที!