มหากาพย์ดาบเทวะ! - ตอนที่ 2
ตอนที่ 2 ตีมันให้ตาย!
ณ ยอดเขาแรงงาน ลานฝึกขนาดใหญ่หลายร้อยเมตร มันถูกปูไปด้วยหินสีเทาอ่อนอย่างสวยงามและเรียบง่าย ใจกลางลานมีดาบหินมหึมาตั้งตระหง่านอยู่
มันคือลานฝึกยุทธ์ขนาดใหญ่ของเหล่าศิษย์นอกสำนัก และยังเป็นสถานที่ทำความสะอาดของหยางเย่ในวันนี้ ความกว้างขวางของลานฝึก หยางเย่ไม่สามารถทำคนเดียวได้ อย่างน้อยต้องใช้ประมาณสี่คนต่อวัน
หากยังเป็นคืนวาน หยางเย่คงบ่นพึมพำออกมาเพราะความกว้างใหญ่ของลานฝึก มันทำให้เขาไม่มีเวลาฝึกฝนเพียงพอ แต่เวลานี้ ในใจของเขาเต็มไปด้วยความหวัง ทุกสิ่งดูเหมือนจะเข้าหูเข้าตาไปหมด
“โอ้ นั่นเจ้าขยะอันดับหนึ่งในประวัติศาสตร์นิ โอ้ ไม่สิ นั้นศิษย์นอกสำนักหยางเย่ต่างหาก ดูเหมือนเจ้าจะมาทำงานเช้าเหลือเกินนะวันนี้ เจ้าทำความสะอาดลานเรียบร้อยแล้วหรือยังละ? ฮ่าฮ่า…” เสียงหัวเราะเย้ยหยันลอยเข้าหู
เสียงหัวเราะมาจากชายสามคนที่ยืนอยู่ด้านข้างหยางเย่ พวกเขาคือศิษย์ที่ต้องทำงานร่วมกันวันนี้ สีหน้าหยางเย่ไร้ซึ่งอารมณ์ใดขณะมองไปที่พวกเขา ทำให้ไม่รู้ว่าจะดีหรือร้าย
หัวหน้ากลุ่มนามว่าตู่ชิว เป็นหนึ่งในศิษย์ใช้แรงงานเช่นกัน ชื่อเสียงค่อนข้างแย่ แม้เป็นศิษย์ใช้แรงงาน แต่กลับใช้ผู้อื่นทำงานแทนมาโดยตลอด เหตุผลที่ตู่ชิวกล้าอวดดี ก็เพราะลุงซู่ของเขาเป็นผู้ดูแลชนชั้นแรงงาน ศิษย์ใช้แรงงานกว่าสองพันคนในสำนักเป็นผู้จัดการซู่ดูแลทั้งสิ้น! อีกทางหนึ่ง ลูกพี่ลูกน้องของเขาก็เป็นศิษย์ภายนอกสำนัก!
ด้วยผู้มีอำนาจหนุนหลังสองคน ทำให้ตู่ชิวกล้าทำตัวโอหังเย่อหยิ่งในยอดเขาแรงงาน เขาไม่เห็นผู้ใดอยู่ในสายตา
พร้อมด้วยสมุนอีกสอง คนซ้ายมีนามว่าเกาฉิว คนขวามีนามว่าหลีเก้อ ทั้งสองเป็นศิษย์ใช้แรงงานเช่นกัน สมญานามอีกอย่างของพวกเขาคือ ขี้ข้าเลียนาย
หยางเย่พลันคิดบางอย่างได้พร้อมพูด “พวกเจ้าทั้งหมดมากันแล้ว เช่นนั้น เรามาแบ่งส่วนงานกันเถอะ! พวกเราสี่คน กวาดคนละด้านของลานฝึก มันดูยุติธรรมที่สุด!”
“ฮ่าฮ่า!!!” หลีเก้อหัวเราะลั่นพร้อมชี้ไปยังหยางเย่ “ศิษย์พี่ตู่ ท่านได้ยินมันพูดไหม? ข้าขำแทบตายแน่ะ! ข้านึกว่าไอ้เด็กนี้จะมีเหตุผลมากกว่านี้ แต่ดูแล้วมันช่างโง่เขลายิ่งนัก!”
“ผิดแล้ว!” เกาฉิวมองไปยังหลีเก้อพร้อมท่าทีแสร้งเหมือนจริงจัง “เขาคือศิษย์ภายนอกคนเก่งเชียวนะ ถึงแม้มันจะเป็นอดีตไปแล้วก็ตาม เราจะให้อดีตศิษย์ภายนอกทำงานต้อยต่ำเช่นนี้ได้เยี่ยงไร? ศิษย์พี่ตู่ ท่านมีความคิดเห็นเช่นไร?”
“ฮ่าฮ่า!!” หลีเก้อหัวเราะลั่นพลางมองไปยังเกาฉิว “เกาฉิว เจ้ากล่าวถูกแล้ว! การเย้ยหยันของเจ้าช่างล้ำลึกยิ่งนัก ข้า หลีเก้อมิอาจเทียบ ไม่สงสัยเลยว่าเหตุใดศิษย์พี่ถึงได้โปรดปรานเจ้า!”
“หามิได้! หามิได้!” เกาฉิวถ่อมตัว “ข้าเพียงดีแ่ต่ปาก แต่เป็นเจ้าที่ออกหน้าได้ ทุกครั้งที่เกิดเรื่อง ก็เป็นเจ้าจัดการพวกมันเหล่านั้น เจ้าคู่ควรกับการเป็นมือขวาของศิษย์พี่ตู่ตัวจริง!”
ชั่วครู่หนึ่งที่พวกเขาเยินยอกันเอง
หยางเย่มองอย่างเย็นชา ปล่อยให้พวกเขาเลียแข้งเลียขาไปมา
ตู่ชิวเดินไปยังหยางเย่พร้อมยื่นมือแตะตรงไหล่พลางแสยะยิ้มออกมา “เด็กน้อย วันนี้พวกข้าสามคนรู้สึกไม่ค่อยสบาย เช่นนั้นเจ้าช่วยทำความสะอาดลานฝึกให้ทีได้ไหม?”
“ไม่มีทาง!” หยางเย่ปัดมือเขาออก จากนั้นเดินไปพูดบางสิ่งกับหลีเก้อและเกาฉิว “ข้ารู้ดี พวกเจ้านั้นอิจฉาที่ข้าเคยเป็นศิษย์นอกสำนักสินะ ก่อนหน้านั้นพวกเจ้าถูกปฏิบัติเยี่ยงสุนัขเมื่ออยู่ต่อหน้าศิษย์นอกสำนัก ตอนนี้ข้าเป็นศิษย์ใช้แรงงานที่มาจากศิษย์นอกสำนัก พวกเจ้าแค่อยากจะกู้หน้าตัวเองจากการใช้งานข้ารึ ข้าเข้าใจดี!” เมื่อกล่าวจบ หยางเย่หันกลับไปหยิบไม้หยิบไม้กวาดและเดินตรงไปยังลานฝึก
สีหน้าของหลีเก้อและเกาฉิวถึงกับแปรเปลี่ยนเพราะถูกเย้ยหยันอย่างตรงไปตรงมา ราวกับพวกมันถูกวางยาพิษทิ้งให้ตาย อีกด้านหนึ่ง ตู่ชิวหรี่ตามองพร้อมเปลี่ยนท่าทาง เหตุเพราะศิษย์ใช้แรงงานทั้งสามพันคนไม่เคยมีใครกระทำเช่นนี้มาก่อน
ในฐานะขี้ข้า จำเป็นต้องรู้ถึงการแสดงออกของนาย เมื่อเขาเห็นท่าทางของตู่ชิว หลีเก้อเข้าใจทันที เขาพุ่งไปขวางหยางเย่ไว้พร้อมชี้หน้าและพูด “หยางเย่ แกยังคิดว่าเป็นศิษย์นอกสำนักอยู่งั้นหรือ? แกมันก็แค่ขยะที่ไม่อาจเข้าสู่ปราณมนุษย์ขั้นต้นได้ เป็นสวะอันดับหนึ่งในประวัติศาสตร์! หากศิษย์พี่ตู่กล่าวขอให้เจ้าทำความสะอาดแทน นั่นก็ถือเป็นโชคของเจ้าแล้ว!”
“ข้าแค่ขยะชิ้นหนึ่ง!” หยางเย่หยุดและพูด “แต่ข้าก็ยังดีกว่าขี้ข้าที่เก่งแต่เลียแข้งนายราวกับสุนัข เมื่อเจ้านายสุข ก็เยินยอ เมื่อเจ้านายทุกข์ก็ออกมาเห่าแทน!”
“ตีมันเลย! ตีมันให้ตายเยี่ยงสุนัข! ข้าจะรับผิดชอบในสิ่งนี้เอง!” ตู่ชิวไร้ซึ่งความอดทนอีกต่อไป ไม่เคยมีผู้ใดในยอดเขาแรงงานกล้าดูถูกเขาขนาดนี้มาก่อน มันจะต้องไม่เกิดขึ้นตอนนี้ และต้องไม่เกิดขึ้นในอนาคตด้วย เขาไม่ยอมยกเว้นให้ใครทั้งนั้น
เมื่อได้ยินตู่ชิวพูดเช่นนั้น หลีเก้อแสยะยิ้มออกมา เขาต้องการทำเช่นนี้มาเนิ่นนาน หากตู่ชิวไม่สั่งเขาก็ไม่กล้าลงมือ หากเกิดพลั้งมือสังหารไป เขาเองก็ไม่สามารถรับผลที่ตามมาได้เช่นกัน แต่เวลานี้ ตู่ชิวให้สัญญานแล้ว ความลังเลหายไปจากใจ เขาต่อยไปที่หน้าหยางเย่อย่างไม่เกรงกลัว
หยางเย่ก้มหลบเมื่อเขาเห็นหลีเก้อโจมตีเข้ามาพร้อมขยับไปข้างหลังสองก้าวเพื่อหลบหมัด ขณะเดียวกันเขายกไม้กวาดขึ้นและฟาดกลับไปยังหลีเก้อ
“ฟุบ!” หมัดของหลีเก้อพลาด มิหนำซ้ำหัวเขายังไปโขกไม้กวาดของหยางเย่ เสียงร้องโอญครวญดังออกมาก่อนที่เขาจะถอยหลังนั่งลงพร้อมใช้มือถูไปที่ตา ไม้กวาดที่เต็มไปด้วยฝุ่น ด้วยเหตุนั้น มันฟุ้งกระจายเข้าตาหลีเก้อทำให้น้ำตาไหลออกมาไม่หยุด
“บัดซบ!” ตู่ชิวสบถออกมาเมื่อเห็นหยางเย่ตอบโต้ ท่าทีที่ดูเกรี้ยวกราด เขาโจมตีไปยังด้านหลังศีรษะของหยางเย่โดยไม่ปรานี เจ้าขยะอันดับหนึ่งในประวัติศาสตร์กล้าต่อกร สิ่งนี้ทำให้ตู่ชิวไม่อาจทนได้อีกต่อไป หากลุงยังเป็นผู้ดูแลของยอดเขานี้ ศิษย์ทุกคนต้องเชื่อฟังแค่คำเขาเท่านั้น!
หยางเย่เดือดดาลขึ้นมาทันทีที่เขาสัมผัสถึงการจู่โจมของตู่ชิวจากด้านหลัง เขาไม่ต้องการสร้างปัญหาใด แต่คนพวกนี้ใช้คำด่าทอทำให้อับอาย ไม่พอยังขอให้ทำงานแทน ตอนนี้ยังเข้ามาทำร้ายอีก มันเป็นผลให้เขาโกรธถึงขีดสุด
หยางเย่หมุนตัวพร้อมกระแทกหมัดของตู่ชิวกลับ
ปั้ง!
หมัดทั้งสองกระแทกกัน เกิดเสียงกระทบดังกึกก้อง ดวงตาของตู่ชิวเปิดกว้าง ใบหน้าแสดงถึงความเจ็บปวดแสนสาหัส กระดูกมือของเขาแตกเสียแล้ว
ตู่ชิวรีบดึงมือกลับ หยางเย่พลิกและจับมือที่ปวดร้าวของตู่ชิวก่อนจะดึงเข้ามา จากนั้นใช้ขาขวาเตะไปยังหน้าท้องเต็มแรง
ปั้ง!
ตู่ชิวถึงกับกระเด็นออกไปไกลเป็นเมตรก่อนจะร่วงลงพื้น
ถึงแม้หยางเย่จะเป็นศิษย์ผู้ใช้แรงงานเหมือนกับพวกเขา แต่นิสัยนั้นต่างกันอย่างสิ้นเชิง เขาใช้เวลาอย่าง คุ้มค่าในการฝึกฝนร่างกาย ตั้งแต่เข้ามาเป็นศิษย์ของสำนัก ไม่มีสักครั้งที่เขาละความพยายาม
ถึงแม้เขาจะยังไม่บรรลุขั้นผู้ใช้พลังปราณได้ตอนนี้ แต่ด้วยความแข็งแกร่งของร่างกาย ทั้งสามไม่สามารถเทียบชั้นได้
หลังจากปะทะกับทั้งคู่ หยางเย่หันสายตาไปมองเกาฉิว สิ่งนี้ทำให้เขาพยายามกำหมัดพร้อมพูดขู่ออกมาอย่างจริงจัง “ตู่-ตู่ชิว เป็นถึงหลานของผู้ดูแลซู่ และลูกพี่ลูกน้องของเขายังเป็นศิษย์นอกสำนัก พวกเขาไม่ปล่อยเจ้าไว้แน่!”
หยางเย่กลับไร้ซึ่งการตอบสนองใดต่อคำขู่นั้น เขาเดินตรงไปหาตู่ชิวและตบหน้าที่ดูหวาดกลัว ก่อนจะเปลี่ยนไปลูบหน้าของตู่ชิวพร้อมพูด “ตอนนี้ พวกเจ้าทั้งสามจะต้องทำควาสะอาดลานฝึกยุทธ์ มีปัญหาอันใดหรือไม่?”
ตู่ชิวชะงัก แต่จากที่เห็นหยางเย่กำหมัดอีกครั้ง เขาจึงรีบตอบ “ไม่ ไม่มีปัญหาใด พวกเราจะทำความสะอาดในทันที!”
รู้จักเอาตัวรอดเป็นยอดคน สิ่งที่ลุงเขาสอนได้ถูกนำมาใช้แล้วตอนนี้
หยางเย่มองตู่ชิวอย่างเย็นชาก่อนจะยืนขึ้น เขาพาดไม้กวาดลงบนไหล่ขณะเดินไปยังหุบเขาวายุเหมันต์ แน่นอน เรื่องมันยังไม่จบ คนกลุ่มนี้ย่อมต้องสร้างปัญหาตามมา ลำพังตู่ชิวไม่กล้า ทว่าเขาย่อมต้องขอให้ลุงหรือลูกพี่ลูกน้องที่เป็นศิษย์นอกสำนักมาสร้างปัญหาแก่เขาได้
หยางเย่มองตู่ชิวอย่างเย็นชาก่อนจะยืนขึ้น เขาพาดไม้กวาดลงบนไหล่ขณะเดินไปยังหุบเขาวายุเหมันต์ แน่นอน เรื่องมันยังไม่จบ
ปัจจุบัน เขามีเพียงความแข็งแกร่งของร่างกาย และยังไม่ใช่ผู้ใช้พลังปราณ ด้วยเหตุนี้เขาจะไม่อาจต่อกรกับศิษย์ภายนอกเป็นแน่ เพื่อให้มีความสามารถเพียงพอสำหรับป้องกันตนเอง เขาจำต้องฝึกฝนอย่างหนักและกลายเป็นผู้ใช้พลังปราณในเวลาอันใกล้นี้ มิเช่นนั้น เขาจะไม่สามารถต่อกับศิษย์นอกสำนักได้
หนักขึ้นเพื่อเป็นผู้ใช้พลังปราณให้เร็วที่สุด
“ศิษย์พี่ตู่ พวกเราควรทำยังไง?” หลีเก้อพยุงตู่ชิวขึ้นพร้อมพูดออกมาด้วยเสียงต่ำ เวลานี้เขาตระหนักดีแล้วว่ายังไม่สามารถต่อกรกับหยางเย่ได้ หากเข้าไปหาเรื่อง เขาเองที่จะโดนเตะกลับ
เกาฉิวที่ยืนเงียบงันอยู่ด้านข้าง เนื่องจากความร้ายกาจและเด็ดเดี่ยวของหยางเย่ทำให้เขารู้สึกหวาดกลัวเล็กน้อย
“รอให้ลูกพี่ลูกน้องข้ากลับมาจากการเยี่ยมญาติก่อนเถอะ ถึงตอนนั้น ข้าจะทำให้มันทรมานยิ่งกว่าตายเอง!” ขณะมองหยางเย่ที่เดินไกลออกไป สายตาของตู่ชิวเกิดประกายความแค้นขึ้นมา ในเวลาห้าปีที่เขาเป็นศิษย์ใช้แรงงาน ไม่มีผู้ใดกล้าตอบโต้เขาสักครั้ง เมื่อคิดได้ ความอาฆาตแค้นจึงเพิ่มมากขึ้นในดวงตา
…..
“พวกเจ้าเห็นหรือไม่? ขยะอันดับหนึ่ง ไม่สิ หยางเย่ เขาเพิ่งจัดการ!”
“อะไรนะ? จริงรึ? ไอ้สารเลวตู่ชิวถูกล้ม?”
“นี่ไม่ได้โกหกใช่หรือไม่? ลุงของตู่ชิวคือผู้ดูแลซู่ ลูกพี่ลูกน้องเขาคือศิษย์นอกสำนัก ศิษย์ใช้แรงงานหยางเย่นั่นกล้าทุบตีพวกเขาเชียวรึ?”
“เหตุใดจึงต้องโกหก? ข้าได้เห็นมันกับตาตนเอง ตู่ชิวและลิ่วล้อสองคนของมันทำเช่นเคย ไม่คิดทำงาน แต่คิดใช้หยางเย่ทำแทนคนเดียว หยางเย่ไม่ทำตาม พวกมันจึงคิดใช้กำลัง ผู้ใดกันคาดคิดว่าพวกนั้นจะกลับกลายเป็นฝ่ายพ่ายแพ้เสียแทน ทั้งยังต้องช่วยหยางเย่่ด้วย!”
“ฮ่าฮ่า! เยี่ยม! ไอ้ชั่วตู่ชิวมักใช้ชื่อของลุงและญาติมันมากลั่นแกล้งเหล่าศิษย์ใช้แรงงาน ตอนนี้มันกัดใส่ของแข็งเข้าแล้ว มาเถอะ ไปกระจายข่าวคราวให้ศิษย์ผู้อื่นได้ทราบเรื่องราว
เพียงไม่นาน เรื่องที่หยางเย่เอาชนะตู่ชิวได้จึงกระจายไปทั่วยอดเขาแรงงาน
อีกด้านหนึ่ง หยางเย่ได้มาถึงหุบเขาวายุเหมันต์แล้ว