มหากาพย์ดาบเทวะ! - ตอนที่ 36.1
ตอนที่ 36 ภัยร้ายจากสหายตัวจ้อย
ซากกระดูกหรือหมอกสีแดงหายไปหมดสิ้นในตอนนี้ มันมีเพียงท้องฟ้าที่สดใส เมฆสีขาว ดวงอาทิตย์ และภูเขาเขียวขจีตั้งตระหง่านทะลุก้อนเมฆ
ฟู่!
หยางเย่กระโดดลงจากหลังของหมาป่าพร้อมสูดหายใจลึกขณะที่เห็นทุกอย่าง มันช่างเป็นฉากที่คุ้นเคย
สหายตัวจ้อยเองก็มีความสุขเช่นกัน มันปรากฏตัวในทิศทางตรงหน้าเพียงชั่วพริบตา หยางเย่เองก็ตามสหายตัวจ้อยไปด้วย
สตรีชุดขาวมองไปรอบด้าน นางมองและมองทุกอย่างก่อนจะขมวดคิ้วแน่น แม้สถานที่แห่งนี้ปราศจากหมอกสีแดงและกองกระดูกแล้ว รอบด้านก็ยังถูกปกคลุมไปด้วยภูเขา เมื่อเห็นปลายยอดเขามากมายรอบด้าน เช่นนั้นจุดที่ยืนอยู่ตอนนี้ก็เหมือนอยู่ตรงใจกลางกระทะขนาดยักษ์
“พวกเรายังไม่ได้ออกจากเหวมรณะ!” สตรีชุดขาวกล่าวด้วยเสียงต่ำ
หยางเย่ชะงัก จากนั้นมองไปรอบด้านพร้อมตรวจสอบสถานะในร่างกาย เขายังไม่เห็นพลังปราณล้ำลึกปรากฏขึ้น ทันใดนั้นท่าทีได้เปลี่ยนเป็นเคร่งเครียดอีกครั้ง
“สถานที่แห่งนี้ค่อนข้างแปลก!” สตรีชุดขาวกล่าว “ดูสิ หมอกด้านหลังพวกเราไม่สามารถลอยขึ้นไปได้ และยังไม่มีซากกระดูกอีก ยิ่งกว่านั้นมันยังเงียบมาก ไม่มีกระทั่งเสียงใดหลุดลอดมาเลย”
หยางเย่ขมวดคิ้วแน่นเมื่อได้ยินสตรีชุดขาวกล่าว พื้นที่แห่งนี้ดูค่อนข้างแปลกยิ่งนัก แม้ยังอยู่ใต้เหว แต่เหตุใดความแตกต่างถึงได้เยี่ยมขนาดนี้? มันดูไม่ปกติอย่างมาก
“ท่านมีความคิดเห็นใดเกี่ยวกับเรื่องนี้?” หยางเย่มองไปยังสตรีชุดขาว
นางครุ่นคิดอย่างหนักก่อนจะตอบ “ไม่!”
หยางเย่กลอกตา เขาไม่กล่าวอันใดกับสตรีชุดขาวแล้ว ตั้งแต่หนีจนถึงตอนนี้ยังไม่มีความคิดเห็นใดนอกจากกระโดดลงมาที่นี่ ทั้งยังให้เขาเป็นคนทำทุกสิ่ง นางไม่กลัวที่จะถูกหลอกไปขายบ้างหรือไง?
ฟิ้ว!
เวลานี้แสงสีม่วงกระพริบขึ้น จากนั้นสหายตัวจ้อยปรากฏขึ้นตรงหน้าพวกเขา ผลไม้นับสิบกว่าลูกอยู่ในเปลือกพลังสีม่วงตรงหน้าสหายตัวจ้อย มันส่งเปลือกพลังสีม่วงให้หยางเย่ราวกับว่ามอบสมบัติให้
หัวใจหยางเย่รู้สึกยินดียิ่งนักจากเหตุการณ์นี้ เขายื่นมือไปลูบหัวของสหายตัวจ้อย จากนั้นหยิบกองผลไม้พร้อมส่งให้สตรีชุดขาวสองลูก นางไม่ปฏิเสธที่จะรับไว้ เพราะตอนนี้มันเต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็นเรื่องราวของทั้งคู่
ผลไม้มีขนาดเท่ากำปั้น สีใสสะอาด และค่อนข้างหวาน รสชาตพวกมันอร่อยยิ่งนัก หยางเย่กินไปสองลูกในครั้งเดียว สตรีชุดขาวกินไปหนึ่งลูกเช่นกัน หมาป่าสีเทาดูเหมือนต้องการจะกินเช่นกัน แต่หลังจากมองไปที่สหายตัวจ้อย มันทำได้เพียงก้มหัวต่ำและหยุดมองผลไม้ในแขนหยางเย่
สหายตัวจ้อยชี้ไปทิศทางตรงหน้า ดูเหมือนมันต้องการให้หยางเย่เดินไปทางนั้น
หยางเย่เผยรอยยิ้มก่อนจะเดินตรงไป ทันใดนั้นเองเขาขมวดคิ้วพร้อมกับกุมหน้าท้องด้วยมือทั้งคู่ไว้แน่น เขารู้สึกราวกับเปลวไฟกำลังลุกในร่างกาย ด้วยความรู้สึกนี้ทำให้ร่างกายเขาร้อนผ่าวอย่างรวดเร็ว แม้กระทั่งลมหายใจยังหอบแรงอย่างเห็นได้ชัด!
หยางเย่หันไปมองสตรีชุดขาว เขาสังเกตว่าบางอย่างผิดปกติไปเล็กน้อย ใบหน้านางเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำราวกับอาทิตย์ตกดิน มันไม่ใช่สีแดงโดยธรรมชาติ เมื่อเห็นลักษณะท่าทางสตรีชุดขาว หยางเย่รีบหันไปมองผลไม้สีแดงในมือทันที จากนั้นมองไปที่สหายตัวจ้อยพร้อมกล่าว “สหายน้อย มัน… มันคืออะไร?”
เมื่อเกิดสถานะผิดปกติเกิดกับหยางเย่ สหายตัวจ้อยกระพริบตาปริบและรีบส่ายหัว
“มันคือผลไม้แห่งการสมรส เป็นผลไม้ขั้นสีดำ” ทันใดนั้นสตรีชุดขาวเดินอย่างเชื่องช้ามาทางหยางเย่พร้อมดาบในมือ นางกล่าวขณะเดิน “สัตว์อสูรทมิฬสามารถกินมันได้ปกติ ทั้งยังพัฒนาการบ่มเพาะพลังของพวกมัน แต่หากมนุษย์เผลอกินเข้าไป มันจะดึงเอาความต้องการอันป่าเถื่อนออกมา และหากความต้องการนี้ไม่ถูกปลดปล่อย มันจะกลายเป็นเปลวไฟแห่งราคะแผดเผาตนเองจนเป็นเถ้าถ่าน”
หยางเย่พยายามข่มเปลวไฟในจิตใจ เมื่อมองไปยังสตรีชุดขาว เขากัดปลายลิ้นอย่างรุนแรงเพื่อคุมสติไว้ จากนั้นมองไปยังสตรีชุดขาวที่เดินตรงมาพร้อมดาบในมือ “ท่าน… ท่าน… ท่านตั้งใจจะอะไร?”
สายตาสตรีชุดขาวพร่ามัวเต็มที แต่นางยังมีสติมากกว่าหยางเย่ ความนึกคิดของนางยังเห็นได้อย่างชัดเจน แต่ไม่ว่ายังไงก็ไม่อาจต้านได้นานไปกว่านี้
สตรีชุดขาวสูดหายใจลึกพร้อมมองไปที่หยางเย่ “สังหารเจ้าก่อน จากนั้นจึงสังหารตนเอง!”
ทันทีที่กล่าวจบ สตรีชุดขาวดูเหมือนจะไม่ทำสิ่งใดต่อ แต่ดาบในมือได้ปล่อยเสียงโหยหวนออกมา จากนั้นมันกลายเป็นประกายแสงสีเขียวพุ่งไปทางหยางเย่
นางทราบดีตั้งแต่หยางเย่กินผลไม้แห่งการสมรส แม้จะสังหารตนเองไปแล้ว หยางเย่คงไม่ปล่อยร่างของนางไปอยู่ดี มีเพียงหนทางเดียวคือสังหารหยางเย่ก่อนแล้วจึงสังหารตนเองตามเพื่อรักษาพรหมจรรย์
หยางเย่รู้สึกตกตะลึงในใจอย่างมาก เขาไม่คาดคิดว่าสตรีชุดขาวจะโจมตีเข้าด้วยจิตสังหารโดยแท้จริง ทั้งยังไม่คาดคิดว่านางจะใช้ประกายดาบสีเขียวได้ขณะที่ถูกผนึกพลังอยู่ โชคดีในช่วงเวลานั้น เงาสีเทาได้กระแทกดาบลงที่พื้น แต่ไม่นานประกายดาบสีเขียวก็ยิงมาทางหยางเย่อีกครั้ง
“ดาบมีจิตวิญญาณของมันเอง!” หยางเย่รู้สึกประหลาดใจทันทีที่เห็นดาบโจมตีมาด้วยตนเอง มันคือจิตวิญญาณแห่งดาบในตำนาน!