มหากาพย์ดาบเทวะ! - ตอนที่ 65
ตอนที่ 65 ใครคืออาจารย์ของเจ้า?
หยางเย่หันไปดู เขาเห็นสตรีชุดเขียวกำลังมองมา และยังมีชายชราผ้าคลุมสีเทายืนข้างหลังนาง
สตรีชุดเขียวอายุราวสิบเจ็ดหรือสิบแปดปี รูปลักษณ์ของนางไม่ได้งดงามจนเกินไป แต่ก็นับว่าสวย ใบหน้านางประดับด้วยรอยยิ้มที่เย็นชา เผยให้เห็นถึงความสงบและอ่อนโยน ด้วยกิริยาเช่นนี้ มันทำให้เสน่ห์ของนางเพิ่มขึ้นอย่างมาก
หยางเย่มองไปยังสตรีชุดเขียว ท้ายที่สุดสายตาเขาหยุดลงที่เอวของนาง ขณะที่มองความเพรียวบางของเอวนาง ความประหลาดปรากฏขึ้นผ่านดวงตาหยางเย่ เอวของสตรีชุดเขียวนั้นเพรียวราวกับต้นหลิวในฤดูใบไม้ผลิ ส่วนโค้งที่งดงามเผยออกมาจากความเพรียวบาง และสง่างามนี้
สตรีชุดเขียวพยักหน้าให้หยางเย่ จากนั้นนางนำชายชราที่มาด้วยไปคุยกับชายหนุ่ม “ข้ามีธุระกับอาจารย์จางอยู่แล้ว ดังนั้นให้เขาเข้าไปทดสอบพร้อมกัน ข้าคิดว่าอาจารย์จางคงจะไม่มีปัญหาใด!”
ชายหนุ่มคารวะสตรีชุดเขียว จากนั้นเผยท่าทีลำบากใจพร้อมกล่าว “คุณหนูเฉียว ท่านคงทราบดีถึงหน้าที่ข้า…”
สตรีชุดเขียวพยักหน้าพร้อมรอยยิ้ม จากนั้นนางนำหินพลังปราณสองก้อนส่งให้ชายหนุ่ม “จางเหิง ข้าทราบว่ามันยาก แต่ข้าหวังว่าท่านจะมองข้ามมันไป!”
ชายหนุ่มนามว่าจางเหิงรับหินพลังปราณสองก้อน จากนั้นท่าทีลำบากใจบนใบหน้าเขาหายไปทันทีพร้อมกล่าวด้วยรอยยิ้ม “เอาล่ะ เขาสามารถเข้าไปทดสอบได้! คุณหนูเฉียว ข้าหวังว่าท่านจะสามารถผ่านการทดสอบครั้งนี้ได้!”
“ขอบคุณที่อวยพร!” สตรีชุดเขียวยิ้มอย่างสุภาพ จากนั้นนางมองไปที่หยางเย่พร้อมกล่าว “เข้าไปกันเถอะ!”
นางเดินตรงไปยังทางเข้าขณะเอ่ยคำ
ขณะที่หยางเย่มองดูเหตุการณ์ เขาจะไม่เข้าใจได้อย่างไร ว่าเหตุผลที่ชายหนุ่มไม่ยอมให้เขาเข้าไปเพียงเพราะต้องการ ‘สินบน’ อันที่จริงเขาทราบหลักการทุกอย่างดี แต่ก็ไม่คาดคิดว่าสมาชิกของสมาคมผู้ใช้ยันต์จะเป็นเช่นเดียวกัน
หยางเย่มองไปยังหินพลังปราณในมือชายหนุ่ม จากนั้นเขาตามสตรีชุดเขียวเข้าไป
หลังจากมาถึงห้องโถงหลักภายในอาคาร หยางเย่ที่ตามติดสตรีชุดเขียวมาคารวะนางพร้อมกล่าว “ข้าต้องขอบคุณในเรื่องเมื่อกี้ด้วยคุณหนูเฉียว!” ขณะกล่าวหยางเย่ยื่นหินพลังปราณสองก้อนส่งให้นาง
ขณะมองหินพลังปราณที่ยื่นมา ความประหลาดใจปรากฏผ่านดวงตานาง หินพลังปราณค่อนข้างล้ำค่า และพวกมันยังมีค่ากับนางเช่นกัน เหตุผลที่จ่ายหินพลังปราณสองก้อนเพื่อช่วยเขา เพราะชายชราด้านหลังบอกว่าเขาเป็นสมาชิกของสำนักดาบราชัน ดังนั้นนางจึงยอมจ่ายหินพลังปราณทั้งสองก้อน
สตรีชุดเขียวปฏิเสธหินพลังปราณพร้อมกล่าว “นายน้อย ท่านมาจากสำนักดาบราชันใช่หรือไม่?”
หยางเย่ตอบกลับอย่างประหลาดใจ “ท่านทราบได้ยังไง?”
สตรีชุดเขียวยิ้มอย่างอ่อนหวานเมื่อได้ยิน “ลุงหลินและข้าเห็นท่านอยู่กับศิษย์พิเศษของสำนักดาบราชันก่อนหน้านี้”
เมื่อได้ยินสตรีชุดเขียว หยางเย่เข้าใจในทันที ก่อนหน้านี้เขาสับสนว่าเหตุใดนางถึงช่วยเขา ตอนนี้ได้ทราบถึงเหตุผลแล้ว เป็นเพราะเขาคือศิษย์ของสำนักดาบราชันนั่นเอง!
หยางเย่ประทับใจในสตรีชุดเขียวยิ่งขึ้น เพราะความจริงใจของนาง “ไม่ว่ายังข้าก็ต้องขอบคุณท่านยิ่งนัก”
“มันเป็นเรื่องเล็กน้อยเท่านั้น!” สตรีชุดเขียวยิ้ม “นายน้อย ท่านมาเพื่อทดสอบเป็นอาจารย์ยันต์เช่นกันหรือ?”
หยางเย่พยักหน้า “ข้าต้องการลองดูเท่านั้น!”
สตรีชุดเขียวยิ้มให้หยางเย่ “พยายามได้ดี ท่านรู้จักตนเองมากขึ้นจากการสร้างยันต์ ข้ามีนามว่าเฉียวอวี่เอ๋อ”
“ข้าหยางเย่!”
หลังจากสนทนากันได้ชั่วครู่ หยางเย่กวาดสายตามองไปรอบห้องโถงก่อนจะเอ่ยถาม “คุณหนูเฉียว เหตุใดที่นี่ถึงเงียบนัก?”
เฉียวอวี่เอ๋ออธิบาย “อาจารย์ของสมาคมนี้กำลังบ่มเพาะพลังหรือไม่ก็ศึกษาเกี่ยวกับยันต์อยู่ โดยปกติหากสมาคมไม่ถูกโจมตีหรือมีคนเข้ามาทดสอบ บรรดาอาจารย์ยันต์จะฝึกวิชาด้วยตนเองและไม่ออกมาพบปะใคร!”
“พวกเขาบ่มเพาะพลังและศึกษากันอย่างหนักถึงเพียงนี้เชียวหรือ?” หยางเย่กล่าวอย่างประหลาดใจ
เฉียวอวี่เอ๋อตอบ “ถูกต้อง ไม่เพียงแค่ต้องบ่มเพาะพลังแล้ว พวกเขายังต้องศึกษายันต์เช่นกัน ยิ่งกว่านั้นเพื่อซื้อขายวัตถุดิบสร้างยันต์ พวกเขาต้องรับงานเพิ่มอีกมากมาย กล่าวได้ว่าค่อนข้างยุ่งกันมากทีเดียว ทุกคนทราบดีว่าอาจารย์ยันต์มีทั้งอำนาจ ชื่อเสียง และสถานะที่สูงส่ง แต่ไม่ทราบว่าทุกสิ่งนั้นมาจากงานที่ยากลำบาก!”
หยางเย่พยักหน้าเห็นด้วย “ถูกต้อง ผู้คนปกติจะมองเห็นแค่อำนาจและชื่อเสียงภายนอกเท่านั้น พวกเขาไม่ทราบถึงงานที่ลำบากของคนอื่นหรอก! แล้วการทดสอบมีขั้นตอนอะไรบ้างงั้นหรือ?”
เฉียวอวี่เอ๋อทราบว่าเป็นครั้งแรกที่เขาเข้ามาทดสอบ นางจึงอธิบายในทันที “อันที่จริงไม่มีวิธีการอะไรมากหรอก ข้อสอบขึ้นอยู่กับผู้ทดสอบ หากสร้างยันต์ระดับต่ำได้หนึ่งชนิด ก็นับว่าเป็นอาจารย์ยันต์ระดับหนึ่งแล้ว หากสามารถสร้างชนิดที่แตกต่างกันได้ห้าอย่างก็จะอยู่ระดับห้า ขั้นจิตปฐพีจะอยู่เหนือกว่าระดับที่ห้า และต้องสามารถจารึกอักขระบนสิ่งของได้ สำหรับขั้นที่สูงกว่านั้นยังไม่จำเป็นต้องไปนึกถึงมันตอนนี้!”
หยางเย่พยักหน้าพร้อมนึกในใจ ‘อย่างที่เปาเอ๋อบอกไว้ เมื่อเราสามารถสร้างยันต์ได้สองชนิด ข้าก็สามารถเป็นอาจารย์ยันต์ระดับสองได้แล้ว’
เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ หยางเย่จึงถาม “คุณหนูเฉียว พวกเรายังมีอิสระหลังจากเป็นอาจารย์ยันต์ใช่หรือไม่?”
เฉียวอวี่เอ๋อยิ้ม “ถูกต้อง สมาชิกของสมาคมสามารถเข้าร่วมมหาอำนาจอื่นได้อย่างอิสระ และพวกเขาไม่จำเป็นต้องอยู่แต่ในสมาคม แต่ยังต้องอยู่ในกฎของสมาคม เพราะหากสมาชิกองค์กรไม่อยู่ในกฎระเบียบแล้ว มันจะนำไปสู่ความโกลาหลเป็นแน่”
“อาจารย์ยันต์ช่างเป็นอาชีพที่น่าอิจฉาและนับถือยิ่งนัก!” หยางเย่กล่าวพร้อมยิ้ม “ไม่เพียงอาจารย์ยันต์จะมีสถานะที่สูงส่งและพิเศษ พวกเขายังมีสิทธิพิเศษมากมายรวมถึงอิสระด้วย มันเยี่ยมเสียยิ่งกว่าการเป็นศิษย์ในสำนักด้วยซ้ำ!”
เฉียวอวี่เอ๋อกล่าว “สำหรับเหตุผลที่อาชีพนี้สูงส่ง มันเป็นเพราะผลงานของอาจารย์ยันต์ เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ หากนำคนสองคนที่มีระดับขั้นเดียวกันมาต่อสู้ หนึ่งในนั้นใช้ยันต์เสริมกำลัง หรือยันต์ลมกรด เช่นนั้นแล้วการต่อสู้จะเป็นยังไงต่อล่ะ? ยันต์ทุกแผ่นที่อาจารย์ยันต์สร้าง มันสามารถพลิกสถานการณ์ของการต่อสู้ได้
หยางเย่ยิ้มพร้อมมองไปรอบห้องโถง “คุณหนูเฉียว การทดสอบจะเริ่มขึ้นเมื่อไหร่กัน?”
สีหน้าทำอะไรไม่ถูกปรากฏผ่านดวงตานาง “พวกเราทำได้เพียงรอต่อไป ตอนนี้อาจารย์จางกำลังลงอักขระให้ลูกค้าอยู่ อย่ากังวลไปเลย อาจารย์จางคือชายที่เชื่อถือได้ เมื่อเขาบอกว่าจะทดสอบข้าวันนี้ เช่นนั้นเขาคงได้จัดเตรียมเวลาสำหรับทดสอบแล้ว!”
หยางเย่ทำได้เพียงพยักหน้าเมื่อได้ยิน เขายังไม่อาจกลับไปยังเมืองทักษิณภิรมณ์ได้ เหตุที่มาทดสอบเป็นอาจารย์ยันต์ เพราะเขาต้องการถือไพ่ที่เหนือกว่าเมื่อเผชิญหน้ากับตระกูลหลิว เพราะเขาจำต้องยุติความขัดแย้งกับตระกูลหลิวเมื่อกลับไปในครั้งนี้
หนึ่งชั่วยามผ่านไปอย่างรวดเร็ว ทั้งสองสนทนากันอย่างสนุกสนาน อันที่จริงควรกล่าวว่า หยางเย่ถามนางอยู่ตลอดเวลามากกว่า ส่วนเฉียวอวี่เอ๋อก็อธิบายให้เขาอย่างดีเช่นกัน ถึงแม้หยางเย่จะเป็นอาจารย์ยันต์อยู่แล้ว เขาก็ยังไม่ทราบอีกหลายเรื่องเกี่ยวกับสมาคมผู้ใช้ยันต์ ส่วนเฉียวอวี่เอ๋อก็คุ้นเคยกับทุกอย่างเป็นอย่างดี ดังนั้นหยางเย่ได้เข้าใจหลายอย่างมากขึ้นในระหว่างที่สนทนา
เฉียวอวี่เอ๋อมีความประทับใจเล็กน้อยในตัวหยางเย่ เพราะถึงแม้เขาจะเป็นศิษย์สำนักดาบราชัน หยางเย่กลับไม่โอ้อวดแม้แต่น้อย ยิ่งกว่านั้นเขาถามเพียงแค่สิ่งที่ไม่ทราบ และขอคำแนะนำจากนางอย่างสุภาพ เขาไม่แสดงท่าทางเหมือนคนอวดรู้ มันจึงทำให้นางตอบคำถามหยางเย่ทุกอย่าง!
หลังจากสนทนากันเกือบหนึ่งชั่วยาม ชายชราเสื้อผ้าค่อนข้างสกปรกปรากฏขึ้นกลางห้องโถง เขาดูรีบร้อนอย่างมาก และตั้งใจมาคุยกับเฉียวอวี่เอ๋อโดยตรง “แม่นางน้อย มากับข้า!” ทันทีที่กล่าวจบเขาไม่หันมามองด้านหลังพร้อมเดินตรงไปด้านซ้าย
เมื่อเห็นเช่นชายชราที่เนื้อตัวสกปรก หยางเย่ทราบดีว่าเขาคืออาจารย์ยันต์ขั้นปฐพี อาจารย์จางที่เฉียวอวี่เอ๋อบอก แต่สภาพของเขาตอนนี้มันยากที่จะเชิดชูนัก
เฉียวอวี่เอ๋อยิ้มให้หยางเย่ “น้องเย่รีบตามเขาไปเร็ว!”
หยางเย่พยักหน้า จากนั้นทั้งสองรีบตามอาจารย์จางไปอย่างรวดเร็ว
เมื่อทั้งสามมาถึงในห้อง นอกจากโต๊ะหินขนาดยักษ์ มันไม่มีสิ่งใดในห้องนี้เลย มีเพียงกระดาษยันต์ที่ว่างเปล่า และขวดหยกขาวที่บรรจุโลหิตสัตว์อสูรทมิฬกับสมุนไพรวิญญาณอยู่ที่โต๊ะ!
ชายชราสกปรกไม่สนใจหยางเย่แม้แต่น้อย เขามองไปที่เฉียวอวี่เอ๋อพร้อมกล่าว “แม่นางน้อย หากเจ้าไม่สามารถผ่านในครั้งนี้ได้ เจ้าห้ามมารบกวนข้าอีกในอนาคต โปรดเข้าใจด้วยว่าข้ายุ่งอย่างมาก!”
เฉียวอวี่เอ๋อโค้งคำนับชายชราพร้อมเอ่ย “ข้าจะมารบกวนอีก!”
ทันทีที่กล่าวจบนางชี้ไปทางหยางเย่ “อาจารย์จาง เขามาทดสอบด้วยเช่นกัน!”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ชายชราสกปรกมองไปที่หยางเย่ก่อนจะกล่าว “เจ้าหนู ใครคืออาจารย์เจ้า?”
หยางเย่อยู่รู้สึกอับอายขึ้นมาในทันทีที่ได้ยิน เพราะเขาไม่ทราบว่าปู่ของเปาเอ๋อมีนามว่าอะไร…