มหากาพย์ดาบเทวะ! - ตอนที่ 86
ตอนที่ 86 ยึดของวิเศษ!
ข้างในมีถ้ำขนาดกว้างอยู่สองสามกิโลเมตรใต้ขุนเขาว่างเปล่าที่สํานักดาบราชันตั้งอยู่ ถ้ำนี้กว้างใหญ่มาก มันไม่ใช่ปัญหาที่คนนับพันจะอาศัยอยู่
หินแสงจันทร์ฝังอยู่ใต้ผนังถ้ำนี้นับร้อย แสงสว่างจากหิน ทําให้ภายถ้ําในดูราวกับกลางวัน
และ มีบ่อโลหิตตั้งอยู่ตรงกลางถ้ํานี้ มันค่อนข้างใหญ่ และกินพื้นที่กว่าครึ่งของถ้ํา นอกจากเลือด มันยังมีกระดูกอยู่ปะปนอยู่ มันหาได้ใช่กระดูกของสัตว์อสูรทมิฬไม่ มันคือกระดูกของม นุษย์!
ยิ่งกว่านั้นมีไข่มุกโลหิตลอยขึ้นกลางอากาศขนาดเท่ากําปั้น ไข่มุกนั้นเหมือนจะทําจากเลือดสด และสีมันแตงชาตงดงาม
รอบด้านบ่อโลหิตมีร่างขุดดําสี่คนยืนล้อมรอบอยู่ เวลานี้ร่างทั้งสี่ได้ถ่ายเทพลังปราณล้ําลึกเข้าไปในไข่มุกโลหิตที่ลอยอยู่กลางอากาศ หลังจากได้รับพลังปราณล้ําลึกจากทั้งสี่ไข่มุกโลหิตเหมือน จะปล่อยพลังงานประหลาดออกมา พลังงานนี้มีสีเทาเข้ม และมันค่อย ๆ ลอยไปรอบด้านภายใต้ การควบคุมของพวกเขา
เมื่อซูชิงฉือมาถึงและเห็นบ่อโลหิตกับไข่มุกโลหิต ท่าทีของนางเปลี่ยนไปอย่างมาก ขณะที่กําลังจะลงมือ นางได้สังเกตเห็นบางอย่างก่อนจะหันไปหลบด้านหลัง
หยางเยู่พุ่งเข้าด้วยความเร็วสูงสุดเกือบสองชั่วยาม แต่ก็ยังไม่สามารถตามซูชิงฉือทัน อย่างไรก็ตามเขาได้รับบางสิ่งที่เยี่ยมยอดมากมายระหว่างทาง เขาพบศพนอนเกลือนอยู่ตามทางทั้งที มดถูกสังหารโดยซูชิงฉือ ซูชิงฉือคิดว่าของวิเศษเหล่านั้นไร่ค่า แต่หาได้เป็นเช่นนั้นกับหยางเย่!
เขาเก็บแหวนมิติตลอดทางได้หกวง และทุกวงมีพื้นที่กว้างใหญ่ข้างใน ยอดฝีมือทุกคนล้วนอยู่ขั้นปราณสวรรค์ และปราณราชัน หยางเย็ไม่ต้องการของวิเศษจากบรรตายอดฝีมือขั้นปราณสวรรค์ เขาต้องการของยอดฝีมือขั้นปราณราชัน
ตลอดทางนอกจากแหวนมิติทั้งหก หยางเย์ได้รับหินพลังปราณนับสามพันก้อน ของวิเศษขั้นสีเหลืองระดับสูงนับสิบชิ้น ขั้นต่ําระดับต่ําสองชิ้น หนึ่งในของวิเศษขั้นปราณสีดําเป็นชิ้นส่วนของชุดเกราะที่ป้องกันหัวใจ หยางเย่สวมมันทันที่ที่ได้มา ส่วนอีกชิ้นหนึ่งเป็นกระบี่ที่มีกระดูกมนุษย์ ฝังอยู่ หยางเย็ไม่คิดจะใช้มันจึงได้โยนกลับเข้าไปในแหวนมิติ
นอกจากของวิเศษ มันยังมีเคล็ดวิชาอยู่ด้วย ในเคล็ดวิชาเหล่านั้นมีสองเคล็ดวิชาที่อยู่ขั้นสีดําแต่หยางเยก็ถอดใจที่จะฝึกพวกมันทันที่ที่อ่านคําอธิบาย เพราะวิชาทั้งหมดนี้ต้องใช้เลือดหรือสิ่งที่ ไร้มนุษยธรรมในการฝึกฝน
ถึงแม้เขาจะเก็บของวิเศษตามทาง แต่ก็หาได้ช้าลงไม่ หากสหายตัวจ้อยบอกว่ามีอันตรายอยู่มันต้องเป็นสิ่งที่อันตรายอย่างแท้จริง และเขาไม่ต้องการเกิดสิ่งใดขึ้นกับซูชิงถือ
หลังจากถอดแหวนมิติออกจากศพ หยางเย่กวาดสายตาไปทั่ว และไม่รอช้าที่จะไปต่อ ขณะที่กําลังจะขยับ ได้มีบางอย่างปรากฏขึ้นตรงหน้า ทันใดนั้นซูชิงฉือได้ปรากฏตัว
นางขมวดคิ้วมองไปที่หยางเยู่ที่กําลังหอบหายใจพร้อมเอ่ย “เจ้ามาทําอะไรที่นี่ ?”
หยางเยถอนหายใจเมื่อเห็นซูชิงฉือ “สหายตัวจอยบอกข้าว่ามีอันตรายในนั้น ข้าจึงกังวลเล็กน้อย!”
เปลือกตานางบิดเบี้ยวเล็กน้อยเมื่อได้ยินสิ่งนี้ เขาเป็นห่วงเรางั้นหรือ?”
เมื่อนึกได้เช่นนั้น ความรู้สึกแปลกประหลาดได้ปรากฏขึ้นในใจซูชิงฉือ แต่นางก็รีบระงับมันไว้อย่างรวดเร็ว “มันอันตรายอย่างมากข้างในนั้น รีบหันกลับไปรวมกลุ่มกับยอดฝีมือของสํา นักเถอะ!”
“แล้วท่านละ?” หยางเยถาม
ซูชิงฉือหันไปมองในเส้นทางอีกครั้งพร้อมกล่าว “ข้าจะไปทําลายสิ่งที่พวกมันกําลังทําอยู่!”
ทันใดนั้น มิงค์ม่วงได้ชี้กรงเล็บไปในเส้นทางนั้น ดูเหมือนมันต้องการบอกบางอย่าง ราวกับจะเข้าไปด้วยตนเอง
แต่เดิมหยางเย่คิดจะเกลี้ยกล่อมซูชิงฉือ แต่ก็ต้องยอมแพ้เมื่อเห็นท่าที่สหายตัวจ้อ ยที่ต้องการจะไปเช่นกัน กล่าวโดยแท้จริงคือเขาเป็นห่วงชิงฉือและสหายตัวจ้อยมาก แต่เขาทราบดีว่าไม่อาจขอให้ทั้งสองเลิกทําแบบนี้ได้ เพราะทั้งคู่มีอิสระที่จะทําตามใจตนเอง และเขาหาได้ มีอํานาจพอจะบอกทั้งสอง
และสิ่งที่สําคัญที่สุด พวกเขามีความสามารถพอที่จะปกป้องตนเอง ในคนทั้งสามตอนนี้เขาเป็นผู้ที่อ่อนแอสุด เมื่อนึกได้เช่นนั้น หยางเยรู้สึกว่าไม่อาจช่วยสิ่งใดใต้ เขารู้สึกไร้หนทางโดยแท้จริง เขาทราบดีว่ามันยาก ไม่ว่าจะพยายามเพียงใดก็ไม่สามารถเปลี่ยนความจริงที่ว่าเขาอ่อนแอ
ขณะที่หยางเย่กําลังรู้สึกเช่นนั้น มิงค์ม่วงได้แตะที่ใบหน้าหยางเยู่ด้วยกรงเล็บเล็กน้อยจากนั้น ได้คลอเคลียควยหัวของมัน
ซูชิงถือเองก็เข้าใจสิ่งที่หยางเย่คิด ริมฝีปากนางดูเหมือนจะขยับแต่ก็หาได้กล่าวสิ่งใดไม่
หัวใจหยางรู้สึกผ่อนคลายเมื่อเห็นสหายตัวจ้อยพยายามจะปลอบใจ เขาลูบหัวมันก่อนจะมองไปที่ซูชิงฉือ “ท่านไปกับสหายตัวจ้อยเสีย โปรดระวังตัวด้วย!”
เขาต้องการจะไปด้วย แต่ก็ไม่สามารถ เพราะทราบดีว่าคงเป็นได้แค่ตัวถ่วงพวกเขา
เวลานี้ท่าทีของซูชิงฉือได้เปลี่ยนไป ” บัดซบ! ดูเหมือนพวกมันจะทราบแล้วว่าพวกเราอยู่ที่นี่พวกมันกําลังจะหนี้ รีบไป!”
ทันทีที่กล่าวจบซูชิงฉือพุ่งไปตามทางอย่างรวดเร็ว นางหายไปในชั่วพริบตาเดียวของหยางเย่จากนั้น เสียงระเบิดดังก้องจากที่ที่ไกลออกไป
มิงค์ม่วงกะพริบตา จากนั้นมันหมุนควงกรงเล็บก่อนจะหายไปจากไหล่ของหยางเย่
หยางเยู่จ้องมองอย่างว่างเปล่า จากนั้นเขานายันต์เสริมกําลังระดับสูงประทับบนตัว ขณะที่กําลังจะพุ่งเข้าไป เสียงกรีดร้องโหยหวนได้ดังขึ้นออกมาจากทางนั้น “อาก!! ไข่มุกโลหิตถูกตัวม งค์สีม่วงเข้าไปแล้ว รีบไล่ตามไปเร็ว!”
เมื่อสิ้นสุดเสียง หยางเยสังเกตเห็นประกายสีม่วงพุ่งออกมา ไม่นานประกายแสงสีม่วงปรากฏอยู่ตรงหน้าหยางเย่ ในมือของมันได้ถือไข่มุกโลหิตขนาดเท่ากําปั้นอยู่ มิงค์ม่วงดูเหมือนจะตื่นเต้น และดีใจอย่างมาก ดวงตาของมันกะพริบอย่างต่อเนื่อง
“นี่คือ..” หยางเย่สงสัยเล็กน้อยขณะมองไปที่ไข่มุกในมือสหายตัวจ้อย
มิงค์ม่วงมองไปยังหยางเย่ก่อนมันชี้ไปด้านหลังเขา จากนั้นมันกลายเป็นแสงสีม่วงพุ่งเข้าไปที่ตันเถียนนวนของหยางเยู่ภายใต้สายตาที่งุนงง
หยางเย่ชะงักไปชั่วครู่ ไม่นานเขาหันหลังวิ่งออกไป ถึงแม้จะไม่ทราบว่าสหายตัวจ้อยทํา สิ่งใดไว้แต่เขาก็เข้าใจสิ่งที่มันจะสื่อ มันขอให้รีบหนีโดยเร็วที่สุด
หยางเยู่ที่เพิ่งวิ่งได้ไม่กี่เมตรสัมผัสได้ถึงรังสีอํามหิตมาจากด้านหลังเขา หยางเย่ตกใจมากจนรี บใช้ก้าววายุเพิ่มความเร็วอย่างคลุ้มคลั่ง เขาไม่ทราบว่าพวกมันอยู่ขั้นปราณอะไรแต่ทราบดีว่าพว กมันไม่ใช่คู่ต่อสู้ที่จะปะทะได้!
” อย่าเสียเวลากับนั่งนั้น รีบใส่ตามสัตว์อสูรทมิฬสีม่วงไป พวกเราต้องเอาไข่มุกโลหิตมารกลับมาให้ได้”
เมื่อหยางเยู่ได้ยินเสียงนั้น เขาไม่สามารถทําอะไรได้นอกจากคิดในใจ “ไข่มุกที่สหายถือมาตัวยเป็นไข่มุกโลหิตมารงั้นหรือ?
เขาค่อนข้างสับสนุนงง แต่ก็หาได้มีเวลาดูไข่มุกตอนนี้
เวลานี้หยางเยู่ทําได้เพียงใช้ก้าววายุพุ่งไปให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทําได้
หลุมลึกกว่าสิบเมตรปรากฏขึ้นตรงหน้าที่หยางเยี่ยืนอยู่
เปลือกตาเขาบิดเบี้ยวขณะมองลงไปยังก้นหลุม จากนั้นเขาเงยหน้ามองดูด้านบน ร่างชายชุดดําได้ปรากฏขึ้น หัวใจหยางเย่เต้นรัวเมื่อเห็นชายชุดดําตรงหน้า เพราะความแข็งแกร่งของคนผู้นี้ ทัดเทียมได้กับเฟิง
ประกายความประหลาดใจปรากฏผ่านดวงตาชายชุดดําเช่นกันเมื่อเห็นหยางเย่หลบการโจมตีได้ จากนั้นเขาสะบัดมืออีกครั้ง ปราณพลังที่ร้ายกาจได้ยิงไปทางหยางเย่
ทําที่หยางเยเปลี่ยนไปทันที เขาใช้ก้าววายุอีกครั้งก่อนจะหลบไปด้านข้าง แต่ดูเหมือนจะช้าเกินไป โชคดีพลังปราณที่เพิ่งไปตรงหัวใจหยางเย่ ได้เบี่ยงเบนไปโดนไหล่ซ้ายแทน
หยางเย่กระเด็นไปกระแทกกับกําแพงถ้ำ
ขายชุดดําขมวดคิ้วเมื่อเห็นสังเกตยังมีชีวิตอยู่ “ผู้ใช้พลังปราณขั้นปราณมนุษย์สามารถหลบกา รโจมตีเราได้ถึงสองครั้งเลยหรือ? เป็นไปได้อย่างไร? แม้เราจะใช้พลังไม่ถึงครึ่งมันก็ไม่ใช่สิ่งที่ผู้ที่ อยู่ขั้นปราณมนุษย์จะหลบหลีกได้!”
ชายชุดดําราวกับว่าจะโจมตีอีกครั้ง ทันใดนั้นได้มีเสียงดังก้องออกมาจากด้านหลังชายชุดดํา “เจอไข่มุกโลหิตมารแล้วหรือ? ถ้ายังไม่เจอ เช่นนั้นจึงรีบออกจากสถานที่นี้ทันทีสํานักดาบราชัน ทราบแล้วว่าพวกเราอยู่ที่นี้”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ท่าที่ชายชุดดําเปลี่ยนเป็นเคร่งเครียดทันที จากนั้นจึงไม่สนใจหยางเยอีกต่อไป เขาได้หายไปตามเส้นทางอย่างรวดเร็ว
หยางเยถอนหายใจโล่งอกเมื่อเห็นชายชุดดําไป เขาเช็ดเลือดไหลซึมออกจากมุมปากก่อนมองไปที่ชุดเกราะขั้นสีดําที่อยู่จมลงไปตรงไหล่ซ้าย หยางเย่กล่าว “พลังของเรายังอ่อนแอเกินไปอยู่ดี เราต้องหาทางที่จะเก่งขึ้นกว่านี้เมื่อออกไปได้!”
ทันใดนั้นเสียงร้องโหยหวนน่าสังเวชดังออกมาจากทางที่ชายชุดดําหนีไป ไม่นานชายวัยกลางคนสี่คนสวมชุดคลุมสีน้ําเงินขาวได้ลอยมาบนดาบ ทั้งสี่ชะงักเมื่อเห็นหยางเย่
ขณะที่หนึ่งในชายวัยกลางคนกําลังจะกล่าวบางอย่าง เสียงการต่อสู้ใต้ตึงขึ้น ทําให้ทําที่ของพวกเขาเปลี่ยนไปทันที พวกเขาไม่สนใจหยางเยอีกต่อไป และรีบพุ่งไปอย่างรวดเร็วในทางที่ชูชิงออยู่
หยางเยถอนหายใจโล่งอกเมื่อเห็นพวกเขา เพราะชิงฉือสามารถรอดพ้นจากอันตรายได้แล้วส่วนคนของสํานักภูตผีคงจะถูกจัดการเรียบร้อย
หยางเย็บปิดแผลพร้อมกับเดินออกไปยังทางออก
หลังจากเดินออกมา หยางเยเดินตรงไปยังถ้ําของหมาป่าสีเทา เขาต้องการเห็นไข่มุกที่สหายตัวจ้อยขโมยมา เพราะมันทําให้สหายตัวจ้อยต้องเสียงเข้าไปเอาด้วยตนเอง!