มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake - บทที่ 1041
เหตุผลที่เขาสามารถระเบิดพลังต่อสู้แข็งแกร่งเช่นนี้ออกมาได้ก็เพราะพลังของเกราะเทพเวหากาล แต่ระดับของเกราะเทพนี้สูงเกินไป เขาสามารถรองรับได้เพียงสิบสามลมหายใจเท่านั้น และเวลาสั้นๆนี้ไม่เพียงพอเพื่อฆ่าเจ้าศักดิ์สิทธิ์เทพมารทั้งสาม
โชคดีที่เจ้าศักดิ์สิทธิ์เทพมารทั้งสามตกใจกับพลังต่อสู้ของเขาและเริ่มที่จะล่าถอย มิฉะนั้นพวกเขาจะต่อสู้จริงๆ เขาและงูมรณาจิ่วหยินจะไม่มีโอกาสแม้แต่จะหลบหนี
เดิมทีหลัวซิวคิดว่ามาถึงอาณาจักรตะวันตก เจ้านิกายมารศักดิ์สิทธิ์อาจลงมือ แต่สิ่งที่เขาคาดไม่ถึงก็คือเจ้าศักดิ์สิทธิ์เทพมารทั้งสามจะร่วมมือกัน ซึ่งแสดงให้เห็นว่าพวกเขาต้องการฆ่าเขาให้ตายจริง ๆ
ในทางที่ข้ามผ่านอนัตตา หลัวซิวลากหางของงูมรณาจิ่วหยิน และร่างกายของเขาก็ข้ามผ่านไปอย่างรวดเร็ว
เมื่อผลการฝึกตนสูงกว่าแดนมหาจักรพรรดิยุทธ์ ก็สามารถอากาศออกจากกันและเดินทางผ่านอนัตตาได้
ระยะทางในการเดินทางผ่านอนัตตานั้น มีความสัมพันธ์โดยตรงกับความแข็งแกร่งผลการฝึกตนของตนเอง หลัวซิวใช้ความช่วยเหลือของเกราะเทพเวหากาล เขาสามารถใช้พลังที่เทียบเท่ากับเทพมารขั้นสูงได้ ดังนั้นการฉีกอนัตตานี้ ระยะทางของการเดินทางสามารถข้ามไปได้ไกลถึงหลายร้อยลี้
การกระทำนี้ของหลัวซิวนี้ ทำให้สีหน้าของเจ้าศักดิ์สิทธิ์เทพมารทั้งสามตกตะลึง เพราะเมื่อครู่นี้ หลัวซิวได้ระเบิดพลังของระดับเทพมารขั้นสูง ตอนนี้ทำไมเขาถึงหนีไปล่ะ?
“เมื่อครู่นี้เขาคงใช้วิชาลับบางอย่าง หรือใช้พลังของสมบัติบางอย่าง”
“ดูเหมือนว่าเขาจะไม่สามารถใช้พลังนั้นได้ตามต้องการ พวกข้าไล่ตามกันเถอะ!”
เจ้าศักดิ์สิทธิ์เทพมารทั้งสามรู้เหตุผลอย่างรวดเร็ว และรีบควบคุม ตำหนักสรรพดาราทำลายอนัตตาและไล่ตามพวกเขาทันที
ความเร็วในการข้ามอนัตตานั้นเร็วมาก เมื่อหลัวซิวทำลายอนัตตาอีกครั้งและข้ามผ่านไปล้านลี้ก็อยู่ไม่ไกลจากอาณาจักรใต้แล้ว
“มาอีกครั้ง!”
หลัวซิวยกมือขึ้นแล้วเหวี่ยงหมัดออกไปอีกครั้ง พลังแข็งแกร่งได้ชกทางอนัตตาออกมา แล้วข้ามผ่านระยะทางหลายล้านลี้อีกครั้ง
พลังของเกราะเทพเวหากาลสามารถรองรับเวลาได้เพียงสิบสามลมหายใจเท่านั้น ตลอดเวลาก่อนและหลังรวมกัน หลัวซิวเจาะอนัตตาทั้งหมดสามครั้งและปรากฏตัวใกล้กับแดนตำหนักจื่อ
ในขณะนี้ เกราะเทพเวหากาลได้หายไปจากร่างกายของเขา และพลังอันแข็งแกร่งก็จางหายไป ทำให้หลัวซิวรู้สึกร่างกายของเขาว่างเปล่าอ่อนล้า
“เจ้าหลัว จะทำยังไงดี?”
งูมรณาจิ่วหยินกลายเป็นร่างมนุษย์ด้วยสีหน้าเคร่งขรึมและพูดอย่างโกรธเคือง “สามคนนี้กล้าหาญมาก รอนายท่านกลับมาแล้ว จะต้องทำให้พวกเขาเสียใจกับเรื่องที่พวกเขาทำในวันนี้อย่างแน่นอน”
หลัวซิวเดินทางผ่านอนัตตาสามครั้งด้วยพลังระดับเทพมารขั้นสูง แต่เขารู้ดีว่าด้วยความแข็งแกร่งของเจ้าศักดิ์สิทธิ์เทพมารทั้งสาม ในไม่ช้าพวกเขาก็จะตามทัน
“ตามข้ามา”
หลัวซิวพูดกับงูมรณาจิ่วหยิน จากนั้นเขาก็บีบผนึกเปิดทางเข้าสู่แดนตำหนักจื่อ
ทันทีที่ทั้งสองเพิ่งเข้ามา เจ้าศักดิ์สิทธิ์เทพมารทั้งสามก็ตามมา พลังของตำหนักสรรพดาราแข็งแกร่ง บดขยี้อนัตตาโดยรอบและพังทลายลง
“ฮึ่ม หลัวซิว เจ้าคิดว่าเจ้าเข้าสู้แดนปริศนาก็สามารถหลบหนีได้หรือ?” เจ้าศักดิ์สิทธิ์จักรภพตะคอกอย่างเย็นชา เอื้อมมือแสงดาวออก ฉีกอากาศและบุกเข้าไปในแดนตำหนักจื่อทันที
“ปัง!”
ทันใดนั้น แสงศักดิ์สิทธิ์อันวิจิตรงดงามก็ปรากฏขึ้น ราวกับกระบี่เทวพุ่งไปบนท้องฟ้า แล้วฟันมือแสงดาวของเจ้าศักดิ์สิทธิ์จักรภพให้แตกสลาย
ไม่เพียงเท่านั้น แสงศักดิ์สิทธิ์จำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ ราวกับกระบี่หมื่นเล่ม ทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าและจมดิ่งสู่ตำหนักสรรพดาราที่ซึ่งเจ้าศักดิ์สิทธิ์เทพมารทั้งสามอยู่
หลังจากที่หลัวซิวกลับมา เขาได้จัดตั้งค่ายกลสามแห่งในอนัตตารอบ ๆ แดนตำหนักจื่อ เมื่อครู่นี้ เจ้าศักดิ์สิทธิ์จักรภพได้โจมตีซึ่งได้กระตุ้นหนึ่งในค่ายกลการโจมตีตอบโต้