มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake - บทที่ 1067
มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 1067
“โลกแสงดาวเกณฑ์กฎเป็นสถานที่ที่เหมาะสมแก่การบรรลุของเจ้า แต่ที่แห่งนั้นก็ไม่ได้สงบนัก เจ้าเข้าไปฝึกตนที่นั่น จำเป็นต้องระวังให้ดี” ช่าจื่อเยียนเอ่ยปากเตือน
“ไม่รู้ว่าการฝึกตนภายในโลกแสงดาวเกณฑ์กฎนั้น มีข้อกำหนดใดที่ควรระวังหรือ?” หลัวซิวเอ่ยถาม
“เจ้าคงจะไม่รู้ โลกแสงดาวคือผู้แข็งแกร่งเทพฟ้าท่านหนึ่งในสมัยโบราณกาลเปิดขึ้นมา”
“เพราะว่าการเปิดโลกพิภพนั้นจะต้องสูญเสียพลังเทพอย่างมาก จึงมีผู้แข็งแกร่งไม่มากนักที่เต็มใจสูญเสียพลังเทพเพื่อไปทำเรื่องเช่นนี้ ดังนั้นโดยทั่วไปแล้วต่างเลือกทำสิ่งนี้ก่อนที่อายุขัยของพวกเขาจะหมดและตายลง”
“ผู้แข็งแกร่งระดับแดนเทพมารขึ้นไป ไม่ใช่ว่าไม่มีวันตายหรอกหรือ?” หลัวซิวเผยสีหน้างุนงง
ซุ๋นซินเหลียนหัวเราะพรืดออกมา “เจ้ายินมาจากที่ใดว่าระดับเทพมารขึ้นไปจะเป็นอมตะ? อย่าว่าแต่เทพมารทั่วไปเลย ต่อให้เป็นเทพฟ้า หรือแม้แต่ราชาเทพ ก็ไม่ได้เป็นอมตะ เพียงแต่ช่วงเวลาของอายุขัยนั้นจะค่อนข้างนานกว่าก็เท่านั้น”
สำหรับคำถามนี้ ซุ๋นซินเหลียนไม่ได้อธิบายอะไรมากนัก ฟังช่าจื่อเยียนพูดต่อ “ความจริงแล้วเป้าหมายที่ผู้แข็งแกร่งเทพฟ้าเปิดโลกพิภพ ก็เพื่อที่จะยืดชีวิตของตนออกไป เพราะโลกพิภพที่พวกเขาได้เปิดขึ้นนั้น อสูรจิตทุก ๆ ตนที่เกิดขึ้น ภายในวิญญาณต่างก็จะมีผนึกของเขาอยู่”
“หากเมื่อมีคนที่ฝึกตนถึงแดนเทพฟ้าในโลกพิภพที่เขาเปิดขึ้น วิญญาณส่วนที่ลึกที่สุดที่ผู้แข็งแกร่งเทพฟ้าผนึกเอาไว้ก็จะถูกปลุกขึ้น”
“ครองวิญญาณ?” หลัวซิวสีหน้าตื่นตระหนก
“ก็มีบางกลยุทธ์บางส่วนที่คล้าย ๆ กับการครองวิญญาณ แต่ที่พิภพต่ำดูเหมือนจะไม่สามารถมีเทพฟ้าปรากฏตัวขึ้นได้ ต่อให้ผนึกถูกปลุกขึ้น เทพฟ้าท่านนั้นที่ได้ตายไปไม่รู้กี่หมื่นกี่ล้านปี ก็ใช่ว่าจะสามารถครองวิญญาณได้สำเร็จ” ช่าจื่อเยียนพูดไว้เช่นนี้
“นับแต่บรรพกาลนานมา ไม่รู้ว่ามีเทพฟ้าจำนวนมากเพียงใดที่ได้เปิดพิภพต่ำขึ้นมาก่อนตาย แต่ในบรรดาพิภพต่ำนับไม่ถ้วนนี้ พิภพนับล้านต่างไม่สามารถมีเทพฟ้าปรากฏขึ้นได้” ซุ๋นหวู่หยากล่าว
โลกแสงดาวก็ถือว่าใหญ่มากแล้ว แต่ทั่วทั้งจักรวาลนั้น พิภพต่ำมีจำนวนไม่น้อยกว่าล้านแห่ง? อาจจะมีถึงสิบล้าน หรือกระทั่งร้อยล้านก็เป็นได้!
จากข้อมูลนี้ แทบเป็นไปไม่ได้เลยที่จะจินตนาการว่าทั้งจักรวาลนั้นกว้างใหญ่เพียงใด
ข้อมูลลับเหล่านี้ ต่างก็เป็นสิ่งที่หลัวซิวไม่เคยได้สัมผัสมาก่อน แต่ตามพลังผลการฝึกตนของเขที่นับวันก็ยิ่งแข็งแกร่งขึ้น ระดับที่เขาสัมผัสได้ก็สูงขึ้นตามไปด้วยเช่นกัน และเพราะเหตุนี้จึงได้พบว่าตัวเขาเองนั้นยังคงเป็นเพียงแค่กบที่อยู่ก้นสระ เป็นสิ่งมีชีวิตที่เล็กมากเหลือเกิน
“โลกแสงดาวเกณฑ์กฎ ในความจริงแล้วโลกแสงดาวก็คือเทพฟ้าในสมัยโบราณท่านนั้นได้ใช้กฎพลังเทพส่วนหนึ่งเปิดขึ้นมาก่อนตาย เหมือนกับนภาของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ที่เจ้าได้เห็น ก็คือส่วนเล็ก ๆ ของโลกแสงดาวเกณฑ์กฎ”
ช่าจื่อเยียนค่อย ๆ อธิบายต่อ “พิภพถูกเปิดมาเนิ่นนานจนไม่สามารถนับเวลาได้ พลังของเทพฟ้าที่แปรเปลี่ยนภายในโลกแสงดาวเกณฑ์กฎก็ได้เกิดสภาพแวดล้อมการดำรงชีวิตที่เป็นพิเศษ ดูเหมือนจะเทียบได้กับโลกพิภพขนาดเล็กแห่งหนึ่ง เป็นสถานที่ที่นักยุทธ์ระดับมหาจักรพรรดิยุทธ์ขึ้นไปของโลกแสงดาวใช้เป็นที่ฝึกประสบการณ์”
“ผู้อาวุโสหมายความว่า จากดินแดนศักดิ์สิทธิ์ก็สามารถเข้าสู่โลกแสงดาวเกณฑ์กฎได้?” หลัวซิวแววตาเป็นประกาย
ช่าจื่อเยียนยิ้มและพยักหน้า “บางทีสถานที่อื่น ๆ ก็สามารถเข้าไปในโลกแสงดาวเกณฑ์กฎได้ แต่ทางเข้าจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ เสถียรที่สุดแล้ว”
นางยกมือขึ้นและชี้ขึ้นไปในอากาศ กลางนภาของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ก็พลันมีเสียงฟ้าร้องและสายฟ้าฟาด เปิดออกเป็นทางเหนือนภาเส้นหนึ่ง เป็นทางตรงเข้าไปยังภายในโลกแสงดาวเกณฑ์กฎ
“เมื่อเจ้าไปถึงโลกแสงดาวเกณฑ์กฎ จงตั้งใจฝึกตน พยายามอย่าไปมีเรื่องกับผู้ใด เพราะภายในโลกแสงดาวเกณฑ์กฎก็มีเทพมารอยู่ไม่น้อย”
ช่าจื่อเยียนเอ่ยเตือน แต่ก็ไม่ได้กังวลใจมากจนเกินไป ด้วยพลังของหลัวซิวอีกทั้งยังมีเทพมารอสูรตนหนึ่งคอยเคียงข้าง ที่ภายในโลกแสงดาวเกณฑ์กฎนั้นเพียงพอแล้วที่จะป้องกันตนเองได้
หลัวซิวพยักหน้า ทันใดนั้นเขาก็บินขึ้นไปโดยไม่ลังเล เข้าสู่ทางเหนือนภาเส้นนั้นทันที