มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake - บทที่ 1079
มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 1079
ตามข้อกำหนดของแก๊งรอบรู้ ต่อให้พลังของหลัวซิวจะแข็งแกร่งเพียงใด แต่ข้อกำหนดของแก๊งรอบรู้ก็ไม่สามารถทำลายไปได้
แต่หลัวซิวเองกลับไม่ได้เห็นด้วยกับเรื่องแบบนี้ เขาไม่ใช่คนประเภทเอาความแข็งแกร่งไปรังแกคนที่อ่อนแอกว่า จึงได้พูดพร้อมรอยยิ้ม “หินพลังจิตชั้นสูงล้านชิ้นพอหรือไม่?”
ชายหัวโล้นเช็ดเหงื่อที่ผุดขึ้นมาบนหน้าผากออก รีบพยักหน้ารับ “พอแน่นอน”
เขาก็กังวลว่าหลัวซิวจะอาศัยพลังอันแข็งแกร่งของตน หากมีเรื่องใดที่รู้สึกไม่พอใจขึ้นมาก็สามารถตบเขาตายได้ด้วยฝ่ามือเดียว
ของจำพวกหินพลังจิตสำหรับหลัวซิวแล้วคือสิ่งที่มีเหลือล้นจนเกินพอ จากนั้นก็หยิบแหวนเก็บของชิ้นหนึ่งออกมาให้อีกฝ่าย และรับแผนที่ของโลกแสงดาวเกณฑ์กฎมา
แผนที่ฉบับนี้ค่อนข้างละเอียด บันทึกพสุธาขนาดเล็ก 11 แห่งที่ตั้งอยู่ภายในโลกแสงดาวเกณฑ์กฎเอาไว้
ไม่ใช่ว่ากองกำลังของโลกแสงดาวพื้นเมืองทุกแห่ง ที่จะมีคุณสมบัติและพลังเข้ามาโลดแล่นในโลกแสงดาวเกณฑ์กฎ ในบรรดาแดนศักดิ์สิทธิ์ทั้ง 20 แห่งของเผ่าพันธุ์มนุษย์ มีเพียงแค่แดนศักดิ์สิทธิ์ 11 แห่งที่ตั้งรกรากของตนเองเอาไว้ภายในโลกแสงดาวเกณฑ์กฎ แบ่งออกเป็นพื้นที่พสุธาขนาดเล็กแห่งหนึ่ง
พสุธาเหล่านี้ที่ลอยเคว้งอยู่ภายในโลกแสงดาวเกณฑ์กฎ มีขนาดราวรัศมีหมื่นลี้ เล็กลงมาก็มีรัศมีราวพันลี้ ไม่ว่าจะเป็นโซนสำหรับใช้ชีวิต หรือจะเป็นทรัพยากรต่างก็มีขีดจำกัดอย่างมาก ดังนั้นนักยุทธ์ภายในโลกแสงดาวเกณฑ์กฎจึงมีไม่มาก ทุก ๆ ปีต่างก็มีผู้คนจำนวนมากที่ไม่สามารถฝึกตนอยู่ที่นี่ต่อไปไปได้ จึงได้เลือกที่จะกลับไปยังโลกแสงดาวพื้นเมือง
ได้รับผลกระทบจากสิ่งแวดล้อมที่จำกัด ที่พิภพต่ำนี้หากต้องการสำเร็จเป็นเทพมารถือเป็นเรื่องที่ยากมาก
ก็เหมือนกับประโยคที่พูดไว้ว่า สระเล็กไม่สามารถเลี้ยงมังกรตัวใหญ่ได้ พิภพต่ำก็เปรียบเสมือนสระขนาดเล็ก อย่างมากที่สุกก็อาจจะสำเร็จเป็นเทพมารได้ หากคิดจะก้าวขึ้นไปให้สูงกว่าเดิมอีกขั้น ก็ทำได้เพียงแค่ต้องเดินหน้าต่อไปยังโลกพิภพที่มีระดับสูงกว่า
แดนใหญ่ทุกแดนของโลกยุทธ์ต่างก็มีการแบ่งแยกแดนเล็กเอาไว้เก้าขั้น เทพมารก็เช่นกัน
อัตราการกำเนิดของเทพมารที่พิภพต่ำ น่าจะอยู่ราว ๆ หมื่นปี แต่ความน่าจะเป็นนี้ไม่แน่นอนถึง อย่างไรต่อให้มีคนครอบครองพรสวรรค์และคุณสมบัติในการเป็นเทพมาร ก็มีความเป็นไปได้ที่จะไม่สามารถบรรลุถึงแดนเทพมารได้ เพราะได้ตายไประหว่างที่กำลังเติบโตเสียก่อน
โลกพิภพนับแต่กำเนิดเนิ่นนานนับเป็นแสนเป็นล้านปี ที่พิภพต่ำทุกแห่งจำนวนของการกำเนิดเทพมารต่างก็คุ้มค่าต่อการจับตามอง
หากไม่ได้มาที่โลกแสงดาวเกณฑ์กฎแห่งนี้ แม้แต่พลังที่แท้จริงของโลกแสงดาวหลัวซิวก็ไม่มีทางล่วงรู้ มันซับซ้อนมากกว่าที่ตาเห็นมาก
เทพมารส่วนมากในโลกแสงดาว ทุก ๆ ปีต่างก็พากันมายังฝึกตนอยู่ที่โลกแสงดาวเกณฑ์กฎ ด้วยความหวังว่าจะสามารถบรรลุถึงแดนที่สูงขึ้นได้
สำหรับเจ้าแห่งแดนศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์ทั้งสี่ของโลกแสงดาวพื้นเมือง ก็คือผู้แทนของผู้แข็งแกร่งเทพมารทั้งหลาย หากมีคนบรรลุถึงแดนเทพมารอีก ก็จะเข้ารับตำแหน่งเจ้าศักดิ์สิทธิ์แทน เจ้าศักดิ์สิทธิ์คนก่อนก็จะเดินทางมาฝึกปฏิบัติที่โลกแสงดาวเกณฑ์กฎ
แก๊งรอบรู้มีข้อมูลรายละเอียดมากที่สุดในของทุกกองกำลัง จำนวนผู้แข็งแกร่งเทพมารภายในโลกแสงดาวเกณฑ์กฎทั้งหมด มีอยู่ประมาณหลักสิบขึ้นไป
ถึงแม้ว่าจำนวนเทพมารจะมีไม่น้อย แต่ที่ผลการฝึกตนบรรลุถึงเทพมารขั้นเจ็ดขึ้นไปนั้น มีจำนวนเพียงน้อยนิดจนน่าหวั่นใจ
โดยทั่วไปแล้ว ต่างก็เป็นเทพมารทั่วไป สำหรับแดนเทพมารขั้นสูงนั้นกลับไม่มีแม้แต่คนเดียว
ถึงอย่างไรเทพมารขั้นสูงก็ห่างจากเทพฟ้าเพียงแค่ก้าวเดียวเท่านั้น ที่พิภพต่ำหากต้องการฝึกตนถึงแดนระดับนั้น นับว่าเป็นเรื่องที่ยากลำบากมากถึงมากที่สุด
ภายในแดนปริศนาเทพฟ้า หลัวซิวค้นพบเหมืองแก้วเทวชั้นล่างแห่งหนึ่ง แก้วเทวชั้นล่างที่ถูกซ่อนเอาไว้ในเหมืองแห่งนี้หากขุดขึ้นมาทั้งหมด ก็มากพอที่จะสร้างผู้แข็งแกร่งเทพมารได้ถึงสองคนแล้ว
เช่นนั้น ในเมื่อมีทรัพยากรมากเพียงพอที่จะโจมตีคอขวดของผลการฝึกตนแล้ว หลัวซิวก็วางแผนว่าจะหาสถานที่สักแห่งเพื่อฝึกตนปิดขัง
สถานหนึ่งที่มีกฎออร่าค่อนข้างเข้มข้นภายในแดนปริศนาเทพฟ้าแห่งนี้ ก่อนอื่นหลัวซิวก็ได้จัดวางวิชาห้ามค่ายกลไว้หลายด่าน จากนั้นก็ลงไปนั่งขัดสมาธิอยู่ท่ามกลางวิชาห้ามค่ายกลจำนวนมากนั้น โบกมือขึ้นหยิบเอาแก้วเทวชั้นล่างทั้งหมดออกมาจากแหวนเก็บของ