มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake - บทที่ 1167
หลังจากที่อสูรจิตในโลกเสวียนเทียนฝึกตนจนถึงระดับแดนที่แน่นอนแล้ว ตราแห่งราชาเทพที่อยู่บนตัวเขาก็จะตื่นรู้ดำเนินการยึดครองร่าง และได้รับการกำเนิดใหม่ในรูปแบบอื่น
นี่เป็นความสัมพันธ์ประเภทเดียวกันกับเหตุและผล ผู้แข็งแกร่งเทพฟ้าบุกเบิกพิภพ และมีอสูรจิตที่นับไม่ถ้วนกำเนิดขึ้นในพิภพดังกล่าว ซึ่งกระบวนการเหล่านี้จะเหมือนดั่งเหตุ และหลังจากที่ตราตื่นรูเแล้วก็จะถึงการยึดครองร่าง ซึ่งก็คือการได้รับผลนั่นเอง
นี่เป็นปัญหาที่นักยุทธ์รุ่นหลังทุกคนต่างต้องเผชิญในอนาคต พรสวรรค์และศักยภาพยิ่งแกร่ง โอกาสที่จะได้เผชิญหน้ากับตราชีวีในอนาคตก็จะยิ่งสูง
หลัวซิวก็เป็นแบบเดียวกันเช่นกัน เขากำเนิดในโลกแสงดาว สักวันเมื่อผลการฝึกตนของเขาบรรลุถึงแดนเทพมารหรือแดนเทพฟ้า ตราเทพฟ้าที่บุกเบิกโลกแสงดาวก็อาจจะตื่นรู้ตามมาเช่นกัน และดำเนินการยึดครองร่างของเขา
หากเขาสามารถต้านทานการยึดครองร่างได้ อีกทั้งกำจัดตราชีวีที่ติดตัวมาตั้งแต่กำเนิดทิ้ง เขาก็จะผ่านพ้นวิกฤตในครั้งนี้ไปได้ และจะไม่ได้รับผลกระทบใด ๆ จากตราอีก หากไม่เป็นเช่นนั้น เทพฟ้าโบราณก็จะยึดครองร่างเขาและกำเนิดใหม่อีกครั้ง
ส่วนวังราชาเทพเสวียนเทียนที่ปรากฏในตอนนี้คือสถานที่ที่ราชาเทพเสวียนเทียนนั่งฌาณละสังขาร อสูรจิตทุกดวงที่กำเนิดในโลกเสวียนเทียน เมื่อมาถึงสถานที่แห่งนี้ก็จะสัมผัสได้ถึงเสียงเรียกที่ดังมาจากส่วนที่ลึกที่สุดในจิตวิญญาณ
“ภายในวังราชาเทพ มีการถ่ายทอดสืบสานของราชาเทพเสวียนเทียน!”ซุ๋นซินเหลียนพูดเสียงทุ้ม
เรื่องนี้ไม่ใช่ความลับอะไร ในทางตรงกันข้ามมันกลับเป็นความจริงที่ทุกคนในโลกเสวียนเทียนต่างรับรู้
“การถ่ายทอดสืบสานของราชาเทพ?”หลัวซิวตะลึงเล็กน้อย ในขณะเดียวกันเขาก็รู้สึกสงสัยเช่นกัน“หากได้รับการถ่ายทอดสืบสานของราชาเทพเสวียนเทียน เช่นนั้นก็แสดงว่าต่อไปหากฝึกตนถึงแดนราชาเทพเมื่อใด ก็เท่ากับลำบากทำทุกอย่างแทนราชาเทพเสวียนเทียนไปเสียเปล่าเลยสิ?”
“ในเมื่อเจ้าคิดเช่นนี้ได้ คนอื่นก็ต้องคิดได้อยู่แล้ว เพียงแต่เพื่อโอกาสที่จะได้ยึดอำนาจของแดนราชาเทพ แม้รู้ดีอยู่แก่ใจว่ามีความเสี่ยง แต่คนก็ยินดีพนันดูสักตั้ง!”
ซุ๋นหวู่หยาที่อยู่ข้าง ๆ ค่อยเอ่ยปากพูด“หากสามารถต้านทานการยึดครองร่างของราชาเทพเสวียนเทียนได้ เช่นนั้นทันทีที่ได้รับการถ่ายทอดสืบสานจากราชาเทพ อนาคตก็จะยึดอำนาจของราชาเทพได้ และกลายเป็นผู้ครอบครองทั้งโลกเสวียนเทียน!”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ หลัวซิวก็ทำสีหน้าเข้าใจในทันที เส้นทางการฝึกยุทธ์เป็นเส้นทางที่มีโอกาสและความเสี่ยงปะปนตั้งแต่แรกอยู่แล้ว กาลเวลาผ่านไปนานอย่างไม่รู้จบ มีเทพฟ้าบังเกิดในโลกเสวียนเทียนไม่น้อย แต่กลับไม่เคยมีผู้ใดบรรลุถึงแดนราชาเทพมาก่อน
ในอดีต เขาคิดว่าเมื่อบรรลุถึงแดนเทพมารแล้วก็จะเป็นอมตะ จนกระทั่งต่อมาช่าจื่อเยียนได้บอกกับเขาว่าใช่ว่าเทพมารจะเป็นอมตะ เพียงแต่มีอายุไขที่ยาวนานกว่าเท่านั้นเอง
ผู้แข็งแกร่งเทพมารขั้นปฐมภูมิมีอายุไขประมาณสามหมื่นปี ผู้แข็งแกร่งเทพมารช่วงกลางมีอายุไขประมาณห้าหมื่นปี ส่วนผู้แข็งแกร่งเทพมารช่วงปลายมีอายุไขประมาณหนึ่งแสนปี
แต่ทว่าหนึ่งแสนปีกลับเป็นอุปสรรคที่ข้ามผ่านไปได้ยาก ถึงจะเป็นผู้แข็งแกร่งเทพมารขั้นสูง ก็ไม่สามารถมีชีวิตยาวนานเป็นแสนปีได้ นอกเสียจากว่าจะบรรลุถึงเทพฟ้า มิเช่นนั้นอายุไขก็จะหมดสิ้นและกลายเป็นธุลีได้
แดนแห่งเทพฟ้า ตั้งแต่เทพฟ้าขั้นปฐมภูมิจนถึงขั้นสูง อายุไขจะเริ่มตั้งแต่สองแสนปีจวบจนแปดแสนปีเป็นอย่างต่ำ
เล่ากันว่ามีเพียงราชาเทพเท่านั้นถึงจะมีอายุไขนานเป็นล้านปี
ส่วนจักรพรรดิเทพที่เป็นผู้ไร้เทียมทานและมีอิทธิพลมากที่สุดนั้น จะมีอายุไขอยู่ที่สิบล้านปี แต่ท้ายที่สุดแล้วก็ต้องกลายเป็นเถ้าธุลีอยู่ดี ไม่สามารถดำรงอยู่ในโลกใบนี้ไปตลอดชีวิตได้
ชั่วนิรันดร์เป็นปริศนาหนึ่ง ตั้งแต่การวิวัฒนาการของจักรวาลในอดีตจวบจนปัจจุบัน กาลเวลาผ่านมายาวนานอย่างไม่รู้จบ ผู้แข็งแกร่งที่นับไม่ถ้วนต่างแสวงหาชีวิตที่คงอยู่ชั่วนิรันดร์ แต่กลับไม่เคยมีผู้ใดทำเช่นนั้นได้เลยแม้แต่คนเดียว
พิภพที่นับไม่ถ้วนในจักรวาล เดินทางข้ามผ่านเวลามาแล้วสามพันยุค เคยมีจักรพรรดิเทพบังเกิดเพียงสามพันคนเท่านั้น ก่อนอายุไขของจักรพรรดิเทพทุกคนจะสูญสิ้น พวกเขาล้วนนั่งฌานละสังขารและวิวัฒนาการกลายเป็นมหาโลกา หรือมหาโลกาพันสามในปัจจุบันนี่เอง