มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake - บทที่ 1190
แต่ทว่าข้อสันนิษฐานดังกล่าวก็ถูกช่าจื่อเยียนสลัดทิ้งไปอย่างรวดเร็ว เนื่องจากถึงแม้หลัวซิวจะมีศักยภาพทำลายค่ายเทพต้องห้ามเหล่านั้นได้ แต่ผลการฝึกตนในตอนนั้นของเขาอยู่แค่มหาจักรพรรดิยุทธ์ ไม่มีทางต้านทานพลานุภาพของเทพสงครามแล้วเดินขึ้นไปถึงยอดเขาได้แน่นอน
“ถ้าหากไม่ใช่เขา แล้วผู้ใดเป็นคนเอาใจแห่งศุภรไปกันแน่?”ช่าจื่อเยียนนึกคิดอยู่นานมาก ๆ แต่สุดท้ายก็ไม่ได้รับคำตอบของคำถามนี้สักที
ใช้เวลาไม่ถึงครึ่งเดือน สภาพอาการบาดเจ็บของหลัวซิวก็แทบจะฟื้นฟูจนหายดีแล้ว แต่สภาพบาดเจ็บของตัวหยั่งรู้กลับไม่สามารถกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้ในเร็ววัน ต้องใช้ยาเซียนพิเศษถึงจะสามารถฟื้นฟูให้กลับมาเป็นเหมือนเดิมได้
มียาเซียนระดับ 1 ที่มีนามว่าโอสถเทียนโหลว ซึ่งเป็นยาที่ใช้สำหรับซ่อมแซมตัวหยั่งรู้ที่ได้รับความเสียหายของผู้แข็งแกร่งเทพมารขั้นปฐมภูมิโดยเฉพาะ
ผลการฝึกตนตัวสำนึกของหลัวซิวคือเทพมารขั้น 3 และถือเป็นเทพมารขั้นปฐมภูมิเช่นกัน เพราะฉะนั้นเขาจึงสามารถใช้โอสถเทียนโหลวมาซ่อมแซมตัวหยั่งรู้ที่ได้รับความเสียหายได้
ในส่วนของช่าจื่อเยียนนั้น ตัวหยั่งรู้ของนางก็ได้รับความเสียหายเช่นกัน แต่ทว่าเนื่องจากการแตกสลายของช่องจิต ผลการฝึกตนลดลง ตอนนี้ผลการฝึกตนของนางเทียบเท่ากับมหายุทธ์ เพราะฉะนั้นแค่ใช้ยาระดับ 8 ก็สามารถฟื้นฟูตัวหยั่งรู้ที่ได้รับความเสียหายของนางได้แล้ว
ยาวิเศษที่มีระดับต่ำกว่าระดับ 9 หาในโลกเสวียนเทียนได้ไม่ยากมากนัก หากไปหาซื้อในร้านค้าที่ค่อนข้างใหญ่ ก็จะสามารถหาซื้อยาวิเศษระยาที่มีระดับต่ำกว่าระดับ 9 ได้
ไม่ใช่เพราะยาวิเศษและยาประเภทนี้มีน้อย แต่เป็นเพราะการทำธุรกิจค้าขายยาวิเศษและยาประเภทนี้ แทบจะสร้างกำไรอะไรไม่ได้เลย
เมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว สิ่งที่คนในโลกเสวียนเทียนต่างต้องการมากที่สุดนั้น ล้วนเป็นยาวิเศษและยาที่มีระดับสูงกว่าระดับ 9 เนื่องจากจิตฟ้าดินในโลกเสวียนเทียนเข้มข้นมาก นักยุทธ์ที่อยู่ในแดนเจ้ายุทธจักรลงไป ไม่ต้องพึ่งอาศัยยาก็สามารถยกระดับผลการฝึกตนได้อย่างรวดเร็ว มีเพียงคนบางส่วนที่พรสวรรค์และสติปัญญาแย่เท่านั้น ถึงจะพึ่งยาฝึกตนตั้งแต่ช่วงแรก ๆ
ในระหว่างทางที่มุ่งหน้าตรงไปยังเมืองแก้วเทว มีสถานที่ที่เหมาะแก่การฝึกฝนและเก็บเกี่ยวประสบการณ์สำหรับนักยุทธ์อยู่ไม่น้อย หลัวซิวไม่ได้รีบไปถึงเป้าหมายปลายทางโดยด่วน แต่เป็นการตามหายาวิเศษในป่าไม้ วางแผนช่วยช่าจื่อเยียนซ่อมแซมตัวหยั่งรู้ที่ได้รับความเสียหาย
ในส่วนลึกของป่าไม้ มียาวิเศษระดับ 8 ขึ้นอยู่เป็นจำนวนมาก ถึงแม้นักยุทธ์ทั่วไปจะพบเห็น คนเหล่านั้นก็แทบจะไม่ให้ความสนใจมันเลย เพราะยาวิเศษเหล่านั้นเป็นยาวิเศษที่แก่มาก ๆ ฤทธิ์ยาก็อยู่ในระดับที่พอดี
ผ่านไปไม่กี่วัน หลัวซิวก็รวบรวมยาวิเศษจนครบแล้ว
“ขอบใจเจ้ามากนะ……”
หลังจากที่ซ่อมแซมสภาพอาการบาดเจ็บของตัวหยั่งรู้แล้ว ใบหน้าที่ขาวเผือกของช่าจื่อเยียนก็แดงระเรื่อขึ้นมา
“พี่จื่อเยียน ข้าจะทำให้ท่านฝึกตนกลับไปถึงแดนเทพมารอีกครั้งภายในเวลา 10 ปี”หลัวซิวยิ้มพลางพูด
“ฝึกตนถึงแดนเทพมารอีกครั้ง มันไม่ง่ายเหมือนที่พูดหรอกนะ?”ช่าจื่อเยียนหัวเราะอย่งขมขื่น การฝึกตนใหม่อีกครั้งเป็นอะไรที่ยากลำบากแสนเข็ญมาก ๆ โดยเฉพาะการพันธนาการในแดนสูง ๆ จะทำลายพันธนาการและเลื่อนขั้นได้ยากกว่าการฝึกตนในช่วงแรก ๆ มาก
อย่างนี้ก็หมายความว่านางต้องฝึกจากแดนมหายุทธ์ขึ้นไปถึงเทพมาร ความยากในการเลื่อนระดับก็จะยากกว่าสมัยที่นางยังสาวมาก ๆ ทรัพยากรที่ต้องใช้ก็เพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณเช่นกัน
แต่ทว่าในเมื่อมีเสียแล้วก็ต้องมีได้ หากสามารถข้ามความยากนี้ไปได้ ฝึกตนจนถึงแดนเทพมารอีกครั้ง นางก็จะลอกคราบใหม่อีกครั้ง มีผลสำเร็จสูงกว่าอดีต
……
นี่เป็นครั้งแรกที่หลัวซิวมาเมืองแก้วเทว ถึงแม้จะเคยได้ยินมาก่อนว่าคูเมืองแห่งนี้ล้วนถูกหลอมสร้างมาจากแก้วเทว อยู่ดี
จินเฟยเทียนเหมือนองครักษ์คนหนึ่งยืนอยู่ฝั่งซ้ายเขา จินเฟยเทียนก็เบิกตากว้างเช่นกัน มองดูเมืองแห่งแก้วเทวที่สูงตระหง่านกว้างโอ่อ่าที่อยู่ตรงหน้านี้
“ท่านนาย ผู้ที่สร้างแก้วเมืองเทวแห่งนี้ร่ำรวยฟุ่มเฟือยเกินไปหรือเปล่าขอรับ”จินเฟยเทียนซี๊ดปากพลางพูด
สาเหตุที่ดูน่าทึ่งเช่นนี้นั้น เป็นเพราะเมืองแก้วเทวแห่งนี้ ไม่ได้มีเพียงกำแพงเมืองเท่านั้นที่ถูกสร้างมาจากแก้วเทว แม้กระทั่งสิ่งปลูกสร้างที่อยู่ภายในเมือง ตลอดจนถนนหนทางภายในเมืองล้วนถูกสร้างมาจากแก้วเทว
ถึงแม้ขนาดและขอบเขตของคูเมืองแห่งนี้จะไม่ได้ใหญ่โตมากก็ตาม แต่มูลค่าของมันกลับสูงมากจนน่าทึ่ง แค่แก้วเทว อย่างน้อยก็มีไม่ต่ำกว่าร้อยล้านชิ้นแล้ว!
แดนศักดิ์สิทธิ์โบราณหนึ่งที่สืบทอดต่อกันมาในโลกเสวียนเทียน ก็ใช่ว่าจะสามารถหยิบแก้วเทวที่มากมายมหาศาลเช่นนี้ออกมาได้ในทีเดียว
“ว่ากันว่าเจ้านภาผู้สร้างเมืองแห่งแก้วเทวค้นพบแหล่งทรัพยากรแก้วเทวแห่งหนึ่ง ตอนนั้นผลการฝึกตนของท่านก็อยู่แดนเจ้านภาแล้ว แก้วเทวจึงไม่ค่อยมีค่าสำหรับท่านมากนัก ดังนั้นท่านจึงนำมันมาสร้างเป็นคูเมืองแห่งนี้เสียเลย”