มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake - บทที่ 128 วัดกวนเหลย2
บทที่ 128 วัดกวนเหลย2
ไม่รอให้ฝั่งตรงข้ามคว้าคอเสื้อได้ หลัวซิวก็หันไป มือขวายื่นออกไปอย่างเร็ว จับข้อมือของชายวัยกลางคนคนนั้นไว้
“ไอ้เด็กนี่ ถ้าเอ็งไม่ลงสมัคร ก็ไสหัวไป”
ชายวัยกลางคนส่งเสียงไม่พอใจ ปราณแท้ระดับแดนพรสวรรค์ก็ขับเคลื่อน ขอมือสั่นๆ เพื่อจะให้มือของหลัวซิวสั่นจนแยกออกไป
แต่ปราณแท้ที่เขาใช้กลับเหมือนดินเหนียวลงในทะเล มือของหลัวซิวเหมือนเหล็กกล้ามัดไว้ ไม่ขยับเลยแม้แต่น้อย
“ใครบอกว่าผมจะไม่สมัคร?” หลัวซิวส่งเสียงไม่พอใจ แล้วก็สะบัดมือไป ชายวัยกลางคนคนนั้นก็เสียสมดุล ถอยหลังเซไปหลายก้าว ชนคนด้านหลังถอยไปกันหมด
“ทำไมถึงลงไม้ลงมือกันล่ะเนี่ย? ทุกคนก็อยากจะลงสมัคร ไม่ใช่เอ็งแค่คนเดียว” คนหลายคนถูกชายวัยกลางคนคนนั้นชนเข้า ต่างมีสีหน้าไม่เป็นมิตร
ชายวัยกลางคนคนนั้นก็ส่งเสียงดังขึ้นมา “เอ็งนี่ อาศัยว่าตนเองเก่งหน่อยก็มาโอหัง ดูเสียบ้างว่าคนอื่นเขาพอใจรึเปล่า”
เห็นๆ อยู่ว่าชายวัยกลางคนคนนั้นลงมือก่อน แต่กลับเป็นความผิดของหลัวซิวเสียนี่
“ทุกคนเข้าไปเลย เอาไอ้เด็กนี่โยนออกไป” ชายวัยกลางคนพูดโวยวายต่อ
มีหลายคนเข้าไปล้อมไว้ ท่าทางเหมือนจะลงมือ คนรอบๆ ก็มีสีหน้ารอชมความสนุก
หลัวซิวเผยสายตาเย็นชา แล้วก็เอื้อมมือไปจับกระบี่ที่ด้านหลัง
“เพล๊ง!”
เสียงกระบี่ยุทธ์ออกจากฝัก ดังขึ้นในฝูงชน เสียงที่ดังใส ดังขึ้นในหูของทุกคน
คนมากมายเห็นแสงสีดำผ่านเข้ามาแล้วหายไป เวลาต่อมากระบี่เงามืดของหลัวซิวก็กลับเข้าฝักแล้ว
เห็นชายวัยกลางคนที่หาเรื่องคนนั้นยืนนิ่งอยู่ที่เดิม มีขนตาหลายเส้นหลุดลอยลงมา
“นี่เอ็ง……..” ชายวัยกลางคนปากสั่นๆ ตกใจไม่น้อย เขารู้ดี ว่าถ้าฝ่ายตรงข้ามอยากจะฆ่าตนเองล่ะก็ เมื่อครู่นี้ ตนเองก็ได้ตายไปแล้วล่ะ
กระบี่เร็วมาก!
สายที่ของคนรอบๆ ที่มองหลัวซิวไปอีกครั้งนั้น เริ่มมีความกลัวๆ ขึ้นมา คนที่มีพลังแบบนี้ จะหาเรื่องด้วยไม่ได้
พวกคนที่เอ่ยว่าจะสั่งสอนหลัวซิวก่อนหน้านี้ ก็ล้วนเงียบกริบ กลืนน้ำลายตัวเองกันไป บางคนก็ตกใจจนถอยหลังไปหลายก้าว
นี่คือหลักการดำรงชีวิตของระหว่างจอมยุทธ์ด้วยกัน ใครเก่งใครใหญ่!
“ฮ่าๆ วิชาดาบเร็วที่เท่มาก ยังเหลืออีก3ตำแหน่ง น้องชายคนนี้จะเข้าร่วมไหม?”
ชายตัวใหญ่ของหอหย่งชางที่รับผิดชอบมาหาคนที่นี่ ก็เห็นความวุ่นวายตรงจุดนี้ ก็เลยเอ่ยขึ้นมา แล้วยิ้มไปทางหลัวซิว
“ขอน้อมรับคำเชิญ” หลัวซิวยิ้มพยักหน้า
ฝูงชนถอยเปิดเป็นทางให้ หลัวซิวก็เดินเข้าไป ภายใต้สายตาที่อิจฉาของคนอื่นๆ หลัวซิวก็ได้ยืนกับอีก3คนที่ถูกเลือก
“ยังเหลืออีก2ตำแหน่ง ใครมีผลการฝึกตนสูงได้ก่อน!” ชายตัวใหญ่พูดเสียงดัง
ไม่นาน ก็มีอีก2คนถูกเลือก ภายใน6คน หลัวซิวพบว่านอกจากตนเองแล้ว คนอื่นอีก5คนมีผลการฝึกตนต่ำที่สุด ก็คือแดนพรสวรรค์ขั้น5 คนที่ผลการฝึกตนสูงที่สุด เป็นชายชุดสีกรม แดนพรสวรรค์ขั้น7
“ทุกท่านเชิญตามผมมา” พอเลือกคนได้แล้ว ชายตัวใหญ่ก็เริ่มพูดกับพวกของหลัวซิว
“เห็นว่าน้องชายคนนี้อายุน้อยมาก เหมือนจะอายุ20 ไม่ทราบว่ามีผลการฝึกตนระดับไหนแล้ว?” ชายตัวใหญ่ก็ถามหลัวซิว
ถึงแม้จะใช้ยาย้ายร่างไขกระดูกแล้ว แต่ก็เปลี่ยนได้แค่หน้าตา ดังนั้นหลัวซิวยังคงดูเป็นหนุ่มอยู่มาก
“แดนพรสวรรค์ขั้น1” หลัวซิวไม่ได้ปิดบังผลการฝึกตนของตนเอง
“แดนพรสวรรค์ขั้น1งั้นหรือ?” ชายตัวใหญ่ก็อึ้ง อีก5คนข้างๆ เขาก็มีสีหน้าแปลกๆ เหมือนกัน
ก่อนหน้านี้ที่หลัวซิวชักกระบี่ออกมา พวกเขาก็เห็นแล้ว ต่อให้เป็นคนระดับแดนพรสวรรค์ขั้น5ก็ยากที่จะหลบได้ นี่มันไม่ได้หมายความว่า หมอนี่เป็นแดนพรสวรรค์ขั้น1 แต่มีพลังเทียบเท่าแดนพรสวรรค์ขั้น5หรอกหรือนี่?
ถ้าหากพวกเขารู้ว่า กระบี่เมื่อครู่นี้ยังไม่ใช่ระดับพลังที่แท้จริงของหลัวซิวล่ะก็ แถมหลัวซิวก็ไม่ได้อายุ20อีกด้วย แต่อายุ14ปี ไม่รู้ว่าคนพวกนี้จะคิดกันอย่างไร
ที่ประตูเมืองของเมือโจว๋ซิง มีจอมยุทธ์เตรียมพร้อมออกเดินทาง
หอหย่งชางเป็นหนึ่งในกองกำลังทั้ง3ของเขตการปกครองโตว้ไห่ มีความหมายว่าต้องการให้โลกยุทธ์เกรียงไกรตลอดไป
ครั้งนี้หอหย่งชางจัดทีม100คน เตรียมไปสำรวจบริเวณใกล้ๆ วัดกวนเหลย คนที่นำทีมก็คือจอมยุทธ์แดนพรสวรรค์ขั้น9สามคน
จอมยุทธ์พรสวรรค์ของหอหย่งชางไม่ได้มีเพียงเท่านี้ เพียงแต่คนอื่นๆ ล้วนยุ่งกับงานอื่นๆ และก็มีคนไม่คิดอยากจะไปวัดกวนเหลย จอมยุทธ์3คนนี้จัดงานครั้งนี้มา ดังนั้นก็เลยหาคนได้แค่94คน
ตอนที่ชายตัวใหญ่พาพวกของหลัวซิวทั้ง6คนมานั้น สายตาของทุกคนก็อดหันไปมองไม่ได้
ชายตัวใหญ่มีชื่อว่าเฟิ๋งซาง เขาเดินเข้าไปรายงานรายละเอียดของทั้ง6คนให้กับจอมยุทธ์ทั้ง3
พอได้ยินว่า หนึ่งใน6คนที่รับเข้ามา มีหนึ่งคนมีระดับแดนพรสวรรค์ขั้น1 จอมยุทธ์ทั้ง3ก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร
สำหรับทีมทั้ง100คนนี้แล้วนั้น เกินมา1คน หรือขาดไป1คน ก็ไม่ได้มีผลอะไรมาก
“เหอะ แค่แดนพรสวรรค์ขั้น1 พลังแบบนี้ก็มีสิทธิ์ที่จะไปวัดกวนเหลยกับทีมหอหย่งชางของพวกเรางั้นหรือ?”
ชายหนุ่มสวมชุดสีฟ้า รูปร่างผมสูงส่งเสียงไม่พอใจ ชี้นิ้วไปทางหลัวซิว แล้วพูดว่า “เอ็งออกไปเสีย เพื่อนกูจะเข้ามา”
“มีสิทธิ์อะไรที่ผมจะต้องให้?” หลัวซิวขมวดคิ้ว
“หือ?” ชายชุดฟ้ามองหลัวซิว สายตาแฝงความเย้ยหยัน “นี่มึงกำลังถามกูงั้นหรือ?”
หลัวซิวไม่มีสีหน้าอะไร ไม่ได้พูดอะไร
ชายชุดฟ้าก็ยิ้มเย็นที่มุมปาก “ก่อนหน้านี้เพื่อนกูหมั่นฝึกฝนปิดขังอยู่ แต่ว่าตอนนี้ได้ออกมาแล้ว กำลังรีบเดินทางมา มึงแน่ใจนะว่าจะไม่ยอมให้สิทธิ์นี้?”
ในขณะเดียวกัน ชายชุดฟ้าก็เงยหน้ามองประตูเมือง ก็เห็นชายหนุ่มชุดขาวเดินถือกระบี่เข้ามา
ชายชุดฟ้าก็รีบหัวเราะ แล้วพูดออกมาว่า “พี่เชียนก้วน ทีม100คนไม่มีที่เหลือแล้ว ที่ของพี่ถูกไอ้หมอนี่มันแย่งไปแล้ว”
ชายหนุ่มชุดขาวที่ชื่อเชียนก้วน เดินเข้ามา พอได้ยินดังนั้นก็สะดุ้ง “ก็แค่ระดับแดนพรสวรรค์ขั้น1เอง”
จอมยุทธ์ทั้ง3ที่นำทีม ก็เห็นการทะเลาะกันทางฝั่งนี้เหมือนกัน แต่ว่าพวกเขาไม่ได้เข้ามายุ่ง และก็ไม่ได้ส่งเสียงห้าม
จริงๆแล้ว สำหรับทีม100คนนี้ จะมีเพิ่มมาอีกคนก็ไม่เป็นอะไร ชายชุดฟ้าตั้งใจหาเรื่อง แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ชายชุดฟ้าและเชียนคุนก็เป็นศิษย์ของหอหย่งชาง ถือว่าเป็นคนกันเอง
“มึงแค่ก็แดนพรสวรรค์ขั้น3เท่านั้นเอง” สิ่งที่ทำให้ทุกคนคิดไม่ถึงก็คือ หลัวซิวก็ไม่ได้ยอมถอยแม้แต่อย่างใด เผชิญหน้ากับเชียนคุน ยิ้มเยาะกลับไป
“รนหาที่ตาย!”
เชียนก้วนสาดสายตาไป มือขวาถือกระบี่ เหมือนจะรีบลงมือทันที
“เพล๊ง!”
เสียงกระบี่ยุทธ์ออกจากฝักดังขึ้น แสงสีดำพาดผ่านราวสายฟ้า จากนั้นก็มีเลือดสาดออกมา ร่างของเชียนก้วนกระเด็นลอยออกไป กระอักเลือดเต็มปาก
########################