มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake - บทที่ 1378
มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 1378
ในขณะนี้เอง มังกรนิลดำเงาแปรเปลี่ยนเป็นร่างของหลัวซิว ที่บริเวณหัวไหล่ของเขาเกิดเป็นรอยแผล ถึงแม้ว่าเขาจะสามารถหลบการโจมตีสุดแรงของหุ่นเชิดอสูรคลั่งได้ แต่ก็ยังคงถูกพลังที่หลงเหลือของแสงขวานโจมตีจนได้รับบาดเจ็บ
การบาดเจ็บเช่นนี้สำหรับหลัวซิวแล้วไม่ถือว่าเป็นเรื่องใหญ่แต่อย่างใด ไม่นานปากแผลก็ปิดสนิท ฟื้นฟูกลับไปเหมือนก่อนนี้
“ตกลงกันไว้แล้วว่าสิบรอบไม่ใช่หรือ? นี่แค่เพียงสามรอบก็จบเสียแล้ว?”
“ซิวหลัวการโจมตีครั้งสุดท้ายนั้นช่างน่าประทับใจจริง ๆ ในจณะที่หลอมรวมกฎความตายเพื่อโจมตี กลับยังสามารถหมุนเวียนความลึกลับของกฎโซน ฝึกตนกฎชั้นยอดสองชนิดในเวลาเดียวกัน ช่างเป็นผู้ที่แปลกประหลาดเสียจริง!”
ที่ปีศาจเก้าประทับใจมากเช่นนี้ เพราะหากต้องการฝึกตนกฎชั้นยอดชนิดหนึ่งให้ถึงแดนที่สูงขึ้นไปนั้น นับว่าเป็นเรื่องที่ยากเกินบรรยายแล้ว คนที่ฝึกตนกฎชั้นยอดสองชนิดนั้นหาได้ยากและล้ำค่าอย่างมาก เพียงแค่ฝึกตนสำเร็จ พลังที่สำแดงออกมานั้นจะทรงพลังมากอย่างไม่ต้องสงสัย
แต่สาเหตุที่กฎชั้นยอดนั้นเป็นการยากในการฝึกตน นอกจากพรสวรรค์แล้ว สิ่งที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งคือการสืบทอด!
“ฝึกตนกฎชั้นยอดสองชนิดในเวลาเดียวกัน การสืบทอดทั้งหมดที่เขาด้รับมานั้นจะต้องมีสูงมากเป็นแน่”
เมื่อเห็นผลงานของหลัวซิว นัยน์ตาของกุ่ยเชียนโฉก็พลันเป็นประกายขึ้นมา ในส่วนที่ตนเองต้องสูญเสียหุ่นเชิดไปตัวหนึ่งนั้น เขาไม่ได้ใส่ใจมากเท่าใดนัก
การสืบทอดที่เต็มไปด้วยความลึกลับของกฎชั้นยอดสองชนิด แม้ว่าจะเป็นมหาโลกาพันสามแห่งโลกาชั้นฟ้า ต้องระดับแนวหน้าอย่างแน่นอน
“พี่ใหญ่ ผลการทดสอบพื้นฐานได้ออกมาแล้ว ท่านต้องได้รับการสืบทอดของผู้แข็งแกร่งไร้เทียมทานคนหนึ่ง อย่างน้อยก็ต้องเป็นการสืบทอดความตายและโซนสองกฎใหญ่ชั้นยอด!” กุ่ยเชียนโฉพูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น
“หากว่าพวกเราพี่น้องสามารถได้รับการสืบทอดนี้ พี่ใหญ่ฝึกตนถึงแดนราชาเทพก็เป็นแค่เพียงการรอเวลาเท่านั้น ในแดนราชาเทพเหมือนกัน พี่ใหญ่ฝึกตนความตายและโซนสองกฎใหญ่ชั้นยอดในเวลาเดียวกัน ซือถูเจิ้งเจี้ยนก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของพี่ใหญ่อีกต่อไป!” ความหมายของกุ่ยเชียนโฉนั้นชัดเจนมาก นั่นก็คือต้องการลงมือกับหลัวซิว!
การสืบทอดที่แข็งแกร่งทรงพลังเช่นนี้ ปรากฏขึ้นในมือของผู้น้อยที่มีผลการฝึกตนมหาจักรพรรดิยุทธ์ สามารถดึงความหายนะมาสู่ชีวิตได้โดยง่าย
ยู่หวูฉิวยังไม่ได้ตอบรับใด ๆ ในเวลานี้เอง หลัวซิวค่อย ๆ เก็บหอกยุทธ์มังกรดำไป สายตาจับจ้องไปที่กุ่ยเชียนโฉ “ไม่รู้ว่าพลังของข้านั้นสามารถได้รับการยอมรับจากทุกท่านได้หรือไม่?”
เมื่อพูดถึงตรงนี้ น้ำเสียงของหลัวซิวหยุดไปเล็กน้อย แล้วพูดต่อด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ทุกท่านช่วยข้าต้านการไล่ล่าจากซือถูเจิ้งเจี้ยน ข้ารู้สึกตื้นตันยิ่งนัก แต่ข้าก็ได้นำวิชาหยางมหาเบญจธาตุทั้งหมดออกมาจากแดนปริศนาเบญจธาตุแล้ว ภายในมีการบันทึกถึงวรยุทธ์ในการบรรลุเป็นราชาเทพ บุญคุณนี้ พวกเราทั้งสองฝ่ายไม่มีสิ่งใดติดค้างกันแล้ว”
สายตาของเขาเบนไปมองทางกุ่ยเชียนโฉ “ผู้อาวุโสลงมือเช่นนี้เพื่อทดสอบข้า ไม่รู้ว่าที่แท้แล้วหมายความว่าอย่างไรกันแน่?”
ในการโจมตีครั้งสุดท้ายนั้น หุ่นเชิดอสูรคลั่งดูเหมือนจะออกแรงอย่างสุดชีวิต มันไม่ใช่การเรียนรู้ซึ่งกันและกันอีกต่อไป กระทั่งอีกฝ่ายยังแฝงไปด้วยจิตสังหาร แต่ต่อให้เขาสามารถที่จะต้านเอาไว้ได้ อย่างน้อยจุดจบก็ต้องบาดเจ็บสาหัสอยู่ดี
หากไม่ใช่ว่าเขามีพลังระดับนี้ หากว่าเป็นคนอื่น เกรงว่าจะถูกหุ่นเชิดอสูรคลั่งฉีกออกเป็นชิ้น ๆ เสียแล้ว
สิ่งนี้ทำให้หลัวซิวรู้สึกโมโหขึ้นมาบ้างจริง ๆ แล้ว ต่อให้เขาอยากจะยืมพลังของปีศาจทั้งเก้ามาเพื่อต้านซือถูเจิ้งเจี้ยน แต่หากข้างกายมีแต่พวกหน้าไหว้หลังหลอก เขาก็จะไม่สามารถสงบนิ่งได้
เพราะฉะนั้น อย่างมากก็แค่ไม่ต้องไว้หน้ากัน ทางใครทางมัน!
ปีกเทพมังกรครามยักษ์ไร้มลทินกระพืออยู่ด้านหลัง พลังจุดลมปราณโลกดาราเตรียมพร้อมที่จะสำแดง เมื่อใดที่ปีศาจทั้งเก้าต้องการจะลงมือต่อสู้กับเขา เขาเขาจะทำทุกวิถีทางเพื่อหลบหนี
นัยน์ตาของเขาเบนไปมองทางปีศาจยักษ์ยู่หวูฉิว ในบรรดาปีศาจทั้งเก้า นี่เป็นคนผู้เดียวที่สามารถทำให้เขากังวลใจได้ อีกทั้งการตัดสินใจของปีศาจทั้งเก้า ต่างก็มีคนผู้นี้เป็นผู้กำหนด
ท้ายที่สุดแล้ว ความสัมพันธ์ระหว่างเขาและปีศาจทั้งเก้าต่างก็เป็นความสัมพันธ์ที่ใช้ประโยชน์ซึ่งกันและกันมาตลอด ไม่ได้มีความห่วงใยหรือความผูกพันธ์อยู่ในนั้น