มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake - บทที่ 1398
มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 1398
“ซือถูเจิ้งเจี้ยนหากตายไปจริง ๆ อสูรดูดจิตโบราณจะดูดกลืนช่องจิตระดับราชาเทพเข้าไป ไม่รู้ว่ามันจะแปรสภาพหรือพัฒนาไปจนถึงบรรลุถึงระดับเทพฟ้าหรือไม่” หลัวซิวมองดูฉากนี้จากระยะไกล มีอสูรดูดจิตโบราณลงมือโจมตี ซือถูเจิ้งเจี้ยนมีแต่ความตายเท่านั้น
“ปัง!”
ฮู้ป้องกันถูกกรงเล็บของอสูรโบราณบีบอัดจนบิดเบี้ยวผิดรูป หางที่เต็มไปด้วยเดือยกระดูกกวาดไปทั่ว ทำให้ซือถูเจิ้งเจี้ยนถูกฟาดจนกระเด็นออกไปอีกครั้ง
“หนี!”
อาศัยพลังของการถูกฟาดออกไป ซือถูเจิ้งเจี้ยนอ้าปากกระอักพลังและเลือดออกมา เผาผลาญพลังและเลือดโดยไม่คำนึงถึงสิ่งที่ต้องแลก บินหนีออกไปทางช่องทางเข้าออกของทางปริภูมิ
พลังและเลือด คือการหลอมรวมพละกำลังเทพของนักยุทธ์ เมื่อใดที่พลังและเลือดสูญเสียไป เป็นเรื่องยากที่จะชดเชยมันกลับมา และถ้ามันไม่สามารถชดเชยการสูญเสียพลังและเลือดได้ มันจะทำให้ผลการฝึกตนของตนเองลดลง ทั้งยังส่งผลกระทบต่อการเข้าแดนในอนาคตอีกด้วย
เรียกได้ว่า พลังและเลือดคือรากฐานชีวิตของนักยุทธ์ เว้นแต่พวกเขาจะต้องไม่มีทางเลือกจริง ๆ หรือเป็นทางเลือกสุดท้าย ไม่เช่นนั้นก็ไม่มีใครเต็มใจที่จะเผาผลาญพลังและเลือกวิธีการประเภทฆ่าไก่เอาไข่มาเพื่อแลกพลังงานที่ทรงพลังเป็นแน่
แต่ซือถูเจิ้งเจี้ยนในเวลานี้ กลับไม่มีเวลามาไตร่ตรองเรื่องพวกนี้แล้ว ถ้าหากไม่เผาผลาญพลังและเลือด เขาก็ต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย
“อย่าได้คิดจะหนีเชียว!”
หลัวซิวพลันขยับตัว ที่ด้านหลังของเขามีภาพมายาดาราบรรพกาลปรากฏขึ้น พลังอันยิ่งใหญ่ของโลกาหลั่งไหลเข้าสู่ร่างกาย ขับเคลื่อนความเร็วของปีกเทพมังกรครามยักษ์ไร้มลทิน
ผุ! ผุ! ผุ! ……
บนร่างกายของเขาปลดปล่อยดอกโลหิตออกมามากมาย แต่เพราะว่าพลังอันแข็งแกร่งในร่างกายของเขานั้นหมดลงแล้ว เป็นการยากที่รับการเพิ่มพูนขึ้นของพลังแห่งโลกา
แต่เขาก็ไม่สามารถเอาเวลามานั่งกังวลได้มากถึงเพียงนั้นแล้วเช่นกัน หากซือถูเจิ้งเจี้ยนหนีไปได้ ก็ไม่ต่างอะไรกับการปล่อยเสือกลับป่า ด้วยความรอบครอบและระแวดระวังของซือถูเจิ้งเจี้ยน มันเป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอนที่จะให้โอกาสเขาเช่นนี้อีกเป็นครั้งที่สอง
“เจ้าคิดว่ามีเพียงเจ้าคนเดียวหรือที่สามารถเผาผลาญพลังและเลือดได้?”
บนร่างของหลัวซิวมีเปลวไฟเผาผลาญออกมา เปลวไฟทุกลูกต่างเป็นสีเทาจากการผสานชีวิตและความตาย เต็มไปด้วยรูปแบบหนึ่งที่ไม่มีชีวิตและไม่มีความตาย ออร่าของความลึกลับนั้นไม่มีสิ้นสุด
อาศัยพลังงานจากการเผาผลาญพลังและเลือด เพียงพริบตาหลัวซิวก็สามารถตามได้ทัน ขวางเส้นทางด้านหน้าของซือถูเจิ้งเจี้ยนเอาไว้
“หลีกไปเดี๋ยวนี้!” ซือถูเจิ้งเจี้ยนคำรามด้วยดวงตาแดงก่ำ เทพลังทั้งหมดลงไปบนกระบี่ปีศาจในมือ
อย่างไรก็ตามหลัวซิวแต่ไม่มีเจตนาที่จะต่อสู้กับเขา ระฆังเทพฟ้ากำหนดบินออกมาจากหว่างคิ้วของเขา เสียงระฆังดังกึกก้อง
เห็นระฆังเซียนบินออกมาจากหว่างคิ้วของหลัวซิว ซือถูเจิ้งเจี้ยนก็หน้าถอดสีในทันที รีบหมุนเวียนพลังกฎต้านเอาไว้
ถ้าหากเขายังอยู่ในสถานะกึ่งราชาเทพแห่งพิภพกลาง ย่อมสามารถมองข้ามการหยุดนิ่งของกฎเวลาได้ แต่ในเวลาเช่นนี้เขาถูกกดให้อยู่ในแดนกึ่งเทพฟ้า การเคลื่อนไหวของร่างกายจึงยังต้องถูกแช่แข็งอยู่ชั่วครู่
ช่วงเวลานี้แสนสั้น ถึงขนาดที่ไม่ถึงหนึ่งชั่วพริบตา
“ปัง!”
หลัวซิวยิงออกไปนัดหนึ่ง ถึงแม้จะไม่สามารถทำลายการคุ้มกันของฮู้ธาตุดินได้ แต่พลังอันแรงกล้าของการโจมตี ทำให้ร่างของซือถูเจิ้งเจี้ยนกกระเด็นลอยไปโดยไม่สามารถควบคุมได้
และในทิศทางที่เขากระเด็นลอยถอยหลังไปนั้น อสูรดูดจิตโบราณคำรามและพุ่งตรงเข้ามาปากขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยฟันแหลมคมที่ดุร้ายเปิดออก กัดลงไปอย่างรุนแรง
“ไม่!”
ซือถูเจิ้งเจี้ยนส่งเสียงคํารามอย่างตื่นตระหนก แต่เขาก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงโชคชะตาของเขาได้
เขี้ยวฟันของอสูรดูดจิตโบราณยังคงบดขยี้อย่างต่อเนื่อง ทำให้ม่านแสงดินสีเหลืองบนร่างของซือถูเจิ้งเจี้ยนดับลงอย่างรวดเร็ว
เมื่อพลังงานของฮู้ถูกใช้จนหมดในวินาทีนั้น ซือถูเจิ้งเจี้ยนส่งเสียงกรีดร้องด้วยความหวาดกลัวที่สุดในชีวิตของเขา
ร่างกายของเขาถูกฉีกออกจากกันในทันที กระทั่งช่องจิตที่ซ่อนตัวอยู่ในร่างของเขาก็ยังถูกอสูรดูดจิตโบราณกลืนลงไปด้วย
หลัวซิวไม่ได้กังวลใจว่าซือถูเจิ้งเจี้ยนครองวิญญาณของอสูรดูดจิตโบราณ เพราะว่าอสูรดูดจิตโบราณเกิดมาพร้อมกับวิญญาณตัวหยั่งรู้ที่มีลักษณะเฉพาะ การป้องกันของตัวหยั่งรู้นั้นไม่สามารถทำลายได้ ไม่มีทางถูกครองวิญญาณ และไม่เกรงกลัวต่อการโจมตีวิญญาณใด ๆ ทั้งสิ้นมันเป็นไปไม่ได้ยิ่งกว่าที่จะฝังวิชาทาสเพื่อควบคุมมัน