มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake - บทที่ 1400
มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 1400
“ด้วยพลังของจ้าวศักดิ์สิทธิ์ ต่อให้ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของจ้าวนภาไร้เจตสิก แต่ถ้าท่านต้องการหลบหนี ก็ไม่มีใครสามารถรั้งเอาไว้ได้ แค่เพียงจ้าวศักดิ์สิทธิ์ไม่ตาย สำนักเขาของสำนักศักดิ์สิทธิ์ต่อให้ถูกพังทลายไป แต่สำนักศักดิ์สิทธิ์ก็จะไม่ได้ล่มตามไปด้วย”
“อาศัยพรสวรรค์ของจ้าวศักดิ์สิทธิ์ เพียงแค่ต้องหลบซ่อนไปยังโลกพิภพอื่น วันที่ได้เป็นราชาเทพ หรือมีพลังมากกว่าจ้าวนภาไร้เจตสิก นั่นก็ค่อยกลับมาแก้แค้น สร้างสำนักศักดิ์สิทธิ์ขึ้นมาอีกครั้ง!”
“ข้าไม่เห็นด้วย!” เฟิ่งหวูซินส่ายหน้าไปมาทันที “ให้ข้าไปเป็นหมาจรจัดไร้บ้านอยู่เพื่อหนีตาย ข้ายอมตายในสนามรบยังดีเสียกว่า!”
“หากท่านตายไป การสืบทอดองค์กรนับล้านปีของสำนักศักดิ์สิทธิ์ก็จะถูกทำลายอย่างสมบูรณ์จริง ๆ ท่านจะตอบแทนบรรพบุรุษที่สร้างสำนักศักดิ์สิทธิ์ขึ้นมาอย่างยากลำบากได้เช่นไร?” ผู้เฒ่าคนหนึ่งพูดเสียงดัง
เขาคือผู้อาวุโสเทพฟ้าที่มีคุณสมบัติและประสบการณ์มากที่สุด ถึงแม้จะไม่ใช่จ้าวนภา แต่ก็มีผลการฝึกตนเทพฟ้าขั้นหก มีชีวิตมาได้จนถึงทุกวันนี้เป็นเวลาเกือบห้าแสนปีแล้ว อายุขัยเหลืออยู่ไม่มากฃ
ตามความหมายของเขา อาศัยผลการฝึกตนระดับจ้าวนภาของเฟิ่งหวูซิน รวมเข้ากับอัญเทพฟ้าชิ้นนี้ของสำนักเต๋าเสวียนเทียน เขาสามารถพา อัจฉริยะรุ่นหลังที่มีพรสวรรค์ชั้นยอดของสำนักศักดิ์สิทธิ์ส่วนหนึ่งไปได้ เมื่อเป็นเช่นนั้น สำนักศักดิ์สิทธิ์เสวียนเหมินยังมีความหวังในการกลับมารุ่งเรืองได้อีกครั้ง
ปัง! ปัง! ปัง!……
การโจมตีแต่ละครั้งยักษ์จ้าวนภาหมื่นฟุตเก้าตนตกลงบนค่ายพิทักษ์เขา โจมตีจนอนัตตาร้าวออก พายุโซนสร้างความหายนะ
ภายในสำนักเขาของสำนักศักดิ์สิทธิ์เสวียนเหมิน ศิษย์ทุกคนต่างเรียกรวมตัวกันขึ้นมา จัดวางกันเป็นค่ายใหญ่ หลอมรวมพลังของทุกคนให้หลั่งไหลเข้าไปในอัญบัลลังก์แห่งสำนักสำนักเต๋าเสวียนเทียน สนับสนุนการหมุนเวียนของค่ายพิทักษ์เขา
อย่างไรก็ตาม ผู้อาวุโสไท่ซ่างทุกท่านของสำนักศักดิ์สิทธิ์ก็รู้ดีว่า หากเป็นเช่นนี้ต่อไปก็จะต้านเอาไว้ได้ไม่นานนัก เขาจึงเริ่มวางแผนที่จะล่าถอย เพื่อการสืบทอดของสำนักศักดิ์สิทธิ์ รักษาประกายแห่งความหวังเอาไว้
เฟิ่งหวูซินก็เป็นหนึ่งคนที่น่าภาคภูมิใจ เขายินยอมที่จะต่อสู้จนตัวตายเพื่อปกป้องสำนักศักดิ์สิทธิ์ และไม่คิดที่จะหนีไปในเวลานี้เหมือนกับหมาที่หนีตาย
อย่างไรก็ตามเผชิญหน้ากับความชอบธรรมของการสืบทอดสำนักศักดิ์สิทธิ์ ภายใต้การโน้มน้าวของผู้อาวุโสไท่ซ่างทุกท่าน เขาก็ทำได้แค่เพียงตอบรับเท่านั้น
ผู้อาวุโสไท่ซ่างทั้งหลายเหล่านี้ต่างแก่ชรากันหมดแล้ว ใช้ความสามารถอย่างเต็มกำบัง อายุขัยเหลือไม่มาก แต่ละคนต่างมองว่าความตายเป็นเหมือนการกลับบ้าน
ท่ามกลางผู้อาวุโสระดับเทพมารทุกคน เลือกบางคนที่ค่อนข้างยังเยาว์วัย คนที่ในภายหน้ายังมีความหวังว่าจะได้เป็นเทพฟ้า
ตลอดทั้งกระบวนการนั้นต่างใช้วิธีการส่งเสียงผ่านตัวสำนึกเพื่อจบเรื่องนี้ เพราะหากปล่อยให้ศิษย์คนอื่น ๆ ในสำนักได้รู้ว่า จ้าวศักดิ์สิทธิ์จะพาเพียงคนจำนวนหนึ่งฝ่าฟันและหลบหนีออกไป และคนอื่น ๆ จะต้องอยู่เพื่อรอความตายที่นี่ มันจะต้องก่อให้เกิดความวุ่นวายอย่างมากเป็นแน่
ท้ายที่สุด ผู้ที่มีคุณสมบัติมากพอที่จะติดตามเฟิ่งหวูซินฝ่าฟันออกไป ก็มีเพียงไม่ถึงหนึ่งร้อยคน
สำนักเต๋าเสวียนเทียนถึงแม้ว่าภายในจะเต็มไปด้วยโซน แต่ก็ไม่สามารถที่จะบรรจุคนได้มากขนาดนั้น อีกทั้งคนที่ติดตามยิ่งมากเท่าไร ยิ่งเป้าหมายยิ่งมีขนาดใหญ่ ก็ยิ่งยากที่จะฝ่าฟันออกไปได้
สำหรับทางสำนักไท่เสวียน กลับถูกมองข้ามไปอย่างสมบูรณ์ เพราะทั้งภายในสำนักไท่เสวียน มีเพียงช่าจื่อเยียนคนเดียวที่เป็นเทพมาร ในการปกป้องสำนักเขาครั้งนี้ ไม่ได้สร้างความแตกต่างใด ๆ เลย
ที่ด้านบนจุดสูงสุดของไท่เสวียน ช่าจื่อเยียนจับมือกับเสี่ยวเจียงหมิง นั่งรวมอยู่กับเหยียนเยว่เอ๋อร์และเหยียนซีโรว่
“ไม่รู้ว่าตอนนี้หลัวซิวเป็นเช่นไร” สีหน้าของเหยียนเยว่เอ๋อร์เต็มไปด้วยความกังวลใจ
พวกนางได้รู้ว่าการที่ราชาเทพตนหนึ่งลงมาจากโลกาชั้นฟ้า และได้นำทัพมาโจมตีสำนักศักดิ์สิทธิ์เสวียนเหมินครั้งนี้ ต้องมีส่วนเกี่ยวข้องกับหลัวซิวเป็นแน่
ต่อมาหลังจากหลัวซิวปรากฏตัวขึ้น ก็ดึงดูดราชาเทพผู้นั้นออกไป สิ่งนี้ทำให้เหยียนเยว่เอ๋อร์เป็นกังวลอย่างมาก
ต่อให้พรสวรรค์ของหลัวซิวจะสูงมากเพียงใด แต่ถึงอย่างไรผลการฝึกตนก็ยังต่ำเกินไปอยู่ดี แม้แต่แดนเทพมารยังไม่สามารถบรรลุถึง เผชิญหน้ากับการไล่ฆ่าของผู้แข็งแกร่งระดับราชาเทพ มีความเป็นไปได้มากว่าจะเป็นผลร้ายมากกว่าผลดี