มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake - บทที่ 1464
มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 1464
เดิมทีเหอเฟิงก็เคยวางแผนผลลัพธ์ที่แย่ที่สุดเอาไว้แล้ว เพราะฉะนั้นครั้งที่สองของการเดินทางมาที่นี่ เขาจึงตามหานักยุทธ์ที่มีผลการฝึกตนระดับเทพมารขั้นสูงมาบ้าง
โดยที่มีทั้งหมด 18 คน ทุกคนล้วนอยู่ในแดนเทพมารขั้นสูง ในจำนวนนั้นยังมีหลานชายของเขาอีกคนหนึ่ง ซึ่งเป็นคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในแดนเทพมารขั้นสูง
เขาไม่ได้ร่ายตัวต้องห้ามเข้าไปในร่างกายของคนเหล่านี้ดั่งจี้ซิว เนื่องจากนักยุทธ์เทพมารทั้ง 18 คนที่เขาเรียกมารวมตัวกันนั้น ล้วนมีความจงรักภักดีต่อสมาคมอย่างแน่นอน
และข้อเรียกร้องของเหอเฟิงก็ง่ายมากเช่นกัน หากสามารถตามหาความลับหรือการถ่ายทอดสืบสานที่อยู่บนดาราเรืองแสงได้ ก็ต้องเป็นผลลัพธ์ที่ดีที่สุดอยู่แล้ว หากทุกอย่างอยู่เหนือขอบเขตความสามารถของตน ก็ให้มุ่งเป้าไปที่แก้วเทวชั้นกลางเป็นหลัก พวกเขาทุกคนล้วนใส่แหวนเก็บของที่มีโลกาแดนปริศนาซ่อนอยู่ภายในหนึ่งวง ซึ่งสามารถกักเก็บแก้วเทวได้เป็นจำนวนมาก
“เดี๋ยวข้าส่งพวกเขาไปเถิด”
และในตอนนี้เอง หลัวซิวก็เป็นฝ่ายขอร้องรับทำภารกิจนี้ด้วยตัวเขาเอง เขาทราบมาแล้วว่าบนดาราเรืองแสงนี้มีค่ายกลที่พิเศษปกคลุมอยู่ มีเพียงนักยุทธ์ที่ผลการฝึกตนต่ำกว่าเทพฟ้าเท่านั้นถึงจะสามารถเข้าไปได้
ร่างกลวัฏสงสารที่สองต้องเข้าไปไม่ได้อยู่แล้ว ร่างกลวัฏสงสารที่หนึ่งแอบแฝงกายปิดบังโฉมหน้าอยู่ในกองกำลังฝั่งตำหนักหลักเมืองแล้ว เช่นนั้นร่างแท้ของเขาก็ไม่มีทางพลาดโอกาสดี ๆ เช่นนี้อยู่แล้ว
ดูจากเบาะแสร่องรอยที่ทิ้งไว้ เขาก็พอจะเดาได้ลาง ๆ แล้วว่าบนดวงดาวดวงนี้มีความลับที่ไม่น้อยแฝงซ่อนอยู่ เมื่อเปรียบเทียบกับความลับดังกล่าวแล้ว แก้วเทวชั้นกลางที่อยู่บนดาราเรืองแสงกลับเป็นรองไปเลย
ศักยภาพของหลัวซิวที่แสดงออกมาครั้นเมื่ออยู่ในเมืองฟ้าเยือกสามารถเทียบทัดกับผู้แข็งแกร่งระดับกึ่งราชาเทพได้ ต่อให้เหอเฟิงคิดจนหัวระเบิด เขาก็ไม่มีทางคิดได้อย่างแน่นอนว่าผลการฝึกตนที่แท้จริงของหลัวซิวคือเทพมาร
“เช่นนั้นก็ต้องรบกวนผู้เพื่อนยุทธ์หลัวด้วยนะ”เหอเฟิงมองหลัวซิวด้วยสายตาที่แปลกใจรอบหนึ่ง แต่ทว่าเขาก็ไม่ได้คิดมากเช่นกัน
ทุกอย่างดำเนินการไปตามนี้ กองกำลังของสมาคมจรัสนภาและตำหนักหลักเมืองต่างพากันมุ่งหน้าเข้าไปใกล้ดาราเรืองแสง เมื่อไปถึงตรงหน้าม่านแสงค่ายกลตรงชั้นบรรยากาศแล้ว เจ้านภาที่เป็นผู้รับผิดชอบนำพากองกำลังของตำหนักหลักเมืองมาก็หยุดเคลื่อนที่
มองดูเทพมารทั้งหลายทยอยหายเข้าไปในม่านแสง ในขณะที่เจ้านภาผู้นั้นกำลังจะเรียกหลัวซิวเพื่อให้กลับไปพร้อมกันอยู่นั้น แต่ทว่าสีหน้าของเขากลับเปลี่ยนไปกะทันหัน
“ว่าอย่างไรนะ? เจ้าบอกว่าเขาหายไปแล้วอย่างนั้นหรือ?”
หลังจากเจ้านภาผู้นั้นกลับมาแล้ว เขาก็นำเรื่องนี้บอกเล่าให้กับจี้ซิว
จี้ซิวก็ต้องรู้จักผู้แข็งแกร่งที่มีนามว่าหลัวซิวนี้อยู่แล้ว ฝ่ายตรงข้ามเพิ่งมาถึงเมืองฟ้าเยือกได้ไม่นานก็สร้างเรื่องฮือฮาดังสะท้านไปทั่วทั้งเมือง สังหารเจ้าสำนักพรรคสำนักปีศาจดำ อีกทั้งกวาดล้างสำนักปีศาจดำให้กลายเป็นพื้นราบ
เดิมทีเขายังคิดที่จะหาเวลาส่งคนไปเจรจารายละเอียดกับคนดังกล่าว เพื่อดึงเขาเข้ามาอยู่กองกำลังใต้บังคับบัญชาของตำหนักหลักเมือง แต่ทว่าหลังทราบข่าวการปรากฏของเหมืองแก้วเทว เขาจึงล้มเลิกความคิดนั่นไปก่อนชั่วคราว
“หัวหน้าแก๊งเหอเฟิง นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่?”จี้ซิวมองไปทางเหอเฟิง แต่กลับพบว่าสีหน้าท่าทางของฝ่ายตรงข้ามก็ปรวนแปรไม่แน่นิ่งเช่นกัน ใบหน้าเต็มเปี่ยมไปด้วยความงงงวย
“ผู้แข็งแกร่งตั้งแต่เทพฟ้าเป็นต้นไปไม่มีทางเข้าไปได้อย่างแน่นอน ต่อให้กดอัดผลการฝึกตนลงไปที่ระดับเทพมาร ม่านแสงค่ายกลบนดาราเรืองแสงก็จะแยกแยะออกและถูกกีดกันอยู่ดี”
เหอเฟิงส่ายหน้าไปมา เขาก็ไม่ทราบเช่นกันว่านี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ ในส่วนของเรื่องที่ว่าผลการฝึกตนของหลัวซิวผู้นั้นเป็นเทพมารนั้น เขาก็ไม่มีทางเชื่ออย่างแน่นอน เนื่องจากเทพมารคนหนึ่งจะมีศักยภาพเท่ากึ่งราชาเทพได้อย่างไร?
“ไม่ว่าเขาจะเข้าไปด้วยวิธีใด บนตัวเขาต้องมีความลับซ่อนอยู่อย่างแน่นอน!”
สีหน้าของจี้ซิวหม่นหมอง ก่อนที่เขาจะรีบออกคำสั่งให้ปิดล้อมดาราเรืองแสงเอาไว้ ขอเพียงฝ่ายตรงข้ามรอดออกมาจากดาราเรืองแสงได้ ความลับที่อยู่บนตัวหลัวซิวก็จะตกอยู่ในกำมือของตน
……