มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake - บทที่ 1488
มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 1488
แต่ทว่าเมื่อกาลเวลาผ่านพ้นไป อายุไขของนายท่านตระกูลสวีในปัจจุบันก็เหลือไม่มากแล้ว ศักยภาพเริ่มถดถอย นี่จึงทำให้สถานการณ์ของตระกูลสวีอันตรายมาก ๆ
กองกำลังใหญ่ไม่ถูกใจหุบเขาทิพย์นี้ แต่สำหรับสำนักเล็ก ๆ และตระกูลขุนนางแล้ว มันกลับเป็นสิ่งของล้ำค่ายิ่งที่ทำให้คนเหล่านั้นอิจฉาริษยาถึงขีดสุด
พวกเขาจ้องจะเขมือบหุบเขาทิพย์นี้มานานมาก ๆ แล้ว และปัจจุบันเมื่อเห็นว่ากำลังจะถึงฉากปิดของตระกูลสวีแล้ว คนบางคนจึงเริ่มอดกลั้นต่อไปไม่ไหว
“ผู้เพื่อนยุทธ์สวี เจ้าต้องคิดพิจารณาให้ดีล่ะ ที่ลูกชายข้าถูกใจลูกสาวในตระกูลสวีของเจ้านั้น ถือว่าเป็นวาสนาของตระกูลสวี”
เจ้าสำนักพรรคกระบี่ขนนกพูดจาปลิ้นปล้อนไม่จริงใจ ด้านหลังเขามีคนตามมาด้วยสิบกว่าคน และทุกคนล้วนมีผลการฝึกตนมหาจักรพรรดิยุทธ์เช่นกัน
หนึ่งในนั้นมีผู้ที่ดูหนุ่มมาก ๆ สิ่งที่สะดุดตาคือผลการฝึกตนของเขาที่บรรลุถึงมหาจักรพรรดิยุทธ์ขั้น 8 วินาทีนี้เขากำลังอมยิ้มพลางจ้องเขม็งไปทางเรือนร่างของสตรีนางหนึ่งในตระกูลสวีอย่างลึกซึ้งกินใจ
สตรีนางนั้นอยู่ในชุดกระโปรงยาวสีชมพู สูงสะโอดสะอง สีหน้าซีดเซียวเล็กน้อย ทำให้ผู้คนเกิดความรู้สึกสงสารเมื่อมองเห็นโฉมหน้าอันงดงามนั่นของนาง
ใบหน้าของนายท่านตระกูลสวีแก่ชรา หนวดเคราและเผ้าผมขาวหงอก ผู้คนในตระกูลสวีต่างรวมตัวกันอยู่ด้านหลังเขา สายตาที่มองไปทางผู้คนในพรรคกระบี่ขนนกล้วนเต็มเปี่ยมไปด้วยความโกรธแค้น
“ฮู๋ฉุนหยู เจ้าเห็นว่าข้าแก่แล้ว จึงข่มตระกูลสวีข้าเพราะไร้ผู้แข็งแกร่งอย่างนั้นหรือ?”นายท่านตระกูลสวีทำเสียงหึอย่างเยือกเย็น จากนั้นเขาก็ไออย่างรุนแรง
เจ้าสำนักพรรคกระบี่ขนนกฮู๋ฉุนหยูแสยะยิ้มอย่างเยือกเย็น“เจ้าแก่จนสภาพกลายเป็นเช่นนี้แล้ว มีชีวิตได้อีกเพียงไม่กี่ปี จะพูดจาเสียงดังเช่นนี้ทำไมเล่า?”
“ข้าจะบอกความจริงแก่เจ้าก็ได้ ระยะเวลาที่ตระกูลสวีของเจ้าครอบครองหุบเขาทิพย์นี้ก็ไม่สั้นแล้ว ถึงเวลาถอยออกจากที่ได้แล้ว แล้วก็ลูกสาวผู้นี้ในตระกูลสวีของเจ้า คือร่างแห่งเสวียนหยินซึ่งสามารถช่วยประกอบเสริมวิชาอัคคีระอุที่ลูกชายข้าฝึกซึ่งกันและกันได้ เรื่องนี้พวกเจ้าปฏิเสธมิได้!”
ฮู๋ฉุนหยูย่างเท้าก้าวขึ้นมา ภายในน้ำเสียงมีจิตที่จะฆ่าปนอยู่เล็กน้อย พลังอำนาจที่มหาศาลของผู้แข็งแกร่งแดนเทพมารขั้น 5 แผ่กระจายออกมาครอบคลุมทั่วทั้งสี่ทิศ
ในชั่วพริบตาเดียว สีหน้าท่าทางของเหล่าศิษย์ตระกูลสวีก็เปลี่ยนแปลงไป ดุจกำลังเผชิญหน้ากับศัตรูฉกาจ สีหน้าดูประหม่า
และแล้วในเวลานี้เอง จู่ ๆ ก็มีเงาดำร่างหนึ่งจุติลงมาจากสวรรค์ กวาดมองผู้คนในพรรคกระบี่ขนนกและตระกูลสวีด้วยสายตาที่เรียบนิ่ง ก่อนจะค่อย ๆ เอ่ยปากพูด: “ข้าอยากสอบถามอะไรบางอย่างกับพวกเจ้า”
ผู้ที่ปรากฏตัวกะทันหันนี้ก็คือหลัวซิวนั่นเอง หลังจากเขาและปีศาจทั้งเก้าแยกย้ายกัน เขาก็ออกเดินทางคนเดียว เมื่อสัมผัสได้ว่าที่แห่งนี้มีผู้คน เขาจึงรีบบินตรงมาทันที เตรียมพร้อมที่จะมาสืบถามเรื่องราวที่เกี่ยวกับค่ายวาร์ฟล่องหน
“เจ้าเป็นผู้ใด ถึงกับกล้าบุกรุกเข้ามาในหุบเขาทิพย์อย่างนั้นหรือ?”
เจ้าสำนักพรรคกระบี่ขนนกฮู๋ฉุนหยูผงะก่อนเป็นสิ่งแรก จากนั้นเมื่อเขาสัมผัสได้ว่าผลการฝึกตนของฝ่ายตรงข้ามอยู่ที่เทพมารขั้น 3 เขาจึงซักถามด้วยน้ำเสียงตำหนิติเตียนอย่างเย็นเยือก
“ข้าเป็นเพียงผู้ที่เดินทางผ่านที่แห่งนี้ มีเรื่องจะสอบถามเล็กน้อย หลังถามจบข้าจะจากไปเอง”หลัวซิวตอบกลับอย่างเรียบนิ่ง
“ฮ่าฮ่า เจ้าคิดว่าตัวเองเป็นผู้ใด? ข้าว่าเจ้าของเป็นผู้ช่วยที่ตาเฒ่าประหลาดตระกูลสวีเชิญมาสินะ? แต่น่าเสียดายที่อ่อนไปหน่อย ผลการฝึกตนเพิ่งเทพมารขั้น 3 ยังห่างไกลจากการจะเป็นคู่ต่อสู้ของเจ้าสำนักอย่างข้ามาก ๆ”
ในระหว่างที่พูดอยู่นั้นฮู๋ฉุนหยูก็ลงมือโจมตีแล้ว จากผลการฝึกตนเทพมารขั้น 5 ของเขา สามารถจัดการเทพมารขั้น 3 คนหนึ่งได้ง่าย ๆ เลย อีกทั้งการกำราบคนดังกล่าวก็สามารถข่มผู้คนในตระกูลสวีได้เช่นกัน
เห็นเพียงฮู๋ฉุนหยูโบกมือทีหนึ่งแล้วเรียกกระบี่ยาวเล่มหนึ่งออกมา รูปร่างกระบี่ดุจขนนก มีแสงสีแดงหม่นกระพริบระยิบระยับ คำรามเสียงดังพลางพุ่งตรงเข้าไปทางหลัวซิว ปราณกระบี่เฉียบคม
เมื่อเห็นว่าเจ้าสำนักของตนลงมือโจมตี จิตใจของเหล่าศิษย์จำนวนมากในพรรคกระบี่ขนนกก็ฮึกเหิมขึ้นมา ในมุมมองของพวกเขา ขอเพียงเจ้าสำนักลงมือโจมตี ก็จะไม่มีคู่ต่อสู้ที่เขาจัดการไม่ได้ โดยเฉพาะเมื่อเห็นว่าผู้ที่เจ้าสำนักกำลังจะจัดการคือผู้แข็งแกร่งเทพมารคนหนึ่ง จึงทำให้พวกเขายิ่งตื้นตันใจมากจนสงบใจไว้ไม่อยู่
หลัวซิวขมวดคิ้วบวเล็กน้อย เขารู้อยู่แล้วว่าการที่ตนมาสอบถามด้วยน้ำเสียงและท่าทางที่เป็นมิตรนั้น ใช่ว่าผู้อื่นจะยินดีให้ความร่วมมือเสมอไป ท้ายที่สุดแล้วไม่ว่านักยุทธ์จะไปถึงที่ใดในทั่วทุกมุมโลก ผู้แข็งแกร่งย่อมเป็นเจ้าจริง ๆ
“ดูท่าข้าคงทำได้เพียงแสดงศักยภาพที่แข็งแกร่งมากพอออกมา ถึงจะสามารถทำให้คนเหล่านี้ตอบคําถามข้าอย่างซื่อตรงสินะ”
เมื่อคิดเช่นนี้ได้ หลัวซิวจึงค่อย ๆ ยกนิ้วขึ้นมาหนึ่งนิ้ว แล้วดีดนิ้วลงกลางอากาศตรงไปทางกระบี่ขนนกที่ฟาดฟันมา
“ตั่ง!”
เสียงตั่งดังขึ้น กระบี่ขนนกแตกสลายเป็นฝุ่นผง สีหน้าเจ้าสำนักพรรคกระบี่ขนนกนั่นเปลี่ยนแปลงไป ก่อนจะกระอักเลือดเฮือกใหญ่ ร่างกายกระเด็นออกไป