มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake - บทที่ 1510
เมื่อได้ฟังเรื่องราวของจินหลิงหยุนแล้ว หลัวซิวก็รู้สึกว่าเขาเป็นคนที่ใจกว้างคนหนึ่ง ในยุคสมัยที่ทุกคนบนโลกล้วนเห็นแก่ผลประโยชน์ของตน จึงหาพบคนประเภทนี้ได้น้อยมาก
“บัดนี้ศึกการช่วงชิงสิทธิ์ที่มุ่งไปสู่โลกะอัมพรเทวยังเหลืออีกสามปี อิงจากสัญญาของกองกำลังทั้งหลาย ผู้แข็งแกร่งระดับราชาเทพเป็นต้นไปไม่สามารถเข้าร่วมการช่วงชิงสิทธิ์ อดีตถึงแม้ข้าจะเคยเข้าร่วมทุกครั้ง แต่ทว่าข้ากลับไม่มีความคิดที่จะมุ่งหน้าไปสู่โลกะอัมพรเทวสักที”
“ปัจจุบันเวลาก็ล่วงเลยมานานมาก ๆ แล้ว และเรื่องราวที่ข้าทำเพื่อสำนักเทียนเจี้ยนนั้นก็มากพอแล้ว ครั้งนี้ข้าวางแผนจะมุ่งหน้าไปยังโลกะอัมพรเทว แสวงหาวิถีแห่งกระบี่ที่เป็นของตัวข้าเอง”
ระหว่างทาง ทั้งสองคนต่างพูดคุยกันและกัน เรื่องส่วนมากที่พูดถึงคือความคิดเห็นและการตระหนักรู้ในแดนบนวิถียุทธ์ การตระหนักรู้ในด้านพลังอมตะของหลัวซิวทำให้หลิงหยุนได้รับประโยชน์ไปไม่น้อย และการตระหนักรู้ในเรื่องราวบางอย่างของกึ่งราชาเทพอย่างจินหลิงหยุน ก็ทำให้หลัวซิวได้รับผลประโยชน์ไปไม่น้อยเช่นกัน
ทั้งสองต่างเห็นอกเห็นใจซึ่งกันและกันเล็กน้อย รู้สึกแค้นที่เหตุใดทั้งสองเพิ่งมีโอกาสได้พบเจอรู้จักกันเอาบัดนี้
ทั่วทั้งโลกาดาราอุดรมีกองกำลังใหญ่ราชาเทพทั้งหมดห้ากองกำลัง ซึ่งในฐานะที่สำนักเทียนเจี้ยนเป็นหนึ่งในกองกำลังราชาเทพ ไม่นึกเลยว่าสถานที่ตั้งของสำนักเขาจะตั้งอยู่บนกลุ่มภูเขาที่ลอยอยู่เหนือนภา
ยอดเขาทุกยอดดุจกระบี่อันเฉียบคม ตั้งตระหง่านสูงเทียมฟ้า ภายในหมู่ภูเขา ยิ่งมีกระบี่เทพสีทองเล่มหนึ่งที่ใหญ่โตมโหฬารมากจนถึงขั้นที่ไม่สามารถอธิบายเป็นคำพูดได้ แทงเสียดฟ้า กว้างใหญ่สูงตระหง่าน
ซึ่งกระบี่เล่มนี้มีนามว่าเทียนเจี้ยน เป็นอัญบัลลังก์แห่งสำนักของสำนักเทียนเจี้ยน ซึ่งเป็นราชาแห่งศัสตราวุธ!
ยังไม่ทันได้เข้าใกล้สำนักเขาของสำนักเทียนเจี้ยน ก็สามารถสัมผัสได้ถึงห่วงกระบี่ที่รุ่งอรุณดุดันได้แล้ว จู่ ๆ โจวชิงนั่นกลับหยุดลงตรงหน้าสำนักเขา หันหน้ากลับมาแล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่เยือกเย็น: “ห้ามคนนอกเข้าไปภายในสำนักเทียนเจี้ยน!”
ในสีหน้าท่าทางของเขามีความหยิ่งผยองปนอยู่ด้วย เนื่องจากวินาทีนี้พวกเขากำลังอยู่หน้าสำนักเขาเทียนเจี้ยน เขาจึงมั่นใจอย่างมาก เพราะมีภูมิฐานอำนาจของทั่วทั้งสำนักเทียนเจี้ยนคอยสนับสนุนเขาอยู่เบื้องหลัง
หลัวซิวขมวดคิ้วลง เขารู้สึกว่าโจวชิงผู้นี้ไม่รู้จักผิดชอบชั่วดีมากเกินไป อย่าว่าแต่อยู่ตรงหน้าสำนักเขาสำนักเทียนเจี้ยนเลย ต่อให้อยู่ภายในสำนักเขา หากเขาจะสังหารคนดังกล่าว ก็แค่ต้องใช้เวลาเพียงเสี้ยววินาทีเดียวเท่านั้น
ยิ่งกว่านั้นคือหลังจากสังหารคนดังกล่าวแล้ว หากเขาอยากจากไป ทั้งเบื้องบนและเบื้องล่างของสำนักเทียนเจี้ยนก็หยุดยั้งเขาไม่ได้
มาตรแม้นว่าราชาเทพของสำนักเทียนเจี้ยนจะลงมือ เขาก็มีความมั่นใจถึงห้าส่วนที่ตนสามารถหลุดพ้นไปจากที่นี่ได้
“สหายหลัวมาโดยการแนะนำของข้า เขาเป็นผู้ที่จะกลายเป็นผู้อาวุโสเค่อชิงของสำนักเทียนเจี้ยน โจวชิงเจ้าหลีกทางไปเดี๋ยวนี้!”
ระหว่างทางที่พูดคุยกัน ทำให้จินหลิงหยุนรู้สึกดีต่อหลัวซิวอย่างมาก ต่างเห็นอกเห็นใจซึ่งกันและกัน และรู้สึกแค้นที่เหตุใดทั้งสองเพิ่งมีโอกาสได้พบเจอรู้จักกันเอาบัดนี้ วินาทีนี้โจวชิงที่อยู่ตรงหน้ายังจะมากลั่นแกล้งกันอีก จึงทำให้สีหน้าของเขาหม่นหมองลงไปภายในพริบตา
“ผู้อาวุโสเค่อชิง?”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ โจวชิงก็หัวเราะอย่างเหยียดหยาม “ใช่ว่าทุกคนที่เกิดมาด้วยฐานะตำแหน่งที่ป่าเถื่อน จะมีคุณสมบัติเป็นผู้อาวุโสเค่อชิงในสำนักเทียนเจี้ยนของข้าเสมอไป”
“ไสหัวไป!”
อุปนิสัยใยดีเป็นมิตรในวันทั่วไปของจินหลิงหยุนเปลี่ยนไป ยกมือขึ้นแล้วสะบัดแขนเสื้อทีหนึ่ง ห้วงกระบี่ที่มหาศาลกลายเป็นชี่จิ้ง กระโจนพุ่งออกไปพร้อมกับเสียงคำราม
โจวชิงนึกไม่ถึงเลยด้วยซ้ำว่าจินหลิงหยุนจะลงมือต่อตัวเอง ภายในเวลาชั่วพริบตาเดียว ร่างกายของเขาก็ถูกห้วงกระบี่ชี่จิ้งซัดจนบินออกไปไกลหลายร้อยเมตร
“สหายหลัวเป็นสหายที่ดีที่สุดของข้า เขาเป็นผู้ที่เจ้าเสียดสีถากถางได้หรือ?”จินหลิงหยุนทำเสียงหึอย่างเยือกเย็น สายตาอันดุดันกวาดมองออกไปรอบ ๆ
เสี้ยววินาทีที่สิ้นเสียง จินหลิงหยุนก็เบื่อที่จะสนใจพวกโจวชิงเช่นกัน ก่อนที่เขาจะเข้าไปในสำนักเขาพร้อมกับหลัวซิว
เมื่อศิษย์จำนวนมากในสำนักเทียนเจี้ยนพบเห็นจินหลิงหยุน พวกเขาก็จะก้มคำนับคารวะเขา แม้เขาจะไม่ใช่คนในตระกูลโจว แต่ทว่าศักยภาพของเขาที่อยู่ในสำนักเทียนเจี้ยนกลับเป็นรองเพียงเจ้าสำนักที่เป็นราชาเทพเท่านั้น จึงทำให้ศิษย์จำนวนมากเคารพเลื่อมใสในตัวเขาจากใจจริง
“เจ้าสำนักปิดขังหลายปีและไม่ถามไถ่เกี่ยวกับเรื่องในสำนัก ปัจจุบันผู้ที่กุมอำนาจของสำนักเทียนเจี้ยนนั้น คือสามผู้อาวุโสในตระกูลโจว ซึ่งได้แก่ ท่านเหวิน ท่านเจิ้งและท่านฮั่ว”
เขากงเผิงเป็นสถานที่ฝึกตนของผู้อาวุโสเค่อชิงในสำนักเทียนเจี้ยน ฐานะและตัวตนของผู้อาวุโสเค่อชิงเทียบเท่ากับผู้อาวุโสทั่วไป การที่จะได้รับฐานะผู้อาวุโสเค่อชิงหรือไม่นั้น ต้องผ่านการตรวจสอบจากท่านเหวินก่อน