มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake - บทที่ 1549
มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 1549
กฎดั้งเดิมขั้นที่ 6 อยู่ไกลเกินไปสำหรับหลัวซิว ดังนั้นหากเขาต้องการกินยาโอสถมกุฎเทพปุถุชนเม็ดนี้ เขาจะต้องเสี่ยงอย่างมาก
แตกต่างจากกฎอ่อนโยนที่มีอยู่ในกมลโลกา พลังของเม็ดยาค่อนข้างรุนแรง ซึ่งเป็นสาเหตุที่เม็ดยาถูกจำแนกตามระดับ นักยุทธ์แดนต่ำไม่กล้ากินเม็ดยาระดับสูงอย่างไม่รอบคอบ
ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ไม่รู้ว่ามีกี่คนที่พยายามกินยาระดับสูงเพื่อแสวงหาการบรรลุผลการฝึกตน แต่ส่วนใหญ่เสียชีวิตจากการที่ร่างกายระเบิด จบลงได้ไม่ดี
“ด้วยความแข็งแกร่งผลการฝึกตนเวทย์ผลการฝึกตนและร่างยุทธ์ร่างเนื้อในปัจจุบันของข้า กินโอสถเวทย์ธรรมนั้นเป็นขีดจำกัดมากแล้ว หากข้ากินโอสถมกุฎเทพปุถุชนเลยระดับ 9 ร่างกายอาจจะระเบิดตายไปก็ได้”
แม้ว่าใจของหลัวซิวจะมุ่งมั่น เขาก็อดไม่ได้ที่จะลังเลในขณะนี้
ทันทีที่กินยา ความเป็นและความตายก็เป็นเพียงสิ่งกีดขวางเส้นบางๆเท่านั้น แม้แต่ตัวเขาเองก็ยังเชื่อว่าความเป็นไปได้ของความตายนั้นเยอะกว่าความเป็น
แต่การลองนี้สำคัญมากสำหรับหลัวซิว หากพลังของยาสามารถใช้เพื่อเปิดหกจุดลมปราณของร่างกายมนุษย์ได้ เขาจะหยิบวิถีกลั่นยาขึ้นมาอีกครั้ง เพื่อที่เขาจะได้ฝึกฝนเคล็ดวิชาจุดลมปราณไปได้ไกล
แน่นอนว่าการลองนี้สามารถรอจนกว่าเขามีความมั่นใจเพียงพอแล้วในอนาคต แต่ในมุมมองของหลัวซิว ในเวลานั้นอย่างน้อยเขาก็เป็นเทพฟ้าแล้ว ยังอาจจะเป็นราชาเทพด้วยซ้ำ และพลาดช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการฝึกฝนเคล็ดวิชาจุดลมปราณ
ตามบันทึกในเคล็ดวิชาจุดลมปราณ การเปิดจุดลมปราณสิบแปดจุดส่วนหนึ่งนั้นทำได้ดีที่สุดในตอนที่เป็นแดนเทพมาร เพราะยิ่งแดนผลการฝึกตนสูงเท่าไร จุดลมปราณก็จะยิ่งแข็งแกร่งขึ้น ความยากลำบากของการเปิดจะเพิ่มขึ้น และแม้ในตอนท้าย จุดลมปราณก็กลายเป็นจุดตาย สูญเสียโอกาสในการเปิดทั้งหมดไป
แต่การที่อยากจะเปิดจุดลมปราณสิบแปดจุดส่วนใดส่วนหนึ่งให้เสร็จสมบูรณ์ของร่างกายในตอนที่อยู่แดนเทพมารนั้นยากเกินไปนัก แม้ว่าชาติก่อนหงเทียนจะเป็นราชาเทพ เขาก็เปิดถึงจุดลมปราณที่สิบสามเท่านั้น
“ข้ามีผู้เป็นอมตะ แม้ว่าการกินยาจะเป็นอันตราย ตราบใดที่ข้ายังเหลือลมหายใจอยู่ข้าก็จะไม่ตาย”
หลังจากนั้นเป็นเวลานาน หลัวซิวตัดสินใจและบดขยี้ขวดหยก โอสถมกุฎเทพปุถุชนแสงสว่างไสวราวกับดวงอาทิตย์ถูกเขาเอาออกมาแล้วโยนเข้าปาก
“บูม!”
ทันทีที่ยาเข้าสู่ร่างกาย เสียงคำรามอันน่าสะพรึงกลัวก็ดังขึ้นในร่างกายของหลัวซิว ผิวหนังทั่วร่างกายของแตกออกเกิดเป็นหมอกเลือด
ร่างกายของเขาพร่าไปด้วยเลือด ผิวหนังทั้งหมดแตกเป็นเสี่ยงๆ เกือบจะกลายเป็นคนเปื้อนเลือด
“วงล้อชีวิตแห่งเหล่าเทวเทพ ปราบปรามให้ข้าซะ!”
หลัวซิวคำรามเสียงดัง ใบหน้าของเขาไม่มีผิวหนัง เต็มไปด้วยเลือด น่าหวาดกลัว
รอยประทับของวงล้อชีวิตแห่งเหล่าเทวเทพปรากฏขึ้นระหว่างคิ้วของเขา ในตัวหยั่งรู้ของเขา วัฏจักรการเวียนว่ายตายเกิดซึ่งยังไม่ได้แปรสภาพเป็นช่องจิตอย่างสมบูรณ์ก็หมุนด้วยความเร็วสูง กลายเป็นกระแสวนสีดำขาวสองสี
เขาได้ระดมพลังแห่งกฎการเวียนว่ายตายเกิด ปราบปรามพลังของยาที่รุนแรงในร่างกาย
ในเม็ดยานี้มีกฎดั้งเดิมขั้นที่ 6 อยู่ นอกเหนือจากสองระดับความเป็นตายแล้วแม้แต่ห้วงเวลาพลังแห่งกฎก็ถูกหลัวซิวใช้ขึ้นมา เพียงพอแค่ไม่ให้ร่างเนื้อพังทลาย
“พรึบ พรึบ พรึบ!…”
เสียงระเบิดดังออกมาจากร่างกายอีกครั้ง เส้นลมปราณที่แข็งแกร่งอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ก็ไม่สามารถทนต่อผลกระทบของพลังยาที่น่าสะพรึงกลัวได้และแตกเป็นเสี่ยงๆ
เส้นลมปราณเป็นที่ที่ใช้กระตุ้นพลังโคจรมหาจักรวาลของนักยุทธ์ เมื่อพังทลายลงทั้งหมด พลังในร่างกายจะสูญเสียการควบคุมและไม่สามารถทำงานได้ แล้วจะระเบิดในจุดตันเถียน…
นักยุทธ์ส่วนใหญ่กินเม็ดยาระดับสูงอย่างไม่รอบคอบ เพราะเส้นลมปราณไม่สามารถรับพลังของยาได้ จากนั้นไม่สามารถควบคุมผลการฝึกตนได้ ท้ายที่สุดก็ระเบิดร่างกาย