มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake - บทที่ 1637
จู้หงเทียนหวาดกลัวถึงขีดสุดแล้ว เดิมทีพลังรบบนร่างของเขาก็แข็งแกร่งมาก สำพลังอมตะระดับมกุฎก็แล้ว อีกทั้งยังสวมชุดนักยุทธ์มกุฎเทพอีก ถึงอย่างนั้นก็ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของชายผู้นี้อยู่ดี หากปะทะกันต่อไปเช่นนี้ เกรงว่าเขาคงต้องจกใจจนตายทั้งเป็นแน่
“ตระกูลจ้าวมีคนที่น่ากลัวเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อใด?” ผู้แข็งแกร่งของตระกูลจ้าวสำหรับเขาแล้วค่อนข้างรู้จักดี แต่กลับไม่เคยได้ยินว่ามีคนเช่นนี้อยู่
“ตึง!”
หลัวซิวแทงหอกรบออกไปอีกครั้ง ทำเอาจู้หงเทียนลอยกระเด็นออกไปไกลรับร้อยจั้ง ในปากยังคงพ่นเลือดสดออกมา เลือดย้อมผืนฟ้า เขาไม่มีทางต้านทานไว้ได้เลย
“หนี!”
จู้หงเทียนไม่กล้าสู้ต่อแล้ว กลายร่างเป็นสายรุ้งเพลิงอัคคี และกำลังจะบินหนีไปในทันที
“ผังดาวตก!”
ในเวลาเช่นนี้ หลัวซิวโคจรพลังอมตะ ร่างของเขาก็พลันเปลี่ยนไป เปลี่ยนร่างกายของตนเองเป็นห้วงดารา
ห้วงดาราแห่งนี้ครอบคลุมรัศมีหลายหมื่นลี้ จู้หงเทียนไม่มีเวลาที่จะหลบหนีได้เลย จึงถูกครอบเอาไว้ภายในห้วงดารา
และภายในห้วงดาราแห่งนี้ ก็คืออาณาเขตของหลัวซิว คือฟ้าดินของเขา มีวัฏสงสารซ่อนอยู่!
ดาราสามสิบหกดวงปรากฏขึ้น และระเบิดตกลงมา หลังจากที่ผลการฝึกตนของหลัวซิวบรรลุถึงแดนเทพฟ้าแล้ว ดาราสามสิบหกดวงต่างก็กลายเป็นราชาแห่งศัสตราวุธเช่นกัน
ราชาแห่งศัสตราวุธ 36 ชิ้น รวมถึงการบรรลุนักค่ายเทพระดับเจ็ดของตัวเขาเอง รวมตัวกันเป็นค่ายสังหาร ในการโจมตีทุกครั้ง ต่างก็ทำให้จู้หงเทียนกระอักเลือดออกมาอึกใหญ่
“เจ้ากล้าฆ่าข้า เจ้าจะต้องเสียใจ!” น้ำเสียงของจู้หงเทียนเต็มไปด้วยความแค้นและไม่เต็มใจ
“ปัง!”
พลังของดาราสามสิบหกดวงระเบิดออกอีกครั้ง หลังจากการบดขยี้ ชุดนักยุทธ์มกุฎเทพก็ลอยอยู่ท่ามกลางห้วงดารา ร่างของจู้หงเทียน ถูกสับเป็นชิ้น ๆ จนเหมือนเนื้อบดเนื่องจากการโจมตีอย่างต่อเนื่อง แม้แต่ช่องจิตของเขาก็ถูกบดขยี้จนสลายไป
“ชุดนักยุทธ์มกุฎเทพ ไม่เลว!”
หลัวซิวเอื้อมมือออกไป หยิบชุดนักยุทธ์มกุฎเทพนั้นมาเป็นของตัวเอง แม้แต่แหวนเก็บของของจู้หงเทียนก็ยังถูกเขาเก็บเข้าไปในถุง ในฐานะที่เป็นความภาคภูมิใจของตระกูลจู้ แหวนเก็บของของเขาจะต้องมีสมบัติทรัพยากรจำนวนมากเป็นแน่
“คนผู้นี้ถึงแม้จะมีชุดนักยุทธ์มกุฎเทพป้องกันตัว แต่พลังกับไม่แข็งแกร่งเหมือนกับพลังอมตะระดับมกุฎที่คุ้มกันตัวของจ้าวตงหลิว”
หลังจากผ่านการต่อสู้ครั้งนี้ หลัวซิวก็แน่ใจแล้วว่าไม่ใช่ศิษย์ใจกลางทุกคนของแต่ละตระกูลใหญ่ที่จะมีพลังอมตะคุ้มกันระดับผู้แข็งแกร่งมกุฎเทพ เพราะว่าสำหรับสำนักตระกูลใหญ่เหล่านั้นแล้ว มีเพียงแต่ผู้ที่ต้องผ่านการขัดเกลาจากความเป็นตายเท่านั้น จึงจะสามารถกลายเป็นผู้แข็งแกร่ง
อย่างเช่นจ้าวตงหลิว เพียงเพราะผู้อาวุโสของเขาเอ็นดูและตามใจเขาเกินไป จึงได้ฝังพลังอมตะวิชาหนึ่งลงไปในตัวหยั่งรู้ของเขา เป็นเหมือนตัวแทนของป้ายทองละตายอาญาสิทธิ์
ห้วงดาราหายไป คืนกลับมาเป็นร่างหลัก สายตาของหลัวซิวมองออกไป มองเห็นคนเหล่านั้นจากสำนักไป่หยุน
สายทิพย์ของเขาไป่หยุนถูกเขาดูดกลืนกลั่นแปร รวมเข้ากับการบั่นทอนของทัณฑ์สายฟ้าพิโรธ สถานที่แห่งนี้จึงได้กลายเป็นที่แห่งความพินาศและแห้งแล้งไปเสียแล้ว
เขาสะบัดมือออกไป แหวนเก็บของชิ้นหนึ่งลอยตรงไปยังเจ้าสำนักไป่หยุน จากนั้นร่างก็กระพริบหนึ่งครั้ง และหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย
“นี่……”
เมื่อเจ้าสำนักไป่หยุนเห็นของที่อยู่ในแหวน ตัวเขาก็สั่นแข็งทื่อไปในทันที ด้านในไม่เพียงแค่มีแก้วเทวนับล้าน ยังมียาจำนวนหนึ่ง รวมถึงผังค่ายอีกชิ้นหนึ่ง ผังค่ายนี้ดูเหมือนจะเป็นผังธรรมดาทั่วไป แต่จริง ๆ แล้วมันคือค่ายเทพระดับเจ็ด!
เมื่อมีสิ่งของเหล่านี้แล้ว แค่มองหาที่อื่น แล้วอยู่ได้สักปี สำนักไป่หยุน ก็จะสามารถฟื้นฟูกลับมาได้
“ร่างเนื้อของข้าแข็งแกร่งเกินไป ตรงกันข้าม มันทำให้ของขลังจำนวนมากในมือของข้าไร้ประโยชน์”
ระหว่าทะลุผ่านอนัตตา หลัวซิวอดไม่ได้ที่จะรู้สึกทุกข์ใจเล็กน้อย พลังของหอกยุทธ์มังกรดำไม่สามารถตอบสนองความต้องการของร่างยุทธ์ร่างเนื้อของเขาได้ในขณะนี้ได้
“เจ้าคงจะไม่ใช่พวกได้แล้วทิ้งใช่หรือไม่?” หงเทียนส่งน้ำเสียงที่ขุ่นเคืองออกมาจากหอกยุทธ์ เขาสามารถพูดได้ว่าเขาเป็นพยานที่เห็นความก้าวหน้าของหลัวซิวด้วยตาตนเอง สามารถเรียกได้เลยว่าเป็นตำนวน
“สบายใจเถอะ ในตอนนั้นข้าเคยรับปากเจ้าเอาไว้ สักวันต้องพัฒนาระดับของเจ้าให้แข็งแกร่งมากพอ เพื่อกลายร่างเป็นคน” หลัวซิวพูดพร้อมรอยยิ้ม