มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake - บทที่ 1671
วิธีการจัดสรรเช่นนี้สมเหตุสมผลมาก ๆ หลัวซิวและเทพธิดายู่หรงต่างพยักหน้า ดังนั้นการร่วมงานในครั้งนี้จึงถูกกำหนดไว้แล้ว
ถัดจากนั้นทั้งสามก็เตรียมพร้อมที่จะออกเดินทาง เนื่องจากตำแหน่งของดาราแห่งกาลเวลาอยู่ห่างจากที่นี่ไกลมาก ๆ แค่อาศัยค่ายวาร์ฟล่องหนก็ไปไม่ถึงเช่นกัน เพราะมันอยู่ในส่วนลึกของห้วงดารา
ทั้งสามไปด้วยเรือรบดาราลำหนึ่งของอิงบูเฉิง ระดับของเรือรบลำหนึ่งสูงมาก ยิ่งกว่านั้นคือบนเรือมีค่ายสังหารและค่ายคุ้มกันระดับ 9 สลักอยู่ด้วย พลานุภาพที่ทรงพลังมากที่สุดสามารถเทียบทัดการโจมตีหนึ่งของยอดฝีมือราชาเทพขั้น 9
“ตอนนั้นเพื่อให้ได้ครอบครองเรือรบชั้นยอดลำนี้ ข้าใช้จ่ายเงินไปเยอะมาก ๆ เลยล่ะ”เมื่อพูดถึงเรือรบชั้นยอดลำนี้ของตน อิงบูเฉิงก็อดไม่ได้ที่จะโม้ปดหนึ่งรอบ
นั่งเรือรบแทนการเดินเท้า เมื่ออยู่ในดาราจักรวาล เรียกได้เลยว่าตัวตนของผู้แข็งแกร่งนั้นเป็นเอกลักษณ์มาก เรือรบชั้นยอดทำนองนี้ ไม่ใช่สิ่งที่ราชาเทพทั่วไปสามารถครอบครองได้อย่างแน่นอน
อิงจากคำพูดของอิงบูเฉิง ตอนนั้นเพื่อเป็นการซื้อเรือรบลำนี้ เขาใช้แก้วเทวชั้นกลางไปเกือบหนึ่งร้อยล้านชิ้นเลย
เมื่อเปรียบเทียบกับเรือรบลำนี้แล้ว รบเรือที่หลัวซิวแย่งมาจากเมืองฟ้าเยือก ก็เป็นได้เพียงกากแดนที่มีกำลังรบห้าแต้มเท่านั้น เขาถึงกับละอายที่จะเอามันออกมาโอ้อวด
“โครม……”
ทันใดนั้นเอง ก็มีเสียงกระแทกอย่างรุนแรงดังขึ้น มีกลุ่มหินอุกกาบาตจำนวนมากปรากฏตรงข้างหน้าเรือรบดารา เรือรบที่ทั้งสามนั่งได้พุ่งชนเข้ากับหินอุกกาบาตเล็ก ๆ ที่อยู่ด้านหน้ากลุ่มหินอย่างรุนแรง
หินอุกกาบาตเหล่านี้เคลื่อนที่อยู่ในห้วงดาราด้วยความเร็วสูง ภายใต้ผลกระทบของความเร็วที่รวดเร็วมาก ๆ พลังการพุ่งชนของหินอุกกาบาตจึงรุนแรงมาก ยิ่งกว่านั้นคือหากมีผู้แข็งแกร่งระดับราชาเทพไม่ทันระวังและพุ่งชนเข้าละก็ ร่างกายได้แตกสลายเป็นฝุ่นผงแน่นอน
“ผู้เพื่อนยุทธ์ทั้งสองใจเย็น ๆ ไม่ต้องเป็นห่วง ก็เป็นเพียงกลุ่มหินอุกกาบาตขนาดเล็กเท่านั้นแหละ”อิงบูเฉิงกลับดูสุขุมมาก ๆ ไม่มีท่าทีที่จะควบคุมเรือรบเพื่อหลบหลีกแต่อย่างใด
หลังจากผ่านไปพักหนึ่ง เรือรบก็เริ่มปะทะเข้ากับหินอุกกาบาตมากขึ้น ค่ายคุ้มกันระดับ 9 ถูกเปิดออกหมด หินอุกกาบาตขนาดใหญ่พุ่งชนลงบนค่ายคุ้มกันอย่างต่อเนื่อง และระเบิดแตกเป็นฝุ่นผงภายในเวลาชั่วพริบตาเดียว
มีค่ายเทพคุ้มกันคอยต้านทานอยู่ข้างนอก ความเร็วในการเคลื่อนที่ของเรือรบไม่ลดน้อยลงเลยแม้แต่น้อย ยังคงอยู่ภายใต้การบินด้วยความเร็วสูง ส่งผลให้ม่านแสงคุ้มกันก็เพียบพร้อมไปด้วยพลังการพุ่งชนที่ทรงพลังเช่นกัน
ผ่านไปไม่นานนัก เรือรบก็พุ่งทะยานออกมาจากกลุ่มหินอุกกาบาต เหมือนดั่งนายพลที่มีกำลังบู๊แข็งแกร่ง ฆ่าฟันอยู่ในกำลังทัพที่มีพันทหารและม้าเป็นหมื่น ๆ พัน ๆ และฝ่าวงล้อมออกมาพร้อมกับสายเลือดข้าศึกที่ไหลนองเป็นทาง
“เรือรบลำนี้ของผู้เพื่อนยุทธ์อิงไม่เลวเลยจริง ๆ ”มีความมหัศจรรย์เคลื่อนผ่านไปในแววตาอันงดงามคู่นั้นของเทพธิดายู่หรงเล็กน้อย นางดูค่อนข้างชื่นชม
นี่จึงทำให้อิงบูเฉิงรู้สึกอิ่มอกอิ่มใจมาก เนื่องจากนักค่ายเทพระดับ 9 นั้นมีน้อยมาก ๆ ฉะนั้นจำนวนเรือรบชั้นยอดเช่นนี้ก็มีไม่เยอะนัก ส่วนมากล้วนถูกยึดกุมอยู่ในกำมือของผู้แข็งแกร่งระดับกึ่งมกุฎเทพ ในส่วนของผู้ที่อยู่แดนราชาเทพช่วงปลายแล้วมีเรือรบประเภทนี้นั้น ต้องมีไม่มากอย่างแน่นอน
จุดที่สำคัญที่สุดไม่ใช่เรื่องที่ว่ามีปัญญาซื้อหรือไม่ แต่อยู่ที่ว่าเจ้ามีลู่ทางที่จะซื้อมันได้หรือเปล่า
ในระยะเวลาหนึ่งเดือนต่อจากนี้ เรือรบก็ประสบกับกลุ่มหินอุกกาบาตอีกสองสามรอบ อิงบูเฉิงไม่กล้าไปยุ่งกับหินอุกกาบาตขนาดใหญ่อยู่แล้ว เป็นการหลบหลีกออกไปไกล ๆ บางครั้งก็ประสบกับการถูกอสูรกายดารารุมโจมตีบ้าง เมื่ออาศัยเกราะป้องกันจากค่ายเทพคุ้มกันระดับ 9 ก็สามารถทะลุผ่านไปได้อย่างง่ายดายเช่นกัน ผ่านไปได้อย่างราบรื่น
มีดวงดาวสีเขียวเข้มดวงหนึ่งปรากฏตรงหน้า และดวงดาวดวงนี้ก็คือจุดหมายปลายทางแรกของการเดินทางในครั้งนี้ของพวกเขาทั้งสาม ดารามังกรครามยักษ์
อิงจากคำพูดของอิงบูเฉิง สถานที่ที่ดาราแห่งกาลเวลาเคลื่อนไหว ดารามังกรครามยักษ์เป็นดาวเคราะห์ที่มีสิ่งชีวิตเพียงหนึ่งเดียวในบริเวณนี้ นักยุทธ์จำนวนมากที่มีความคิดที่จะเข้าไปในดาราแห่งกาลเวลา ล้วนจะมาถึงดารามังกรครามยักษ์ในช่วงเวลาประมาณนี้
คูเมืองที่ใหญ่ที่สุดในดารามังกรครามยักษ์ก็คือเมืองมังกรครามยักษ์ ข่าวลือเล่ากันว่าสาเหตุที่ตั้งชื่อดวงดาวเช่นนี้นั้น เป็นเพราะอดีตเคยมีพญามังกรสีเขียวเข้มตัวหนึ่งกำเนิดในดวงดาวดวงนี้ ซึ่งเป็นอสูรเทพพิทักษ์ของดารามังกรครามยักษ์