มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake - บทที่ 1710
“ฆ่ามัน!”
ชายผู้เป็นผู้นำของตระกูลโปได้ยินดังนั้น เจตนาสังหารอันแรงกล้าก็ปรากฏขึ้นในแววตาของเขา และออกคำสั่งออกไปอย่างเด็ดขาด
ทันใดนั้น ราชาเทพยี่สิบกว่าคนด้านหลังของเขาก็พากันลงมือ คนเหล่านี้ไม่ได้เข้าไปใกล้ ๆ แต่เป็นการสำแดงพลังอมตะ อัญเชิญนักยุทธ์ของขลัง รวมกันตรึงร่างของหลัวซิวเอาไว้ และโจมตีเข้าไป
หลังจากการโจมตีเหล่านี้ใกล้เข้ามา วิชาห้ามค่ายกลของตำหนักปีศาจเพลิงกลับไม่ได้ปรากฏขึ้นมา สิ่งนี้ทำให้ทุกคนต่างพากันประหลาดใจมากกว่าเดิม เห็นได้ชัดว่าตัวต้องห้ามของตำหนักปีศาจเพลิง ดูเหมือนว่าจะถูกทำลายแล้วจริง ๆ
ไม่เช่นนั้นหากเป็นเวลาปกติ เมื่อใดก็ตามที่มีคนโจมตี ตัวต้องห้ามก็จะต้องถูกกระตุ้นจึงจะถูก
หลัวซิวที่อยู่ด้านหน้าหยุดฝีเท้าลง ระยะห่างออกไปหลายร้อยเมตรสำหรับราชาเทพนั้นมันไม่ได้มีผลแต่อย่างใดเลย ผู้อื่นสามารถที่จะโจมตีเขาได้อย่างง่ายดาย
ในตอนที่เขาลงมือคลายค่ายกลในนั้น เขาก็รู้ได้ทันทีว่าต้องมีคนคิดจะฆ่าเขาอย่างแน่นอน
ปัง!
ปีกเทพทะลุฟ้าไร้มลทินสยายออกด้านหลังของเขา ร่างของเขาสั่นไหว จากนั้นก็หายไปจากตรงนั้นทันที ใช้ความเร็วที่รวดเร็วที่สุดพุ่งเข้าไปยังตำหนักปีศาจเพลิง
เหตุที่เขาไม่เลือกที่จะลงมือต่อคนเหล่านั้น นั่นก็เพราะว่าระดับวิชาห้ามค่ายกลของที่นี่มันสูงเกินไป เขาอาศัยเพียงการสัมผัสรู้และการคาดคะเนด้านค่ายกลของตนเอง อย่างมากก็ทำได้เพียงให้ตัวต้องห้ามของตำหนักปีศาจเพลิงหยุดการโคจรลงชั่วคราว เมื่อค่ายกลฟื้นฟูกลับมาโคจรดังเดิม ก็ยังคงจะระเบิดจิตสังหารอันน่าสะพรึงกลัวออกมาเช่นเดิม
เมื่อเห็นเขาบินตรงไปยังประตูใหญ่ของตำหนักปีศาจเพลิง ส่วนตัวต้องห้ามอัสนีโลหิตก็ยังคงไม่ปรากฏขึ้นมาอยู่ดี ทำให้คนอื่นมั่นใจมากขึ้นว่าตัวต้องห้ามนั้นได้ถูกทำลายไปแล้วจริง ๆ
“ตามไป!”
โดยมีตระกูลโปเป็นผู้นำ ยอดฝีมือราชาเทพราวร้อยกว่าคนก็เคลื่อนไหวพร้อมกัน ทุกคนต่างสำแดงวิชากลไกที่ตนเชี่ยวชาญออกมา
อิงบูเฉิงและเทพธิดายู่หรงก็กำลังจะขยับตัวอยู่พอดี แต่ในหูก็พลันมีเสียงหนึ่งดังขึ้น
“ยืนอยู่ที่เดิมอย่าได้ขยับ ไม่เช่นนั้นพวกเจ้าจะตาย!”
ร่างของคนทั้งสองหยุดลงอย่างกะทันหัน เพราะน้ำเสียงนี้เป็นน้ำเสียงที่พวกเขาคุ้นเคย และมันมาจากหลัวซิวนั่นเอง
อิงบูเฉิงเงยหน้าขึ้นไปมอง เมื่อเห็นว่าหลัวซิวได้ปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าประตูใหญ่ของตำหนักปีศาจเพลิง หันหน้ากลับมามองทางเขาแวบหนึ่ง พร้อมกับพยักหน้าเบา ๆ
วินาทีต่อมา สองมือของหลัวซิวก็กดลงไปบนประตูใหญ่ของตำหนักปีศาจเพลิง ออกแรงผลักออก ประตูใหญ่เคลื่อนไหวด้วยเสียงที่ดังกึกก้อง ถูกเขาใช้ร่างเนื้ออันแข็งแกร่งนั้นผลักมันออกอย่างรุนแรง
ร่างของเกระพริบครั้งหนึ่งและหายไป เข้าไปด้านในตำหนักปีศาจเพลิง และในเวลานี้เอง ตัวต้องห้ามของตำหนักปีศาจเพลิงก็ฟื้นฟูกลับมาโคจรดังเดิมอีกครั้ง
“ไม่!”
ในเวลานี้นักยุทธ์ร้อยกว่าคนต่างก็เข้าใกล้บริเวณใกล้เคียงของตำหนักปีศาจเพลิงแล้ว แสงสีเลือดที่ไร้ขอบเขตพุ่งออกมาอย่างฉับพลัน เต็มไปด้วยรังสีสังหารที่ไม่อาจจินตนาการได้
อิงบูเฉิงและเทพธิดายู่หรงทั้งสองคนต่างเบิกตาโพล่ง รู้สึกว่าหัวใจสั่นไหวอย่างบ้าคลั่ง เพราะเมื่อครู่นี้ภายในเวลาเพียงชั่วครู่ ยอดฝีมือระดับราชาเทพร้อยกว่าคน เพียงพริบตาเดียวก็ตายไปนับสิบคน มีเพียงผู้แข็งแกร่งราชาเทพช่วงปลายขึ้นไปไม่กี่คน อาศัยกลยุทธ์เฉพาะรักษาชีวิตเอาไว้ได้ ล่าถอยออกมาอย่างเร่งรีบ
สิ่งนี้ทำให้อิงบูเฉิงนึกถึงอาจารย์ของตนเองขึ้นมา บางทีในตอนนั้นอาจารย์ของเขาก็อาจจะได้รับบาดเจ็บสาหัสเพราะเหตุนี้เช่นกัน?
“เฮียอิง พวกเรา……” นัยน์ตาคู่สวยของเทพธิดายู่หรงเปล่งประกายแวววาว ชำเลืองมองยอดฝีมือราชาเทพช่วงปลายที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสเหล่านั้น
อิงบูเฉิงเข้าใจได้ในทันที ยอดฝีมือราชาเทพช่วงปลายเหล่านี้ต่างก็เป็นคนของกองกำลังใหญ่ ความมั่งคั่งเมื่อเทียบกับพวกเขาสองคนแล้วก็มีแค่เพียงมากกว่าไม่มีทางด้อยกว่าพวกเขาแน่นอน หากสามารถสังหารได้ แล้วนำทรัพย์สินเหล่านั้นมาเป็นของตนเอง ก็นับว่าได้ประโยชน์อย่างมาก
ตอนนี้พวกเขาทั้งหมดได้รับบาดเจ็บสาหัส ด้วยความน่าสะพรึงกลัวของตำหนักปีศาจเพลิงตัวต้องห้าม พลังรบของพวกเขาเหลือไม่มากนัก ซึ่งเป็นเวลาที่ดีที่สุดที่จะลงมือ
……