มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake - บทที่ 1769
สุดท้ายแล้วกฎมีทั้งแข็งแกร่งและอ่อนแอก็จริง แต่ทว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดก็ยังเป็นความสูงต่ำของแดน
“เวิง!”
หอกยุทธ์มังกรดำฉีกปริภูมิจนแตกขาด คลื่นกฎปริภูมิที่ทำลายล้างทุกสรรพสิ่งผนึกรวมกันอยู่บนหอกยุทธ์ พลานุภาพมีมากอย่างไร้ขอบเขต
ฉีเฉียวซานแสยะยิ้มเยือกเย็นอย่างดูถูก “ต่อให้มึงจะฝึกกฎปริภูมิถึงขั้น 5 แต่เมื่ออยู่ต่อหน้ากูแล้ว มันก็เปล่าประโยชน์”
ในระหว่างที่พูดอยู่นั้น เขาก็ยกนิ้วหนึ่งนิ้วขึ้นมาชี้ออกไป จากนั้นก็มีพายุคมลมผนึกรวมกัน
และในเวลานี้เอง จิตสังหารที่น่าสยดสยองก็ซัดปะทะเข้าหน้า ทำให้จิตใจฉีเฉียวซานตึงเครียดขึ้นมา เห็นเพียงมีแสงเรืองอ่อน ๆ กระพริบผ่านปลายหอกยุทธ์ที่กำลังทิ่มแทงเข้ามา พลังออร่าอันน่าสยดสยองที่ไร้ขอบเขตแผ่กระจายออกมา
“กฎความตาย?!”
สีหน้าของฉีเฉียวซานก็เปลี่ยนไปเล็กน้อยแล้วเช่นกัน เขานึกไม่ถึงเลยว่าชายหนุ่มผู้นี้จะฝึกกฎชั้นยอดอีกประเภทด้วย คนคนหนึ่งฝึกพลังกฎชั้นยอดสองประเภทพร้อมกัน!
“เวิง!”
มีแสงสว่างกระพริบระยิบระยับอยู่ในร่างกายเขา หอคอยเวทย์สีเขียวหลังหนึ่งบินออกมา ฉีเฉียวซานนึกอย่างไรก็นึกไม่ถึงว่าตนที่เป็นผู้แข็งแกร่งแดนมกุฎเทพผู้สง่าผ่าเผย เมื่อประมือกันราชาเทพคนหนึ่ง ถึงกับถูกบีบจนต้องใช้ของขลังคุ้มกันร่าง
แต่ทว่ายังไม่ทันเรียกหอคอยเวทย์สีเขียวของเขาออกมาโดยสมบูรณ์ จู่ ๆ ก็มีความรู้สึกเหมือนเวลาช้าลงและหยุดนิ่งไป ของขลังคุ้มกันร่างที่สามารถเรียกออกมาได้ภายในเวลาชั่วพริบตาเดียวในตอนแรก ถึงกับถูกทำให้ช้าลงสิบเท่า
“ระ……หรือว่านี่คือกฎเวลา?”
เป็นเฉกเช่นเดียวกับผู้ที่ตายอยู่ในกำมือของหลัวซิว พลังออร่าของกฎเวลาทำให้อาจารย์มกุฏเทพอย่างฉีเฉียวซานถึงกับตกตะลึงจนสะดุ้ง
ภายในเวลาเสี้ยววินาทีเดียว หอกยุทธ์มังกรดำก็ทิ่มแทงเข้ามาแล้ว ฉีเฉียวซานตะคอกเสียงดังลั่น พลังกฎธาตุลมพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว อาศัยพลังของกฎดั้งเดิมขั้น 6 ใช้อำนาจหลุดพ้นจากผลกระทบของกฎลดเวลาได้ในช่วงเวลาที่สำคัญ ก่อนที่เขาจะรีบหลบการโจมตีอย่างรวดเร็ว
ฟึ่บ!
เนื่องจากประเมินศักยภาพของฝ่ายตรงข้ามผิดพลาด สุดท้ายกิริยาท่าทางของฉีเฉียวซานก็ช้าไปหน่อยอยู่ดี บริเวณเอวถูกแสงหอกที่แหลมคมเฉือนจนเกิดเป็นแผลฉีกขาดหนึ่งแผล เลือดสีแดงสดพุ่งกระฉูดออกมา ยิ่งกว่าก็คือแม้กระทั่งไส้ก็โผล่ออกมาด้วย
อาศัยความเร็วของกฎธาตุลม ฉีเฉียวซานถอยหลังกลับไปอย่างรวดเร็ว แล้วจ้องมองหลัวซิวด้วยสีหน้าที่เหลือเชื่อ
“วัยรุ่น ความแข็งแกร่งของมึงอยู่เหนือการจินตนาการของกู มิน่าล่ะมึงถึงสามารถสังหารเตียหลงได้ เมื่อเปรียบเทียบกับมึงแล้ว เตียหลงไม่ได้อ่อนกว่ามึงเพียงเล็กน้อยเท่านั้น”
ฉีเฉียวซานดูตึงเครียดขึ้นมาในแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน พรสวรรค์ของฉีเตียหลงถือว่าสูงที่สุดในตระกูลฉีแล้ว แต่ทว่าก็แค่ความเร็วในการฝึกตนรวดเร็วหน่อยเท่านั้น ส่วนคนที่อยู่ตรงหน้านี้กลับฝึกกฎชั้นยอดสามประเภทพร้อมกัน
กฎชั้นยอดทั้งหมดก็มีเพียงสี่ประเภทเท่านั้น เขาคนเดียวก็ฝึกไปแล้วสามประเภท นี่มันพรสวรรค์ที่เก่งกาจดุจปีศาจจนไม่อาจอยู่ในฟ้าดินผืนนี้ได้ชัด ๆ ระดับความยากในการฝึกกฎชั้นยอดนั้นยากมาก ๆ ต้องการการตระหนักรู้ที่สูงมาก ๆ ตั้งแต่แรกอยู่แล้ว แล้วจะนับประสาอะไรกับการฝึกกฎชั้นยอดสามประเภทพร้อมกันเล่า?
เนื่องจากหลัวซิวไม่ได้รับบาดเจ็บ เพราะฉะนั้นกฎชีวิตจึงไม่ปรากฏให้เห็นแต่อย่างใด มิเช่นนั้นละก็ฉีเฉียวซานมีแต่จะรู้สึกช็อกมากยิ่งขึ้น
เมื่อเห็นว่าหอกในเมื่อกี้นี้ของตัวเองไม่สามารถสังหารฝ่ายตรงข้ามได้ หลัวซิวพูดคำว่าเสียดายในใจ เขาเริ่มแสดงท่าทีที่อ่อนแอให้ศัตรูเห็นตั้งแต่แรกแล้ว แค่แสดงกฎปริภูมิออกมา จากนั้นค่อยใช้กฎความตายภายใต้สถานการณ์ที่ศัตรูเผลอเรอเพื่อทวีคูณพลังโจมตี ใช้กฎลดเวลาควบคุมฝ่ายตรงข้าม แม้ประสิทธิผลจะลุล่วงแล้ว ทว่าเนื่องจากแดนกฎของฝ่ายตรงข้ามอยู่เหนือตน หลังจากตอบสนองกลับมาได้แล้วจึงหลุดพ้นจากการพันธนาการของกฎเวลาได้
เห็นเพียงฉีเฉียวซานพลิกมือหยิบยารักษาตัวออกมาหนึ่งเม็ดแล้วกลืนลงท้อง บาดแผลที่ฉีกขาดบริเวณเอวและหน้าท้องก็เริ่มสมานกัน ในส่วนของปริภูมิฉีกกระชากและพลังแห่งการกัดกร่อนของความตายที่แฝงซ่อนอยู่ในการโจมตีของหลัวซิวนั้น ถูกฝ่ายตรงข้ามใช้กฎธาตุลมของตนบีบคั้นออกไปจากร่างอย่างต่อเนื่อง