มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake - บทที่ 1896
ผู้แข็งแกร่งจักรพรรดิเทพใช้มือลูบหนวดเคราที่ขาวหงอก แล้วเทโอสถเพิ่มดีกรีออกมาจากขวดหยกของหลัวซิวหนึ่งเม็ด พลางยิ้มพลางพูด: “ในบรรดาโอสถเพิ่มดีกรีที่ผู้น้อยหลัวกลั่นได้นั้น มีหนึ่งเม็ดที่เป็นชั้นสูง ส่วนอีกห้าเม็ดที่เหลือนั้นล้วนเป็นชั้นกลางเช่นกัน!”
“เพราะฉะนั้น การดวลวิถียาในครั้งนี้ ข้าคิดว่าผู้น้อยหลัวเหนือกว่าหนึ่งขั้น”
ผู้แข็งแกร่งจักรพรรดิเทพคนนี้ประกาศผลสรุปของตัวเอง จากนั้นเขาก็นำขวดยาทั้งสองขวดส่งไปในมือของจักรพรรดิเทพอีกคนหนึ่ง
ตวนมู่ชางผงะไปอีกครั้ง คำพูดที่ผู้แข็งแกร่งจักรพรรดิเทพคนนั้นเพิ่งกล่าวมาในเมื่อครู่นี้ เหมือนฟ้าผ่าในตอนกลางวันแสก ๆ ยังไงอย่างนั้น ทำให้เขามึนตึบไปภายในชั่วพริบตาเดียว
“ผู้น้อยตวนมู่ ไม่เลวเลย ทว่าทักษะความสามารถของหลัวซิวอยู่เหนือกว่าหนึ่งขั้นจริง ๆ !”
“ผู้น้อยหลัวยังหนุ่มแต่ก็เก่งกว่าผู้อาวุโสแล้ว อาจารย์เสวียนคงได้รับลูกศิษย์ที่ดีเยี่ยมคนหนึ่งเลยนะ!”
“……”
“การดวลวิถียาในครั้งนี้ หลัวซิวชนะ!”
เจ้าหอยอดอัมพรประกาศผลสรุปสุดท้าย เขาก็รู้สึกไม่ค่อยพอใจเช่นกัน
อย่างไรเสียจีเสวียนคงก็ไม่ถูกกับหอยอดอัมพรมาโดยตลอด ลูกศิษย์คนนี้ของเขายิ่งเคยสังหารศิษย์ใจกลางของหอยอดอัมพรด้วย สำหรับเจ้าหอยอดอัมพรแล้ว เขาคาดหวังให้ตวนมู่ชางชนะมากกว่า
“ไม่! นี่มันเป็นไปไม่ได้!”ตวนมู่ชางแหกปากตะโกนเสียงดัง เนื่องจากอารมณ์ฮึกเหิม จึงควบคุมออร่าไม่อยู่ ทำให้ทรงผมกระเซอะกระเซิง พลังออร่ายุ่งเหยิง
เมื่อผู้คนที่อยู่บริเวณรอบ ๆ เห็นภาพเหตุการณ์ดังกล่าวแล้ว มีคนจำนวนไม่น้อยต่างแสดงสีหน้าดูถูก หรือแค่อนุญาตให้ตระกูลตวนมู่ของพวกเจ้าชนะ แต่ไม่ยอมให้ผู้อื่นชนะอย่างนั้นหรือ?
ตระกูลตวนมู่ที่แพ้ไม่เป็นตามคำเล่าลือนั้น ดูท่าน่าจะเป็นเช่นนี้จริง ๆ
“เหอะ ๆ เฒ่าประหลาดตวนมู่ ข้านั้นต้องขอบคุณสำหรับยาเซียนทั้ง 20 ต้นนี้ของเจ้าด้วยล่ะ”
จีเสวียนคงหัวเราะเสียงดังทีหนึ่ง ก่อนจะยกมือขึ้นมาโบกหนึ่งที ก็ม้วนเก็บยาเซียนทั้ง 20 ต้นนั้นของบรรพอาจารย์ตวนมู่มาอย่างไม่เกรงใจแม้แต่น้อย
บรรพอาจารย์ตวนมู่รู้สึกว่าหัวใจของตัวเองกำลังมีเลือดไหลหยด ยาเซียนระดับมหาจักรพรรดิทุกต้นนั้นหายากมาก ๆ ถึงแม้ตระกูลตวนมู่จะได้รับสมญานามว่าเป็นตระกูลกลั่นยาอันดับหนึ่ง แต่ก็มียาเซียนระดับมหาจักรพรรดิเพียง 30 ต้นเท่านั้น บัดนี้ลดหายไป 20 ต้นในทีเดียว แล้วจะไม่เจ็บใจได้หรือ?
อีกฝั่งหนึ่ง หลัวซิวนั้นไม่มีอะไรจะพูด ยกมือขึ้นมาหยิบฮู้เทวสรรพสิทธิ์พลางยิ้มพลางพูด: “เมื่อมีฮู้ชิ้นนี้ ต่อไปก็ไม่ต้องกลัวถูกผู้อื่นไล่ล่าแล้วล่ะ”
จากนั้นเขาก็หยิบหินเทวเหินฟ้าขึ้นมา ก่อนจะเม้มปากพลางส่ายหน้าพลางพูด: “ถึงแม้จะเล็กไปหน่อย แต่ก็สามารถทำให้ปีกเทพไร้มลทินของข้าเลื่อนขั้นได้แล้ว”
เมื่อพูดคำพูดที่ดูเหมือนไม่มีพลังทำลายล้างสองคำนี้ออกมา แต่ทว่ามันกลับทำให้ตวนมู่ชางกระอักเลือด ทำให้ใบหน้าของหยุนเทียนหยูหม่นหมองลง
ณ บัดนี้วินาทีนี้ ผู้คนในตระกูลตวนมู่จะยังไม่เข้าใจได้อย่างไร อาจารย์ศิษย์จีเสวียนคงและหลัวซิวทั้งสองนี้ขุดหลุมพรางเอาไว้ตั้งแต่แรกแล้ว แต่พวกเขากลับกระโดดลงไปอย่างห้าวหาญโดยไม่ยอมหวนกลับเหมือนคนโง่!
ดวงตาของตวนมู่ชางแดงเถือก เขาเข้าใจดีมากว่าเมื่อผ่านพ้นวันนี้ไป การประลองดวลวิถียาในครั้งนี้ ตัวเองจะกลายเป็นผู้ขับที่ขับให้อัจฉริยะอันดับหนึ่งในวิถียาอย่างหลัวซิวเด่นขึ้น!
ในอดีตเขาเป็นผู้ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นอัจฉริยะอันดัหนึ่งในวิถียามาโดยตลอด ทว่าหลังจากผ่านการดวลวิถียาในครั้งนี้ไปแล้ว เขากลับกลายเป็นตัวตลกตัวหนึ่ง!
ไอ้ชาติชั่ว!
ตวนมู่ชางกำหมัดแน่นจนเล็บฝังเข้าไปในเนื้อ และมีเลือดไหลออกมา
ดวงตาที่แดงเถือกคู่นั้นของเขาจ้องเขม็งไปทางหลัวซิว หากแววตาสามารถฆ่าคนได้ละก็ หลัวซิวคงถูกเขาประหารชีวิตด้วยการตัดชิ้นส่วนมือและเท้าออกมาเป็นแสนครั้งแล้ว
และในเวลาที่เอง จู่ ๆ ตวนมู่ชางก็รู้สึกว่าไหล่ของตัวเองหนักอึ้งขึ้น เมื่อหันหน้ากลับไปก็พบว่าอาจารย์ตระกูลตนปรากฏอยู่ข้างกายตนตั้งแต่เมื่อใดก็ไม่รู้ แล้ววางฝ่ามือลงบนไหล่ตนเอง
“เด็กน้อย ความพ่ายแพ้มันไม่น่ากลัว สิ่งที่น่ากลัวคือเจ้าไม่มีความกล้าที่จะไปเผชิญหน้ากับมัน”บรรพอาจารย์ตวนมู่ค่อย ๆ เอ่ยปากพูด
“อาจารย์ ข้า……ข้าแพ้แล้วขอรับ! ข้าทำให้ตระกูลขายหน้า! ข้าทำให้ตระกูลและท่านต้องผิดหวัง!”ตวนมู่ชางกำหมัดแน่นมากยิ่งขึ้น