มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake - บทที่ 1906
ในขณะเดียวกัน หลัวซิวอาศัยกระแสสัมผัสค้นหาตราประทับที่ติดอยู่บนตัวจีเสี่ยวจื่อ พบว่าบัดนี้ยัยหนูคนนั้นได้รับบาดเจ็บแล้ว
ในฐานะที่เป็นหลานสาวของจีเสวียนคง ทว่าเนื่องจากมหาปรมาจารย์ยาเซียนอย่างจีเสวียนคงเปิดเผยใบหน้าสู่สาธารณชนน้อยมาก ๆ ดังนั้นจึงมีน้อยคนมากเช่นกันที่ทราบว่าศักยภาพของจีเสี่ยวจื่อเป็นอย่างไร ผู้คนในโลกทราบแค่เพียงอาจารย์จีเสวียนคงมีหลานสาวคนหนึ่งเท่านั้นแหละ
แต่หลัวซิวกลับเข้าใจดีมาก ๆ ในบรรดาเด็กรุ่นใหม่ที่อยู่ต่ำกว่เแดนมกุฎเทพในมหาโลกายอดอัมพร ศักยภาพของจีเสี่ยวจื่อก็ด้อยว่าคนอย่างหยุนเทียนหยูและตวนมู่ชางเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
ทว่ายิ่งเข้าไปส่วนลึกของแดนเทวนิรันกาลมากเท่าไหร่ ภยันตรายที่พบเจอก็จะยิ่งมากเท่านั้น และศักยภาพของอสูรโบราณก็จะยิ่งแข็งแกร่ง จีเสี่ยวจื่อเข้าไปยังส่วนลึกของแดนเทวนิรันกาล ตลอดทางนางสังหารอสูรโบราณไปไม่รู้ตั้งเท่าไหร่ ทว่าตัวนางเองก็ได้รับบาดเจ็บเช่นกัน ชุดกระโปรงบทตัวเสียหายหลายจุด บัดนี้มีรอยแผลที่นับไม่ถ้วนแล้ว
ถึงแม้จะได้รับบาดเจ็บ ทว่าแววตาของจีเสี่ยวจื่อกลับเป็นประกายอย่างผิดปกติ ราวกับว่าหลังจากที่ผ่านการเข่นฆ่าและขัดเกลาอย่างแท้จริงแล้ว นางก็เติบโตขึ้นมาไม่น้อยเช่นกัน
โดยเฉพาะระหว่างการเข่นฆ่าบนสนามรบ นางยึดกุมจุดหัวเลี้ยวหัวต่อเสี้ยวหนึ่งในการตระหนักรู้กฎปริภูมิได้ด้วย
ระยะเวลาที่หลัวซิวนำสำนักเต๋าเสวียนเทียนที่มีกฎปริภูมิแฝงซ่อนอยู่มอบให้นางก็ผ่านมาระยะหนึ่งแล้ว ตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมาจีเสี่ยวจื่อยึดกุมจุดหัวเลี้ยวหัวต่อในการตระหนักรู้ไม่ได้เลย ณ วินาทีนี้นางถึงจะเข้าใจว่าที่แท้ก็เป็นเพราะขาดแคลนการเข่นฆ่าและขัดเกลาอย่างแท้จริง ขาดแคลนการตระหนักรู้ในทันทีในความเป็นความตาย
การตระหนักรู้กฎปริภูมิได้ในทันที ทำให้จีเสี่ยวจื่อทั้งประหลาดใจและตื่นเต้นดีใจ นางรีบตามหาสถานที่ที่ค่อนข้างปลอดภัยแห่งหนึ่ง และเข้าสู่สภาวะปิดขังตระหนักรู้ในทันทีอย่างรวดเร็ว
ซึ่งจะทำลายสภาวะการตระหนักรู้ในทันทีเช่นนี้ไม่ได้ มิเช่นนั้นละก็พระแสงทิพย์จะสูญหาย การที่อยากได้รับจุดหัวเลี้ยวหัวต่อในการตระหนักรู้ทันทีเช่นนี้นั้น ก็จะทำได้ยากมาก ๆ
หลัวซิวก็ต้องสัมผัสเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับตัวจีเสี่ยวจื่อผ่านตราประทับได้เป็นธรรมดาอยู่แล้ว แต่ทว่าสิ่งที่ทำให้เขาขมวดคิ้วแน่นคือ ระยะห่างของทั้งสองอยู่ห่างกันไกลมาก ๆ นึกไม่ถึงเลยว่าเขาก็สัมผัสได้ถึงคลื่นกฎปริภูมิอันล้ำลึกได้เช่นกัน
และคลื่นออร่ากฎปริภูมิดังกล่าวก็เป็นคลื่นออร่าที่ถ่ายทอดออกมาจากตัวจีเสี่ยวจื่ออยู่แล้ว
นี่จึงทำให้หลัวซิวรู้สึกไม่ชอบมาพากล ในเมื่อเขาสามารถสัมผัสได้ เช่นนั้นคนอื่น ๆ ที่ปรากฏอยู่ในเขตพื้นขอบเขตนี้ก็ต้องสามารถสัมผัสได้เช่นกัน
บนดาวเคราะห์ดวงนี้ ชายหนุ่มที่อยู่ในชุดสีน้ำเงินคนหนึ่งสังหารอสูรโบราณไปหนึ่งตัว หลังจากเก็บต้นยาเซียนที่อยู่ในละแวกนี้ขึ้นมาหนึ่งต้น เขาก็เงยหน้าขึ้นมากะทันหัน สายตาผนึกไปที่ตำแหน่งหนึ่ง
“ช่างเป็นออร่ากฎที่ลึกลับและมหัศจรรย์เสียจริง หรือว่านี่คือกฎปริภูมิ?”
รังสีในแววตาของชายหนุ่มชุดน้ำเงินเป็นประกายระยิบระยับ ไม่ว่าจะมีคนฝึกกฎปริภูมิอยู่หรือเป็นออร่ากฎปริภูมิที่แผ่กระจายออกมาจากสมบัติหรืออสูรโบราณ มันก็เป็นโอกาสครั้งหนึ่งอย่างไร้ข้อสงสัยเลย!
ชัวะ!
ร่างกายของชายหนุ่มชุดน้ำเงินหายวับไปภายในพริบตา ผันร่างเป็นลำแสงหนึ่งกระพริบดับ ๆ หาย ๆ อยู่ในห้วงอากาศอันว่างเปล่า
ไม่นานนัก ชายหนุ่มชุดน้ำเงินก็มาถึงตำแหน่งที่มีออร่ากฎปริภูมิปรากฏ จากนั้นสายตาของเขาก็ผนึกไปที่หญิงสาวชุดม่วงคนหนึ่งที่นั่งท่าขัดสมาธิอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง
“ฮ่า!”
เมื่อเห็นภาพเหตุการณ์นี้ ชายหนุ่มชุดน้ำเงินก็หัวเราะออกมากะทันหัน “ไม่นึกเลยว่าสตรีนางนั้นจะตระหนักรู้กฎปริภูมิ เช่นนั้นบนตัวนางก็ต้องมีสมบัติที่มีกฎปริภูมิแฝงซ่อนอยู่แน่นอน!”
ในฐานะที่เป็นอัจฉริยะผู้ภาคภูมิของสวรรค์ในมหาโลกาใบหนึ่ง เขากลับไม่เคยตระหนักรู้ในความเร้นลับของกฎชั้นยอดมาก่อน นี่จึงทำให้ชายหนุ่มชุดน้ำเงินรู้สึกอิจฉาเล็กน้อยอย่างอดไม่ได้ อย่างที่ทุกคนต่างทราบกัน การที่จะตระหนักรู้และยึดกุมกฎชั้นยอดนั้น จำเป็นต้องมีโอกาส วินาทีนี้เมื่อพบว่าผู้อื่นได้รับโอกาสนั้น แต่ตัวเองกลับไม่ได้รับ จิตใจที่อิจฉาริษยาเช่นนั้นทำให้ชายหนุ่มชุดน้ำเงินวางแผนที่จะทำลายการตระหนักรู้ของฝ่ายตรงข้ามอย่างไม่ลังเลใจ
แต่ทว่าในวินาทีนี้เอง จู่ ๆ เงามืดที่ใหญ่โตมหึมาก็ปรากฏบนนภาเหนือศีรษะ อสูรยักษ์สีดำสนิทที่หน้าตาดุร้ายตัวหนึ่งปรากฏกลางนภาพร้อมกับแยกเขี้ยวตะปบเล็บ ลำตัวเหมือนดังมังกรแท้ บริเวณศีรษะมีเขาสามข้าง ส่วนท้องมีกรงเล็บแปดข้าง
และมีชายชุดคลุมยาวดำคนหนึ่งนั่งท่าขัดสมาธิอยู่บนศีรษะของอสูรยักษ์ตัวนี้ สีหน้าอารมณ์เย็นชา สายตาร่วงลงบนตัวชายหนุ่มเสื้อน้ำเงิน แล้วค่อย ๆ พ่นคำพูดหนึ่งออกมา
“ไสหัวไป!”