มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake - บทที่ 1908
อั่ก!
ชายหนุ่มชุดน้ำเงินกระอักเลือดอย่างบ้าคลั่ง ร่างกายบินกระเด็นออกไป ถึงแม้จะไม่สามารถบีบทำลายฮู้หลบหนีไปได้ แต่ของขลังคุ้มกันระดับมกุฎของเขาก็ต้านทานหอกมังกรของหลัวซิวเอาไว้ได้ในช่วงเวลาที่สำคัญ
อย่างไรก็ตามวิธีการของหลัวซิวไม่ได้มีเพียงแค่นี้อยู่แล้ว โคจรเคล็ดเทวกลั่นวิญญาณ ตัวสำนึกของเขาผนึกรวมกันเป็นแสงหอกดวงหนึ่ง ทิ่มแทงเข้าไปในตัวหยั่งรู้ของฝ่ายตรงข้ามอย่างไร้รูปไร้เงา
ในขณะที่กระอักเลือดแล้วบินกระเด็นออกไป ชายหนุ่มสีน้ำเงินก็อยากบีบทำลายฮู้ต่อ เดิมทีคิดว่าครั้งนี้ต้องทำสำเร็จแน่นอน ทว่ากลับรู้สึกว่าตัวหยั่งรู้เจ็บปวดรวดร้าวขึ้นมากะทันหัน ถัดจากนั้นเหมือนมีแสงหอกดวงหนึ่งโจมตีลงบนช่องจิตของเขาอย่างรุนแรง ทำให้วิญญาณของเขาสั่นคลอน ความปวดร้าวอย่างยิ่งรุมเร้าเข้ามา
“อ๊ากก! ……”
ความปวดร้าวของการที่วิญญาณถูกโจมตีนั้นไม่ใช่สิ่งที่คนทั่วไปสามารถต้านทานได้ ชายหนุ่มชุดน้ำเงินกรีดร้องอย่างน่าเวทนา ยิ่งกว่านั้นคือไม่มีแม้แต่จิตใจที่จะไปกระตุ้นของขลังคุ้มกันแล้ว
ฟึ่บ!
หอกมังกรแดงมืดก้าวข้ามผ่านปริภูมิ แทงทะลวงกะโหลกของชายหนุ่มชุดน้ำเงินภายในพริบตา
ถัดจากนั้นอสูรดูดจิตก็อ้าปากกว้าง กลืนกินร่างกายของชายหนุ่มชุดน้ำเงินลงไปโดยตรง
หลัวซิวไม่สนใจความเป็นมาของชายหนุ่มชุดน้ำเงินนี้แต่อย่างใด ชำระสะสางสิ่งของที่ไม่มีประโยชน์ในแหวนเก็บของออกไป จากนั้นเขาก็นั่งท่าขัดสมาธิลงบนศีรษะของอสูรดูดจิต คอยคุ้มกันให้จีเสี่ยวจื่อที่อยู่ในสภาวะการตระหนักรู้
การตระหนักรู้กฎชั้นยอดในทันทีนั้นเป็นสิ่งที่หาพบได้ยากมาก หากแบ่งแยกอัจฉริยะในมหาโลกาพันสามออกเป็นอัจฉริยะทั่วไป อัจฉริยะระดับราชา อัจฉริยะระดับมกุฎ อัจฉริยะระดับเจ้ายุทธจักร รวมไปถึงอัจฉริยะระดับมหาจักรพรรดิละก็ เช่นนั้นจีเสี่ยวจื่อก็ถือว่าเป็นเพียงอัจฉริยะระดับมกุฎเท่านั้น
มาตรฐานของอัจฉริยะระดับทั่วไปคือมีโอกาสเติบโตเป็นจ้าวมหาเทพในอนาคต ส่วนอัจฉริยะระดับราชานั้นมีโอกาสเติบโตเป็นผู้แข็งแกร่งในแดนจ้าวมหาเทพ และอัจฉริยะระดับมกุฎมีโอกาสเติบโตเป็นจักรพรรดิเทพ อัจฉริยะระดับเจ้ายุทธจักรมีโอกาสเป็นผู้แข็งแกร่งในแดนจักรพรรดิเทพ ในส่วนของอัจฉริยะระดับมหาจักรพรรดินั้น มีโอกาสยึดอำนาจกลายเป็นอัจฉริยะไร้เทียมทานอย่างมหาจักรพรรดิยุทธ์ในอนาคต!
แต่ถ้าเกิดจีเสี่ยวจื่อสามารถยึดกุมกฎปริภูมิได้ ถึงแม้จะเริ่มต้นสายไป แต่ทว่าศักยภาพของนางจะเพิ่มขึ้น ระดับพรสวรรค์ของนางก็สามารถยกระดับจากอัจฉริยะระดับมกุฎ ขึ้นไปเป็นอัจฉริยะระดับเจ้ายุทธจักรได้ ในอนาคตมีโอกาสกลายเป็นผู้แข็งแกร่งในแดนจักรพรรดิเทพ
หากนางสามารถฝึกกฎปริภูมิขึ้นไปถึงแดนขั้น 10 บริบูรณ์ เช่นนั้นนางก็จะมีโอกาสกลายเป็นมหาจักรพรรดิยุทธ์ของยุคสมัยหนึ่ง แต่ทว่าความเป็นไปได้เช่นนั้นมันมีกระจิ๊ดริดจริง ๆ
มาตรแม้นว่าจีเสวียนคงท่านปู่นางที่ได้รับวิชายิ่งเลิศสูงสุดอย่างคัมภีร์โอสถ ระดับความรู้อันลึกซึ้งในกฎชีวิตของเขาก็หยุดอยู่ที่ขั้น 10 ขั้นปฐมภูมิเท่านั้น สิบล้านปีผ่านมาก็ไม่สามารถบรรลุถึงช่วงกลาง จึงยิ่งไม่ต้องพูดถึงแดนบริบูรณ์เลย
จากการตระหนักรู้ในทันทีของจีเสี่ยวจื่อ คลื่นกฎปริภูมิก็ยิ่งอยู่ยิ่งชัดเจนขึ้น เนื่องจากขั้นตอนแรกในการตระหนักรู้ในทันทีอย่างบัดนี้ จำเป็นต้องเกิดความรู้สึกร่วมกับกฎฟ้าดิน หลัวซิวก็ไม่สามารถจัดวางค่ายเพื่อผนึกออร่าของที่นี่ มิเช่นนั้นก็เท่ากับกีดกั้นการเชื่อมประสานและการเกิดความรู้สึกร่วมของจีเสี่ยวจื่อต่อกฎฟ้าดิน
อสูรโบราณแข็งแกร่งจำนวนมากที่ปกครองอยู่บนดาวเคราะห์ดวงนี้ล้วนตื่นตกใจ อสูรโบราณที่ยิ่งแข็งแกร่งสติปัญญาก็ยิ่งมาก พวกมันนึกว่ามีสมบัติอะไรบังเกิด จึงต่างพากันมุ่งหน้ามารวมตัวกันทางนี้
“อั่งง!”
เสียงคำรามที่ดังและสูงดังก้องขึ้นมา ถัดจากนั้นหลัวซิวก็สัมผัสได้ว่าแผ่นดินใหญ่ที่อยู่ด้านล่างสั่นสะเทือนและโยกอย่างรุนแรง
ในตำแหน่งที่ห่างออกไปไกล ต้นไม้โบราณที่ใหญ่โตล้มลงไปเป็นแถบ ช้างที่ลำตัวมีแสงสีขาวเงินเป็นประกายระยิบระยับพุ่งชนตรงเข้ามาทางนี้
ปริมาตรของช้างยักษ์ตัวนี้ใหญ่โตมากเกินไปจริง ๆ เหมือนดั่งภูเขาสีขาวเงินลูกหนึ่งที่กำลังเคลื่อนที่ อสูรโบราณจำนวนมากที่อยู่บริเวณรอบ ๆ ของมันต่างพากันหลบหลีก ไม่กล้าเข้าใกล้ ราวกับว่ามันเป็นเจ้าแห่งอสูรโบราณของดวงดาวดวงนี้ยังไงอย่างนั้น!