มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake - บทที่ 1909
ในกระแสสัมผัสของหลัวซิว อสูรโบราณระดับมกุฎเทพที่อาศัยอยู่บนดวงดาวดวงนี้ก็มีไม่น้อยเช่นกัน แต่ถ้าเกิดพูดถึงเรื่องความแข็งแกร่งทางพลังออร่าแล้ว กลับไม่มีตัวใดที่สามารถเทียบเคียงกับช้างยักษ์สีขาวเงินตัวนี้ได้
“โครมคราม!”
หลัวซิวโยนหนวดของอสูรกลืนดาราที่อยู่ในโลกาจุดลมปราณออกมา หนวดยักษ์ที่ยาวหลายพันไมล์ร่วงหล่นลงบนพื้น เหมือนดั่งแนวเทือกเขาหลายพันไมล์ที่ทอดยาว
ยังมีเศษพลังออร่าของอสูรกลืนดาราหลงเหลือบนหนวดเส้นนี้อยู่ บ้าง ในฐานะที่เป็นเผ่าพันธุ์ที่แข็งแกร่งอันดับ 3 ในอสูรโบราณยุคดึกดำบรรพ์ พลังออร่าของอสูรกลืนดาราเพียงพอที่จะข่มอสูรโบราณจำนวนมากได้อย่างแน่นอน
ถึงแม้อสูรดูดจิตจะเป็นอสูรโบราณที่ถูกจัดอยู่ในอันดับ 1 แต่ทว่าเนื่องจากอสูรดูดจิต ณ วินาทีนี้ยังแข็งแกร่งไม่มากพอ ดังนั้นจึงยังไม่สามารถสยบอสูรโบราณระดับมกุฎเทพด้วยพลานุภาพได้
และมันก็เป็นอย่างที่คิดจริง ๆ ด้วย หลังจากที่หนวดเส้นนี้ของอสูรกลืนดาราปรากฏ อสูรโบราณจำนวนมากที่รวมตัวกันแล้วมาจากทั่วทุกสารทิศหยุดการเคลื่อนไหว
แม้แต่ช้างยักษ์สีขาวเงินตัวนั้นก็หยุดลงแล้วเช่นกัน ดวงตาที่กลมโตจ้องเขม็งไปทางหนวดนั่น มีความเกรงกลัวและเข้มงวดทะลุออกมาจากดวงตาเล็กน้อย
ถึงแม้หนวดเส้นนี้อสูรกลืนดาราจะถูกตัดลงมาจากร่างเดิมสักระยะหนึ่งแล้ว แต่ทว่าด้านบนก็ยังมีออร่าระดับจ้าวมหาเทพหลงหลืออยู่เล็กน้อย
ภายใต้การข่มของอสูรกลืนดาราระดับจ้าวมหาเทพ อสูรโบราณจำนวนมากเริ่มถดถอยแล้ว ทว่าช้างยักษ์สีขาวเงินตัวนั้นกลับลังเลใจอยู่เล็กน้อย มันไม่อยากจากไปบัดนี้แต่อย่างใด
ในฐานะที่เป็นอสูรโบราณที่แข็งแกร่งที่สุดบนดาวเคราะห์ดวงนี้ ดูเหมือนกับว่าช้างยักษ์สีขาวเงินตัวนี้จะไม่ได้หลอกง่ายขนาดนั้น
“ไสหัวไป!”
หลัวซิวตะคอกเสียงดังลั่น ห้วงดารายุทธ์ปรากฏด้านหลังพลางทิ่มแทงหอกมังกรแดงมืดออกไป
หลัวซิวได้ผนึกรวมวิถียุทธ์ไว้บนการโจมตีในหอกนี้ ซึ่งภายในครอบคลุมเคล็ดแสงดาวเทียนเต้า เคล็ดวิชาจุดลมปราณ เคล็ดเทวกลั่นวิญญาณ ตลอดจนวิถีวัฏสงสารที่กลายมาจากกฎการเวียนว่ายตายเกิดและห้วงเวลา
ยังไม่ทันได้ทิ่มแทงคมหอกออกไป อำนาจหอกก็ปกคลุมทั่วทั้งแผ่นฟ้าปฐพี วิวัฒนาการดาราออกมาเต็มท้องฟ้า วัฏสงสารฟ้าดิน ซึ่งครอบคลุมทุกสิ่งอย่าง!
“อั่งง!”
ช้างยักษ์สีขาวเงินร้องคำราม หูใบใหญ่ที่เปล่งแสงแวววับสั่นเทิ้ม ฟาดงวงยาวไปมา รัศมีรอบกายสว่างเจิดจ้า เหมือนดั่งเทพคชาธารที่สว่างไสว
คลื่นพลังที่น่ากลัวม้วนซัดไปทั่วทุกสารทิศ ทำลายสรรพสิ่งทุกอย่างที่มีรูป นอกเหนือจากอสูรดูดจิตและจีเสี่ยวจื่อที่อยู่ด้านหลังหลัวซิวแล้ว พื้นที่บริเวณโดยรอบหนึ่งหมื่นไมล์ล้วนกลายเป็นฝุ่นผง
งวงของช้างยักษ์สีขาวเงินตัวนั้นถูกฉีกกระชากจนเกิดเป็นแผลหนึ่งจุด ทำให้เลือดสีแดงสดพุ่งกระฉูด ช้างเงินร้องคำราม มีรังสีแห่งความดุร้ายทะลุออกมาจากดวงตาที่กลมโตคู่นั้น
หลัวซิวขมวดคิ้วลง หอกที่ผนึกรวมด้วยวิถียุทธ์ของเขาในเมื่อครู่นี้ เป็นการสะท้อนให้เห็นถึงปณิธานของเขา แต่ทว่ากลับไม่มีความรู้สึกที่สบายอกสบายใจ มักจะรู้สึกว่าเหมือนวิถียุทธ์ของตัวเองยังขาดแคลนอะไรบางอย่าง ราวกับตัวเองไม่มั่นใจในวิถียุทธ์ของตนอย่างแท้จริงตลอดมาว่าตนฝึกอะไรกันแน่!
วิถียุทธวัฏสงสารของจ้าววัฏสงสารรุ่นแรก วิถียุทธสายเลือดของผู้บุกเบิกเผ่าพันธุ์มาร เหล่าผู้แข็งแกร่งที่ริเริ่มวิถียุทธ์ของตัวเองล้วนมีทิศทางที่ชัดเจนของตน
ส่วนหลัวซิวนั้น แท้จริงแล้วเขาไม่เคยมีทิศทางที่ชัดเจนของตัวเองมาโดยตลอด แค่ฝึกตนโดยการหลอมรวมวิถีต่าง ๆ และวิชาต่าง ๆ เข้าด้วยกัน อยากสร้างวิถียุทธ์ที่ครอบจักรวาลของตัวเองขึ้นมา ซึ่งนี่ก็เป็นความตั้งใจเดิมที่เขาริเริ่มพลังอมตะอย่างหมื่นจักรวาลไร้รูปเช่นกัน
แต่วิถียุทธ์ที่เขาฝึกนั้นผสมผสานคละปนกันมากเกินไป วิถียุทธดาราของเคล็ดแสงดาวเทียนเต้า วิถียุทธวัฏสงสารของการเวียนว่ายตายเกิดห้วงเวลา วิถียุทธสายเลือดของผู้บุกเบิกเผ่ามาร ตลอดจนวิถียุทธร่างเนื้อของเคล็ดวิชาจุดลมปราณ
เมื่อฝึกวิถียุทธ์เหล่านี้ให้ถึงขีดสุด ก็ล้วนสามารถกลายเป็นผู้แข็งแกร่งไร้เทียมทานได้ แต่ทว่าหลัวซิวกลับยังไม่พึงพอใจ หรือจะพูดอีกอย่างว่าวิถียุทธ์เหล่านี้ ไม่มีวิถีใดที่เป็นวิถียุทธ์ในใจเขาเลย
และเป็นเพราะไม่มีทิศทางวิถียุทธ์ที่ชัดเจนของตัวเอง ดังนั้นกระทั่งถึงบัดนี้ เขาก็ไม่ได้ฝึกเซ่นอาวุธมรรคผลของตัวเอง