มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake - บทที่ 1923
ศพที่ไร้วิญญาณของหยุนเทียนหยูร่วงหล่นลงมาจากฟ้า ส่วนหลัวซิวนั้นก็โล่งอกขึ้น เสี้ยววินาทีในเมื่อครู่นี้ เขาได้ไปเดินวนที่ประตูนรกมารอบหนึ่งแล้ว
กึ่งอมตะของผู้แข็งแกร่งจักรพรรดิเทพสังหารเขาภายในเสี้ยววินาทีได้แน่นอน หากเป็นเช่นนั้นละก็ถึงแม้เขาจะมีร่างอมตะ มันก็ไม่มีประโยชน์ใด ๆ
โชคดีที่กึ่งอมตะนี้ต้องใช้ตัวหยั่งรู้ของหยุนเทียนหยูเป็นตัวพาหะ หลังจากที่เขาใช้พลังโจมตีวิญญาณทำให้ตัวหยั่งรู้ของหยุนเทียนหยูแตกสลายไปแล้ว เมื่อพลังอมตะไม่มีตัวพาหะ มันจึงพังทลายและสลายหายไปพร้อมกับตัวหยั่งรู้
อย่างไรซะกึ่งอมตะนี้ก็ไม่ได้เป็นของตัวหยุนเทียนหยูเอง แต่เป็นพลังอมตะที่เจ้าหอยอดอัมพรใส่ไว้ในตัวหยั่งรู้ของเขา
ยกมือโบกทีหนึ่ง หอกมังกรแดงเลือดและตำหนักวัฏสงสารจึงบินกลับมา โชคดีที่หอกมังกรถูกจีเสวียนคงใช้เหล็กเซียนเม็ดโลหิตกลั่นใหม่อีกรอบ ถึงแม้ระดับขั้นของมันจะไม่สูง ทว่าระดับความแข็งแกร่งของแก่นสารกลับสามารถเทียบทัดนักยุทธ์จักรพรรดิเทพ ดังนั้นจึงไม่ถูกกึ่งอมตะนั่นโจมตีจนแตกสลาย
ในส่วนของตำหนักวัฏสงสารนั้นก็ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเลย ในจักรวาลฟ้าดินสิ่งที่สามารถทำให้มันแตกสลายได้นั้น ต้องมีไม่มากอย่างแน่นอน
หลังจากที่พวกหยุนเทียนหยูและตวนมู่ชางถูกสังหารไปแล้ว สีหน้าของเจ้าหอยอดอัมพรและเฒ่าประหลาดตวนมู่ที่อยู่นอกแดนเทวนิรันกาลต่างเปลี่ยนไปกะทันหัน
“นะ……นี่มันเป็นไปไม่ได้!”
ความสูญเสียที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้ ทำให้ผู้แข็งแกร่งจักรพรรดิเทพทั้งสองท่านยากที่จะยอมรับได้จริง ๆ คนของหอยอดอัมพรที่เข้าไปในแดนเทวนิรันกาลมีทั้งหมดห้าคน สามารถพูดได้เลยว่าทั้งห้าเป็นอัจฉริยะผู้มีความฉลาดเป็นเลิศที่สุดในเด็กรุ่นใหม่โดยที่มีเป็นหยุนเทียนหยูผู้นำ สูญเสียอัจฉริยะเหล่านี้ไปหมดแล้ว จะทำให้ลำดับขั้นของเด็กอัจฉริยะรุ่นใหม่ของหอยอดอัมพรเข้าสู่ช่วงเวลาว่างเปล่ายาวนานมาก ๆ
ในส่วนของตระกูลตวนมู่นั้นก็ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเลย ตลอดช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้พวกเขาทุ่มเทกำลังกายและกำลังสมองอยู่บนตัวตวนมู่ชางไปไม่รู้ตั้งเท่าไหร่แล้ว
และสิ่งที่ทำให้หอยอดอัมพรและตระกูลตวนมู่ยิ่งโกรธเกรี้ยวอย่างยิ่งคือ ภาพฉากที่ส่งมาจากตราเคล็ดวิชานั้นเลือนรางมากถึงมากที่สุด มองเห็นไม่ชัดเจนเลยด้วยซ้ำว่าฆาตกรคือผู้ใดกันแน่
เมื่อจีเสวียนคงได้ยินเรื่องเหล่านี้ ดวงตาคู่นั้นของเขาจึงหรี่ลงเล็กน้อย เหมือนกำลังคิดอะไรบางอย่างอยู่ เนื่องจากเขานึกถึงหน้ากากหลัวซิวนั่น
“เจ้าหนูนี่ ลงมือได้โหดเหี้ยมมาก แต่ทว่าอาจารย์ชอบ!”จีเสวียนคงกระตุกยิ้มมุมปากอย่างเยือกเย็น
ตลอดช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้ ตั้งแต่เริ่มต้นกระทั่งถึงบัดนี้เขาไม่มีกิริยาท่าทางที่รุนแรงต่อการยั่วยุของตระกูลตวนมู่ รวมไปถึงบ่วงแค้นของหอยอดอัมพรเลย เขาอดอั้นอยู่ในใจมานานมาก ๆ แล้ว
……
แดนเทวนิรันกาลกว้างใหญ่มาก ๆ ถึงแม้จะมีอัจฉริยะผู้มีความฉลาดเป็นเลิศที่มาจากมหาโลกาต่าง ๆ ทว่าในละแวกสถานที่ที่หลัวซิวสังหารพวกหยุนเทียนหยูไม่มีร่องรอยของนักยุทธ์อื่น ๆ แต่อย่างใด
ถึงแม้จะมีคนพบเห็น แต่ก็ไม่มีผู้ใดมาสนใจ เนื่องจากทุกคนที่อยู่ภายในแดนเทวนิรันกาลล้วนอยู่ในลักษณะท่าทางที่เกรงว่าจะได้รับความเสียหายจึงหลีกเลี่ยงที่จะแสดงตน
ภายในแหวนเก็บของของหยุนเทียนหยูและตวนมู่ชางทั้งหกคนมีของดี ๆ อยู่ไม่น้อยเลย หลัวซิวจึงเอาของทั้งหมดเก็บเข้ากระเป๋าตนอย่างไม่เกรงใจ
เสาะหาไปตามร่องรอยออร่ากฎชีวิต หลัวซิวทำการสืบหาเบาะแสของหินนิรันดร์ต่อ
ในอนัตตาละแวกดวงดาวดวงหนึ่ง มีเสียงดังสะเทือนเลื่อนลั่นที่กึกก้องดังมาจากขอบฟ้าอย่างฉับพลัน เรือรบหรูหราที่ราวกับสร้างมาจากทองคำลำหนึ่งมาเยือนโดยเคลื่อนที่บดขยี้นภา อำนาจบารมีซัดสาดดุจกระแสน้ำ กลิ้งไหลไปมาอย่างไม่หยุดหย่อน
บนเรือรบลำนั้น มีนักยุทธ์ที่พลังออร่าเกะกะระรานยืนเรียงรายอยู่หลายคน ส่วนด้านหน้าของเรือรบนั้น มีมนุษย์มดที่มีแสงสีขาวเปล่งประกายทั่วร่างกำลังบินอย่างรวดเร็ว
หลัวซิวเขม็งตามองไป ขนาดของมนุษย์มดแสงขาวนั่นเท่าประมาณหนึ่งฝ่ามือ แต่ทว่าอวัยวะบนใบหน้าชัดเจนประณีต ทั้งร่างกายขาวผ่องดุจหยก เหมือนหินหยกก้อนหนึ่งที่ผันร่างเป็นร่างมนุษย์
หินนิรันดร์!
มีข่าวคราวที่เกี่ยวข้องกับหินนิรันดร์ผุดขึ้นมาในหัวหลัวซิว โดยเฉพาะเมื่อสัมผัสออร่ากฎชีวิตอันเข้มข้นที่แผ่กระจายออกมาจากมนุษย์มดหินหยกนั่นได้แล้ว หลัวซิวก็แทบจะสามารถยืนยันได้ในชั่วพริบตาเดียวว่ามนุษย์หินมดนั่นเป็นทรัพย์สมบัติล้ำค่าที่ผู้แข็งแกร่งที่นับไม่ถ้วนต่างใฝ่หาแม้ยามหลับฝัน