มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake - บทที่ 1930
อย่างไรก็ตามสำหรับคนจำพวกพระโอรสจ้านเทียนหรือมู่ช่าวหวงแล้ว ถึงแม้จะเจอเหล็กเซียนสมบัติระดับเจ้ายุทธจักรตลอดจนมหาจักรพรรดิ ก็ใช่ว่าจะสามารถทำให้พวกเขาหวั่นไหวได้เสมอไป สาเหตุที่พวกเขาเข้ามาในแดนเทวนิรันกาลนั้น ล้วนมาเพื่อสมบัติสามชิ้นนั้นในตำนาน
ปัจจุบันการปรากฏของหินนิรันดร์ไม่ใช่ความลับอะไรอีกแล้ว มีคนเห็นเองกับตาเลยว่ามู่ช่าวหวงควบคุมเรือรบทองคำไล่ตามมนุษย์หินนิรันดร์ เนื่องจากความเร็วของเรือรบและมนุษย์หินเร็วเกินไป ดังนั้นจึงไม่มีผู้ใดสามารถไล่ตามไปได้ และไม่ทราบเช่นกันว่าผลลัพธ์สุดท้ายเป็นอย่างไร
มู่ช่าวหวงปิดปากเงียบต่อเรื่องนี้ นี่จึงทำให้คนจำนวนมากต่างคิดว่าหินนิรันดร์ตกอยู่ในกำมือของเขาแล้ว
ทว่าแท้จริงแล้วช่วงนี้อารมณ์ของมู่ช่าวหวงย่ำแย่ถึงขีดสุด ขอแค่มีคนเข้ามายุแหย่เขา ก็ล้วนจะถูกเขาสังหารด้วยวิธีการอันโหดเหี้ยม ไร้ซึ่งความปราณี
เขาไม่ได้บอกคนอื่นว่าหินนิรันดร์ถูกอีกคนแย่งไปแล้ว หากพูดเรื่องเช่นนี้ออกมา มู่ช่าวหวงรู้สึกว่าตัวเองต้องขายหน้าแน่ เขาควบคุมเรือรบทองคำเดินทางข้ามผ่านดวงดาวดวงแล้วดวงเล่า แต่ทว่าก็ไม่เจอเจ้าหมอนั่นที่แย่งหินนิรันดร์ไปเลย
วันนี้ ณ ทิศตะวันออกของแดนเทวนิรันกาล มีเสียงดังสนั่นที่สะเทือนเลื่อนลั่นไปทั่วพื้นปฐพีสะท้อนมาจากดวงดาวดวงหนึ่ง จากนั้นทุกคนที่อยู่ในแดนเทวนิรันกาลก็ล้วนมองเห็นภาพเหตุการณ์ที่น่าทึ่ง
นั่นคือปราณกระบี่ที่พุ่งทะยานขึ้นฟ้าเล่มหนึ่ง ปราณกระบี่ดุจมังกร ตรีภพซัดสาด ภายในปราณกระบี่ราวกับเกิดการวิวัฒนาการและบุกเบิกฟ้าดิน เกิดปรากฏการณ์แปลกประหลาดที่ก่อให้เกิดสรรพสิ่งทั้งหลาย
ถึงแม้จะอยู่ห่างกันไกลมากเพียงใด ทุกคนล้วนสามารถสัมผัสได้ถึงปราณกระบี่ที่ยิ่งใหญ่และทรงพลังมากจนไม่อาจคาดเดานั่นได้
“พระเจ้า นั่นมันอะไร?”ขอแค่เป็นผู้ที่มองเห็นได้สัมผัสปราณกระบี่ดังกล่าวได้ ไม่มีสีหน้าของผู้ใดที่ไม่เปลี่ยน เนื่องจากปราณกระบี่เช่นนี้มันน่าทึ่งมากเกินไปแล้ว ปราณกระบี่หนึ่งทะลวงดาราจักรวาล ออร่าที่น่ากลัวนั่นถึงกับทำให้ผู้คนรู้สึกว่ามันน่าสยดสยองยิ่งกว่าผู้แข็งแกร่งจักรพรรดิเทพคนหนึ่งเสียอีก
“ปราณกระบี่ที่แข็งแกร่งเช่นนี้ หรือว่ากระบี่ตรีภพเล่มนั้นในตำนานบังเกิดขึ้นแล้ว”อารมณ์ที่แสดงออกบนใบหน้าของผู้คนเปลี่ยนแปลงไปพลางคาดคะเน
และการคาดคะเนนี้ก็ได้รับการยอมรับจากคนจำนวนมาก เนื่องจากปราณกระบี่ที่ทะยานขึ้นเหนือเมฆนี้มีออร่าที่มากมายมหาศาลของตรีภพแฝงซ่อนตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ทำให้ผู้คนเกิดความรู้สึกใฝ่หาในความลึกซึ้งของตรีภพ
ภายในเวลาชั่วขณะ ทั่วทั้งแดนเทวนิรันกาลล้วนลือเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับกระบี่ตรีภพบังเกิดขึ้น หนึ่งดอกหนึ่งหินหนึ่งกระบี่ ในเมื่อสมบัติทั้งสามชิ้นนี้มีชื่อเสียงโด่งดังเท่ากัน เช่นนั้นก็ต้องเป็นสมบัติที่ยอดเยี่ยมมากแน่นอน
โดยเฉพาะเมื่อได้ยินชื่อกระบี่ตรีภพก็รู้แล้วว่าเป็นสมบัติสังหารที่ล้ำค่า พลังการโจมตีของมันต้องเกะกะระรานถึงขั้นที่ไม่อาจจินตนาการได้แน่นอน
“ในที่สุดอาวุธมรรคผลของพระโอรสอย่างข้าก็บังเกิดขึ้นแล้ว!”
พระโอรสจ้านเทียนที่ยืนอยู่บนดวงดาวดวงหนึ่งใช้มือทั้งสองข้างไขว้ไว้ด้านหลัง พลางเบิ่งมองปราณกระบี่ตรีภพที่พุ่งทะยานฉีกกระชากท้องฟ้าพลางพูดด้วยใบหน้าที่ยโสโอหัง
มีมังกรทองห้าอุ้งเท้าตัวหนึ่งคลานอยู่ข้างกายของเขา ส่วนด้านหลังของเขานั้นมีผู้แข็งแกร่งกลุ่มหนึ่งคอยติดตามอยู่
“ขออวยพรให้กับพระโอรสและขอแสดงความยินดีกับพระโอรสขอรับ! อาวุธวิเศษเช่นนี้ ก็มีเพียงพระโอรสเท่านั้นที่คู่ควรกับมัน”มีผู้ติดตามที่อยู่ด้านหลังรีบพูดสรรเสริญเยินยอทันที
ครั้งนี้เยาเย่และผู้คนในโลกาบรรพมารไม่ได้ติดตามอยู่ข้างกายเขาแต่อย่างใด พระโอรสจ้านเทียนยกมือขึ้นมาโบกทีหนึ่ง “เรารีบเร่งเดินทางไปเถิด ผู้ใดบังอาจแย่งกับข้า พระโอรสอย่างข้าก็จักสังหารผู้นั้น!”
พระโอรสจ้านเทียนเหยียบลงบนมังกรทองห้าอุ้งเท้า ก่อนจะพาผู้ติดตามเบื้องล่างกลุ่มหนึ่งมุ่งหน้าตรงไปยังตำแหน่งที่ปราณกระบี่ตรีภพปรากฏ อีกฝั่งหนึ่ง มู่ช่าวหวงก็เห็นภาพเหตุการณ์ดังกล่าวแล้วเช่นกัน ซึ่งเขาก็ไม่มีทางพลาดโอกาสและโชคที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้อยู่แล้ว
“สามเศษณ์นิรันดร์ หนึ่งดอกหนึ่งหินหนึ่งกระบี่ มีการแบ่งก่อนและหลังตามลำดับ สิ่งที่ล้ำค่าที่สุดก็คือดอกถานฮวาเทียนเต้านั่น รองลงมาคือหินนิรันดร์ สุดท้ายถึงจะเป็นกระบี่ตรีภพ ปัจจุบันกระบี่ตรีภพบังเกิดขึ้นแล้ว ผู้ที่แย่งหินนิรันดร์นั่นไปมีโอกาสปรากฏตัวสูงมาก ถึงตอนนั้นคุณชายอย่างข้าค่อยสังหารมัน แล้วค่อยเก็บหินนิรันดร์และกระบี่ตรีภพเข้ากระเป๋าให้หมด!”