มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake - บทที่ 1955
สมกับที่เป็นการถ่ายทอดสืบสานที่มาจากโลกมหาเสวียนจริง ๆ เคล็ดเซียนยอดหก!
เคล็ดเซียนหกระดับที่กล่าวถึงนั้นสามารถทำให้นักยุทธ์ฝึกถึงแดนเทพมารระดับหก และทันทีที่ฝึกเคล็ดเซียนยอดหกจนบรรลุเป็นเทพมารระดับหก ก็จะกลายเป็นผู้แข็งแกร่งในเทพมารระดับหก มิเช่นนั้นก็ไม่มีทางได้รับราชทินนามมกุฎเทพในโลกมหาเสวียนได้แน่นอน
ในขณะเดียวกันเมื่อสืบสาวเรื่องราวถึงแก่นแท้ หลัวซิวก็เข้าใจแล้วว่าสาเหตุที่ชายหนุ่มชุดม่วงนั่นสามารถยึดกุมกระบี่ตรีภพได้นั้น เป็นเพราะชายหนุ่มชุดม่วงนั่นฝึกเคล็ดตรีภพโกลาหล อีกทั้งฝึกถึงร่างเทวอลวน!
มีกฎตรีภพแฝงซ่อนอยู่ในร่างเทวอลวน ซึ่งสอดคล้องกับกฎตรีภพ ดังนั้นจึงไม่ถูกกระบี่ตรีภพกีดกัน
ซึ่งเช่นนี้ก็หมายความว่าหากหลัวซิวสามารถทำให้ตัวเองยึดกุมกฎตรีภพได้ เขาก็สามารถยึดกุมกระบี่ตรีภพได้เช่นกัน
แตกต่างจากหินนิรันดร์ กระบี่ตรีภพเล่มนี้คืออาวุธดุดันที่ใช้สำหรับการเข่นฆ่า มีพลานุภาพไร้ขอบเขต ส่วนหินนิรันดร์นั้นเด่นในเรื่องการช่วยเหลือมากกว่า ทำให้ประสิทธิผลในร่างอมตะของเขาเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว
“เช่นนี้ก็หมายความว่า ชายหนุ่มชุดม่วงนั่นอาจจะเป็นคนรุ่นหลังของผู้ทรยศที่เจ้าหมายถึงสินะ?”หลัวซิวพูด
“ไม่มีผิดแน่ สายเลือดของพวกข้าแทบจะสูญสิ้นไปหมดแล้ว ถึงแม้จะมีคนรอดชีวิตมาได้อย่างข้า ก็ไม่มีทางอยู่ในตระกูลหงได้แน่นอน”หงเทียนพูดด้วยอารมณ์ที่เปี่ยมล้นไปด้วยความโกรธแค้น
“เช่นนั้นเดี๋ยวข้าจักช่วยเจ้าสังหารมันเอง!”
หลัวซิวหรี่ตาลง ก่อนจะบอกให้จีเสี่ยวจื่ออยู่ที่นี่อย่าขยับไปที่ใด จากนั้นปีกเทพไร้มลทินก็สั่นเทิ้มอย่างรวดเร็ว แล้วพุ่งตรงไป
ชายหนุ่มชุดม่วงกำกระบี่ผงาดตรีภพไว้ในมือพลางแหงนหน้าขึ้นฟ้าพลางคำรามเสียงดังลั่น มาตรแม้นว่าเป็นบุคคลที่เกะกะระรานอย่างพระโอรสจ้านเทียนและมู่ช่าวหวง ก็ไม่กล้าต่อกรกับกระบี่ผงาดที่อยู่ในมือเขาโดยตรง
ทุกจุดของห้วงดาราล้วนเต็มเปี่ยมไปด้วยคราบเลือดและเศษซากอวัยวะต่าง ๆ วัยรุ่นผู้มีความฉลาดเป็นเลิศที่ตายอยู่ในกำมือของชายหนุ่มชุดม่วงผู้นี้มีนับร้อยแล้ว!
การเปิดออกของแดนเทวนิรันกาลในครั้งนี้ พูดได้เลยว่าวัยรุ่นผู้มีความฉลาดเป็นเลิศจากสำนักจักรพรรดิและแดนศักดิ์สิทธิ์ต่าง ๆ เสียหายย่อยยับเลย แต่ทว่าถึงแม้จะมีคนตายเยอะเช่นนี้ ทว่าเพื่อกระบี่เทวตรีภพในตำนาน คนอื่นที่เหลือก็ยังคงลงมืออย่างบ้าคลั่งอยู่เช่นเคย
“ไอ้พวกสวะ อย่างพวกมึงก็คู่ควรกับการแก่งแย่งสมบัติกับโอรสสวรรค์โชคลาภอย่างกูหรือ?”
มีกระบี่ผงาดอยู่ในมือ สีหน้าท่าทางของชายหนุ่มชุดม่วงดูประมาทเลินเล่ออย่างมาก ราวกับว่าอัจฉริยะผู้มีความฉลาดเป็นเลิศทั้งโลกล้วนไม่ถูกเขานำไปไว้ในสายตา ดูหมิ่นดูแคลนอย่างยิ่ง
“มึงอย่าได้หลงระเริงมากนัก ถ้าเกิดไม่อาศัยกระบี่เทวเล่มนั้น พระโอรสอย่างกูสามารถฆ่ามึงได้ง่ายดั่งบีบลูกไก่ตัวหนึ่งให้ตายเลย!”
พระโอรสจ้านเทียนโกรธเกรี้ยวอย่างยิ่ง กำลังรบของเขาเกะกะระรานอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ แต่ทว่าเนื่องจากเกรงกลัวความเฉียบคมของกระบี่ผงาดตรีภพ ทุกครั้งที่ลงมือล้วนทำได้เพียงหลบหลีก ซึ่งทำให้เขารู้สึกอัดอั้นตันใจมาก
วัยรุ่นผู้มีความฉลาดเป็นเลิศจำนวนมากสกัดกั้นอยู่ทั่วทั้งสี่ทิศ แต่ดูเหมือนกับว่าจะไม่มีผู้ใดกล้าเข้าไปอีกแล้ว มีเพียงพวกพระโอรสจ้านเทียน มู่ช่าวหวงและเสิ่นปิงหยูเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่ยังคงร่วมมือกันถูกโจมตีเขาอยู่
“เสิ่นปิงหยู หากเจ้ายอมศิโรราบต่อคุณชายอย่างข้า อนาคตข้าจักช่วยให้เจ้าได้กลายเป็นเจ้าอาจารย์ของวังมหาวาล!”ชายหนุ่มชุดม่วงยิ้มพลางพูดอย่างหยิ่งผยอง
เสิ่นปิงหยูนิ่งเงียบไม่พูดอะไร ภายในดวงตาที่งดงามคู่นั้นมีเพียงความเย็นเยือก ตำหนักปีศาจหลอมที่อัดแน่นไปด้วยพลังเทพกดอัดไปพร้อมกับเสียงดังสะเทือนเลื่อนลั่น
“นังผู้หญิงที่ไม่รู้จักความดีความชั่ว ที่คุณชายอย่างข้าต้องตาเจ้านั้นคือความโชคดีของเจ้า!”
มีรังสีแห่งความเยือกเย็นกระพริบผ่านไปในดวงตาของชายหนุ่มชุดม่วง ฟาดฟันกระบี่ตรีภพออกไป ปราณกระบี่ซัดสาด ผ่าสับตำหนักปีศาจหลอมจนกระเด็นออกไปในทันที
อำนาจบารมีของกระบี่ตรีภพน่าสยดสยองถึงขีดสุด ของขลังจ้าวมหาเทพที่มหาจักรพรรดิยุทธ์มหาวาลฝึกเซ่นก่อนบรรลุมรรคผลถึงกับแตกแยกออกเป็นรอยร้าว
“ไปตายซะไอ้เวร!”
มู่ช่าวหวงควบคุมเรือรบทองคำพุ่งตรงมาจากด้านหลัง เรือรบใหญ่โตมโหฬารอย่างยิ่ง บดขยี้อนัตตาที่ไร้ขอบเขตจนแตกสลาย เมื่อเขาที่ยโสโอหังเห็นว่าชายหนุ่มชุดม่วงจองหองพองขนเช่นนี้ เขาก็โกรธเกรี้ยวถึงขีดสุดเช่นกัน
“ชัวะ!”
ชายหนุ่มชุดม่วงง้างมือขึ้นมาแล้วฟันปราณกระบี่ตรีภพออกไป จิตสังหารที่น่าสยดสยองอย่างไร้ขอบเขตซัดสาดปะทุขึ้นอย่างฉับพลัน ทิ้งร่องรอยกระบี่ที่สะดุดตาไว้บนเรือรบของมู่ช่าวหวงหนึ่งรอย ส่วนสีหน้าของมู่ช่าวหวงที่ยืนอยู่บนดาดฟ้าเรือรบนั้นยิ่งขาวซีดลงไป และมีเลือดไหลออกมาจากมุมปาก