มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake - บทที่ 1956
“ท่าฉีกนภาพลิกบัติ!”
พระโอรสจ้านเทียนเท้าย่ำอนัตตาแล้วพุ่งฆ่าเข้ามา มือทั้งสองข้างประสานอิน ปลดปล่อยพลังอมตะที่มหาจักรพรรดิยุทธ์จ้านเทียนริเริ่มออกไป มือทั้งสองข้างประสานกันเป็นวิชาตราประทับหนึ่ง วิชาตราประทับทะลุฟ้า สรรพสิ่งสงบรำงับ จิตรบสูงเทียมเมฆ
“บรรพบุรุษมหาจักรพรรดิยุทธ์จ้านเทียนของมึง จักเทียบเคียงบรรพบุรุษมหาจักรพรรดิยุทธ์โกลาหลในตระกูลหงของพวกกูได้อย่างไร?”
ชายหนุ่มชุดม่วงดูถูกดูแคลนมาก พลางพลิกหมุนกระบี่ตรีภพที่อยู่ในมือ “โกลาหลหักเซียน!”
เขาฟาดฟันกระบี่หนึ่งออกไป ชี่ม่วงโกลาหลอันไร้ขอบเขตมโหฬารพันลึก เมื่อชี่ม่วงโกลาหลทั้งหมดดิ่งลงมาล้วนสามารถทะลุปริภูมิ หนักราวมีกำลังหลายร้อยล้านชั่ง
หนึ่งกระบี่สะเทือนนภา ชี่ม่วงโกลาหลที่นับไม่ถ้วนกลายเป็นแสงกระบี่ พร้อมกับอำนาจบารมีของกระบี่ผงาดเลิศที่สามารถสังหารเซียนทลายเทพ!
“เกราะเทพพลิกบัติ!”
พระโอรสจ้านเทียนตวาดเสียงดังลั่น แล้วปลดปล่อยพลังอมตะคุ้มกันไว้ด้านนอกของเกราะเทพระดับเจ้ายุทธจักรอีกหนึ่งชั้น พลางกระตุ้นพลานุภาพของเกราะเทพระดับเจ้ายุทธจักรให้ถึงขีดสุด จะฝืนต้านรับการโจมตีจากกระบี่ผงาดตรีภพ
“เตี๊ยง!”
วิชาตราประทับของพระโอรสจ้านเทียนปะทะเข้ากับปราณกระบี่สีม่วง เหมือนดั่งดวงดาวสองดวงพุ่งชนกัน จนมีแสงเทวที่สูงเทียมฟ้ากระเด็นออกไปทั่วทุกทิศ แสงเทวทั้งหมดทะลวงห้วงดารา สั่นสะเทือนจนทำให้ผู้คนที่อยู่บริเวณรอบ ๆ ต่างพากันหลบหลีก
หลังจากผ่านไปพักหนึ่ง ปราณกระบี่สีม่วงก็หายวับไป เห็นได้เลยว่าพระโอรสจ้านเทียนต้านทานการโจมตีในครั้งนี้ไว้ได้แล้วจริง ๆ ทว่าตัวเขาเองก็สาหัสไม่น้อยเช่นกัน ร่างกายกระเด็นออกไปพร้อมกับกระอักเลือด เกราะเทพระดับเจ้ายุทธจักรที่อยู่บนตัวถูกโจมตีจนแตกออกเป็นรอยร้าวหนึ่งจุด ปราณกระบี่จึงทะลุผ่านรอยร้าวนั่นแล้วตัดสับเข้าไปในร่างกายของพระโอรสจ้านเทียน ทำให้เลือดพุ่งกระฉูด
“ศักยภาพแค่นี้ก็บังอาจแทนตัวเองว่าเป็นอัจฉริยะอันดับหนึ่งอย่างนั้นหรือ? ก็เป็นเพียงหมูหมากาไก่กระจอก ๆ เท่านั้นแหละ!”ชายหนุ่มชุดม่วงแสยะยิ้มอย่างดูหมิ่น ก่อนจะยกนิ้วชี้ไปทางพวกมู่ช่าวหวง “ยอมศิโรราบต่อข้า แล้วคุณชายอย่างกูจักไว้ชีวิตพวกมึง!”
“อนาคตคุณชายอย่างกูต้องได้กลายเป็นมหาจักรพรรดิยุทธ์อย่างแน่นอน และยิ่งมีโอกาสก้าวเดินออกไปจากมหาโลกาพันสาม เข้าสู่โลกมหาศักดิ์ในตำนาน หากพวกมึงยอมศิโรราบต่อคุณชายอย่างกู ต่อไปก็จะสามารถทำสงครามปราบปรามไปพร้อมกู แล้วพวกมึงทุกคนจะกลายเป็นขุนนางสำคัญที่คอยปฏิบัติภารกิจอยู่เคียงข้างกายมหาจักรพรรดิยุทธ์!”
เขา ณ วินาทีนี้ให้ความรู้สึกเหมือนเป็นผู้ชี้ขาดเรื่องสำคัญและมีจิตใจเร่าร้อนฮึกเหิม ราวกับว่าเขากลายเป็นมหาจักรพรรดิยุทธ์ผู้ไร้เทียมทานในห้วงดาราแล้วยังไงอย่างนั้น และดูหมิ่นสรรพสิ่งทั้งหลายในใต้หล้า
สีหน้าของวัยรุ่นผู้มีความฉลาดเป็นเลิศทุกคนล้วนดูย่ำแย่อย่างยิ่ง เจ้าหมอนี่มันกําเริบเสิบสานมากเกินไปแล้วจริง ๆ !
ทว่าผู้คนกลับปฏิเสธไม่ได้ว่าศักยภาพของชายหนุ่มชุดม่วงที่ยึดกุมกระบี่ตรีภพอยู่ในมือเกะกะระรานจนน่ากลัวจริง ๆ ไม่เห็นหรือไงว่าแม้แต่พระโอรสจ้านเทียนยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา?
และแล้วในเวลานี้เอง แสงกลดวงหนึ่งก็พุ่งตรงเข้ามาด้วยความเร็วที่รวดเร็วอย่างมาก มาถึงภายในชั่งลมหายใจเดียว ปรากฏเหนือศีรษะชายหนุ่มชุดม่วงนั่นโดยตรง
“วัฏสงสาร!”
หอกมังกรสีแดงมืดเล่มหนึ่งทิ่มแทงลงกลางกะโหลกศีรษะของชายหนุ่มชุดม่วงนั่น และมีเงาสะท้อนของวัฏสงสารปรากฏอยู่ด้านหลังหลัวซิว
กระบี่ผงาดตรีภพนั้นยอดเยี่ยมมากจริง ๆ แม้แต่หลัวซิวก็ไม่กล้าประมาท ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงใช้พลังเงาสะท้อนของวัฏสงสารที่อยู่ในลูกแก้วความเป็นตาย ใช้พลังของเกณฑ์วัฏสงสารไปต้านทานเกณฑ์ตรีภพของกระบี่ผงาดเล่มนั้น
ด้วยการปลุกเสกของวัฏสงสาร หอกที่อยู่ในมือหลัวซิวราวกับกลายเป็นศัสตราวุธไร้เทียมทาน หอกมังกรสีแดงเลือดราวกับกลายเป็นมังกรแท้ตัวหนึ่ง ทำลายล้างสรรพสิ่งทั้งหลายในโลก แบกรับเวไนยสัตว์ทั้งปวงในใต้หล้านี้ เมื่ออสูรจิตทุกดวงที่เผชิญหน้ากับวัฏสงสาร ล้วนจะรู้สึกว่าตนเองนั้นต่ำต้อยเล็กน้อยอย่างยิ่ง
“เป็นเพียงตัวตลกกระจอก ๆ ก็บังอาจจู่โจมคุณชายอย่างกูอย่างนั้นหรือ?”
ชายหนุ่มชุดม่วงดูหมิ่นดูแคลน ปราณกระบี่ตรีภอีกหนึ่งเล่มพุ่งทะยานขึ้นฟ้า เนื่องจากมูลเหตุผลการฝึกตนของเขา ทำให้พลังแห่งเกณฑ์ที่แฝงซ่อนอยู่ในปราณกระบี่ตรีภพมีน้อยนิดมาก แต่ทว่ามันก็ไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ เช่นกัน มีพลานุภาพเป็นหนึ่งไม่เป็นสอง
“ตู้มม!”
จากการที่มีเสียงดังสะเทือนเลื่อนลั่นไปทั่วพื้นปฐพีดังขึ้น หอกมังกรแดงมืดปะทะเข้ากับปราณกระบี่ตรีภพ พลังแห่งเกณฑ์ของวัฏสงสารและตรีภพที่ไร้รูปก็ปะทะกันอย่างดุเดือด