มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake - บทที่ 1970
อีกฝั่งหนึ่ง ศิษย์น้องของเสิ่นปิงหยูก็กำลังมองไปทางเงาหลังของหลัวซิวด้วยสายตาที่เลื่อมใสศรัทธาเช่นกัน ผู้ที่ถูกขนานนามว่าเป็นผู้ไร้เทียมทานในหมู่อัจฉริยะผู้มีความฉลาดเป็นเลิศ ถูกลิขิตไว้แล้วว่าจะกลายเป็นตำนานเรื่องหนึ่ง
โอรสสวรรค์โชคลาภถูกสังหาร พระโอรสจ้านเทียนหลบหนี จุดจบเช่นนี้ล้วนอยู่เหนือการคาดหมายของทุกคน
สายตาจำนวนมากต่างเขม็งมองไปทางเงาร่างที่กำลังนั่งขัดสมาธิอยู่บนกลุ่มเมฆ จิตใจของคนจำนวนไม่น้อยต่างสั่นคลอนอย่างควบคุมไม่ได้
มาตรแม้นว่าพระโอรสจ้านเทียนนั่นจะได้รับสมญานามว่าเป็นอัจฉริยะอันดับหนึ่ง แต่ก็ไม่เคยถูกผู้อื่นเทิดทูนว่าเป็นผู้ไร้เทียมทานมาก่อน เนื่องจากในวัยรุ่นยุคใหม่มีผู้ที่เป็นผู้ภาคภูมิของสวรรค์จำนวนมากต่างคิดว่าตนเองไม่อ่อนกว่าผู้ใด ยกตัวอย่างเช่นมู่ช่าวหวงนั่น ก็เคยลงไม้ลงมือกับพระโอรสจ้านเทียนอย่างยิ่งใหญ่มาก่อนเช่นกัน
แต่ทว่าเมื่อเผชิญหน้ากับหลัวซิวที่อยู่ตรงหน้า กลับไม่มีผู้ใดกล้าลงมือ ซึ่งนี่ก็คือความน่าเกรงขามของผู้ไร้เทียมทาน!
เวลาล่วงเลยไปโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว ทัณฑ์สายฟ้าพิโรธยังคงดำเนินการต่อไปเรื่อย ๆ กระทั่งเสิ่นปิงหยูข้ามผ่านทัณฑ์สำเร็จ ตั้งแต่เริ่มต้นจนกระทั่งถึงบัดนี้ไม่มีผู้ใดกล้าลงมืออีกเลย
ในช่วงเวลานี้บาดแผลของหลัวซิวก็ฟื้นฟูกลับมาเล็กน้อยเช่นกัน ทว่าสำหรับระยะห่างของการฟื้นฟูกลับคืนสู่สภาพเดิมอย่างสมบูรณ์นั้น ยังต้องใช้เวลาอีกระยะหนึ่ง
อย่างไรซะร่างกายก็ถูกตัดออกเป็นสองท่อนโดยกระบี่ตรีภพ สภาพอาการบาดเจ็บเช่นนี้ หากเปลี่ยนเป็นคนอื่นเกรงว่าคงตายไปตั้งนานแล้ว การที่เขายังมีชีวิตอยู่ อีกทั้งยังสามารถฟื้นฟูสู่สภาพเดิมโดยสิ้นเชิงได้นั้น ก็ถือว่าทำลายกฎธรรมชาติมาก ๆ แล้ว ในส่วนของการจะฟื้นฟูสู่สภาพเดิมภายในระยะเวลาสั้น ๆ นั้น กลับเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้
อัจฉริยะผู้มีความฉลาดเป็นเลิศจำนวนมากต่างส่ายหน้า ก่อนจะพากันถอยกลับ ถึงแม้จะมีคนจำนวนมากตายใจจากกระบี่ตรีภพไม่ได้ก็ตาม ทว่ากลับไม่มีผู้ใดกล้าลงมือ
ยิ่งกว่านั้นคือขาวลือเล่ากันว่าสมบัติล้ำค่าอีกชิ้นหนึ่งอย่างหินนิรันดร์ ก็อยู่ในกำมือของคนดังกล่าวเช่นกัน
หลังจากข้ามผ่านทัณฑ์สำเร็จ บุคลิกลักษณะของเสิ่นปิงหยูก็ดูโดดเด่นมากยิ่งขึ้น นางฝึกพลังจักรพรรดิมหาวาลโดยสองขั้วอัคคีเยือก คนส่วนมากจึงเห็นเพียงด้านที่เย็นเยือกดุจเทพธิดาของนาง กลับไม่เห็นอุปนิสัยที่กระตือรือร้นดุจไฟของนาง
เมื่อทราบว่ากระบี่ตรีภพถูกหลัวซิวควบคุมแล้ว เสิ่นปิงหยูก็รู้สึกตะลึงเล็กน้อย หลัวซิวสามารถสัมผัสได้อยู่ว่าแววตาที่นางมองตนเองนั้นมีความเร่าร้อนปนอยู่เล็กน้อย เห็นได้ชัดเจนเลยว่านางรู้สึกสนใจต่อกระบี่ผงาดตรีภพเล่มนี้มาก ๆ
“หากอยากควบคุมกระบี่ตรีภพ สิ่งแรกที่ต้องมีคือร่างตรีภพ ถึงแม้ข้าจักเอามันให้เจ้า เจ้าก็ใช้งานมันไม่ได้อยู่ดี”
หลัวซิวยิ้มพลางส่ายหน้า เขาเข้าใจดีมาก ๆ ว่าเสิ่นปิงหยูเป็นผู้หญิงที่มีความทะเยอทะยานคนหนึ่ง มาตรแม้นว่าอนาคตนางจะกลายเป็นเจ้าอาจารย์ของวังมหาวาล ทว่ามันก็ไม่ใช่เป้าหมายสุดท้ายของนาง
“ข้าเชื่อว่าท่านต้องมีวิธีแน่นอน”เสิ่นปิงหยูเขม็งมองหลัวซิวด้วยแววตาที่ร้อนผ่าว
ณ บัดนี้บริเวณรอบ ๆ ไร้ซึ่งผู้คนแล้ว เสิ่นปิงหยูที่ยืนอยู่ตรงหน้าหลัวซิวไม่เหมือนภูเขาหิมะที่เยือกเย็นดุจเทพธิดาแล้ว มากกว่านั้นคือภายในน้ำเสียงยังมีความเพริศพริ้งปนอยู่เล็กน้อยด้วย “ขอเพียงท่านช่วยข้า ข้าสามารถตกลงทุกเงื่อนไขของท่าน”
“เงื่อนไขใดก็ได้หรือ?”หลัวซิวยักคิ้วทีหนึ่ง พลางกวาดตามองรูปร่างที่งดงามของเสิ่นปิงหยูตั้งแต่หัวจรดเท้าอย่างมีเลศนัยรอบหนึ่ง
“เงื่อนไขใดก็ได้!”และคำตอบของเสิ่นปิงหยูก็อยู่ในการคาดหมายของหลัวซิวเช่นกัน นาง ณ วินาทีนี้ราวกับว่าหลัวซิวแค่ผงกหัว ก็สามารถดื่มด่ำกับเรือนร่างที่งามบริสุทธิ์และเย้ายวนนั่นของนางได้อย่างเต็มที่
และแล้วหลัวซิวก็ยังคงส่ายหน้าเช่นเคย “เจ้ารู้สึกว่าเจ้ามีเงื่อนไขอะไรที่สามารถแลกเปลี่ยนกับกระบี่ตรีภพในมือข้าหรือ? เจ้าทราบมูลค่าของกระบี่ตรีภพหรือไม่?”
หลัวซิวไม่ใช่คนเหลวไหลมักมากในกามคุณ สำหรับเสิ่นปิงหยูนั้น มากสุดก็เป็นได้เพียงสหายธรรมดาคนหนึ่งเท่านั้น ยังไม่ถึงขั้นมอบสมบัติไร้เทียมทานให้แล้วเปิดอกปฏิบัติต่อกันด้วยน้ำใสใจจริง
“ตำนานเล่ากันว่าสมบัติล้ำค่าสามชิ้นในแดนเทวนิรันกาล เป็นสมบัติล้ำค่าที่กำเนิดมาจากกฎฟ้าดินดั้งเดิม และมีข่าวลือเล่ากันว่าสมบัติล้ำค่าสามชิ้นนี้อยู่เหนือกฎฟ้าดิน เป็นภัณฑ์เซียนล้ำค่าที่แม้แต่มหาจักรพรรดิยุทธ์ผู้ไร้เทียมทานยังใฝ่หาแม้ในยามหลับฝัน!”
จากตัวตนของเสิ่นปิงหยู นางก็ต้องเป็นผู้มีความรู้และประสบการณ์กว้างขวางอยู่แล้ว แม้จะไม่ทราบการคงอยู่ของพลังแห่งเกณฑ์ ทว่าก็ทราบความล้ำค่าและการไม่สามารถประมาณค่าของกระบี่ตรีภพอยู่