มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake - บทที่ 2029
มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 2029
“กงล้อตายเกิด!”
หลัวซิวหกระเหินเดินฟ้า กฎต่าง ๆ พรั่งพรูออกมาจากร่างกายเขา ผสมผสานกันอยู่หลังศีรษะ และกลายเป็นวัฏจักรการเวียนว่ายตายเกิด
วัฏจักรการเวียนว่ายตายเกิดค่อย ๆ หมุน มีความลี้ลับอย่างไร้ขอบเขต กฎทั้งสองประเภทนี้ผสมผสานเข้าด้วยกัน จนกำเนิดเป็นพลังแห่งวัฏสงสารหนึ่งพลัง กฎทั้งสองประเภทที่มีระดับเป็นกฎดั้งเดิมขั้น 5 ปลดปล่อยพลานุภาพที่เทียบเท่ากฎขั้น 6 ช่วงปลายออกมา
เขาไม่ได้ใช้ของขลังอาวุธสงครามใด ๆ อาศัยเพียงฝ่ามือสองข้าง รับมือกับมกุฎเทพสามคน
“ตู้มม!”
คลื่นพลังม้วนซัดออกไปอย่างโหดร้ายไร้ขอบเขต ออร่าที่น่าสยดสยองปะทุออก ฝ่ามือทั้งสองข้างของหลัวซิวครอบคลุมพื้นที่กว้างใหญ่มาก และวิวัฒนาการเป็นพลังอมตะต่าง ๆ ความลึกซึ้งและประณีตสวยวิจิตรของพลังอมตะต่าง ๆ ล้วนไม่ด้อยกว่าพลังอมตะระดับจักรพรรดิเทพ!
ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม! ……
ภายใต้การกดอัดของฝ่ามือใหญ่ ของขลังศัตราวุธราชาแต่ละชิ้นล้วนถูกบดขยี้ ออร่ารอบกายหลัวซิวน่าเกรงขาม กฎปริภูมิและกฎความเร็วปะทุออกมาพร้อมกัน ทำการครอบคลุมมกุฎเทพคนหนึ่งเอาไว้
เสียงพึบพับดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง ภายในเวลาชั่วพริบตาเดียว หลัวซิวก็ชักฝ่ามือกลับมา ผู้แข็งแกร่งมกุฎเทพคนดังกล่าวถูกปราณกระบี่ตัดสับจนรูปร่างไม่เหมือนมนุษย์อีกต่อไปแล้ว
ถัดจากนั้นเขาก็ใช้มือข้างหนึ่งประสานอิน ก่อนจะปล่อยฝ่ามือออกไป วงล้อชีวิตแห่งเหล่าเทวเทพปรากฏ บดขยี้อุปสรรคทั้งปวง โจมตีมกุฎเทพอีกคนหนึ่งจนร่างกายกระเด็นออกไป ร่างเนื้อแตกสลาย ร่างตายธรรมสูญ
“ข้าเคยให้โอกาสพวกเจ้าแล้ว ทว่าพวกเจ้ากลับไม่รักษาโอกาสเอง จึงทำได้เพียงใช้เลือดย้อมห้วงดาราแห่งนี้แล้วล่ะ”
หลัวซิวลงมือโจมตีอย่างสุขุม หอคอยเวทย์หลังหนึ่งถูกเขาพังทลายไปในกำปั้นเดียว ชี่จิ้งที่ถูกปล่อยออกมาจากกำปั้นกลายเป็นพลังกระบี่ ทำให้ศีรษะของผู้แข็งแกร่งมกุฎเทพคนที่สามระเบิดแตก เลือดสีแดงสดสาดกระเด็น
อสูรดูดจิตปรวนแปรกลับไปเป็นร่างเดิม ยาวหลายร้อยเมตร ทันทีที่อ้าปากราวกับสามารถกลืนกินพระจันทร์ดวงอาทิตย์
“เวิ่ง!”
ทันใดนั้นเอง ฝ่ามือของหลัวซิวก็ปกคลุมท้องฟ้า จากนั้นดาราแต่ละดวงที่แวววาวจับตาก็ปรากฏกลางฝ่ามือเขา ราวกับว่าเขาใช้ฝ่ามือเพียงข้างเดียวก็ควบคุมห้วงดาราแห่งได้แล้วยังไงอย่างนั้น
ดาราทั้งหมดนี้ ส่วนมากล้วนเป็นดาราที่ผนึกรวมมาจากเคล็ดแสงดาวเทียนเต้าและเคล็ดวิชาจุดลมปราณที่เขาฝึก ดาราทุกดวงล้วนผ่านการฝึกฝนและทดสอบอย่างโชกโชนในร่างกายเขา มีการปลุกเสกจากกฎฟ้าดินที่สมบูรณ์แบบ ทำให้พลานุภาพของมันเพียงพอที่จะเทียบทัดศัตราวุธราชาชั้นสูง
ปัจจุบันแดนเทพฟ้าของเขาฝึกจนถึงแดนบริบูรณ์แล้ว ดารา 72 ดวงเท่ากับศัตราวุธราชา 72 ชิ้น ควบคู่กับการใช้วิถีค่ายที่ลึกซึ้งเรียงรายเป็นค่ายกล ทำให้พลานุภาพยิ่งใหญ่จนหาที่เปรียบไม่ได้
ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม!
ดาราที่ลอยเต็มท้องฟ้าร่วงหล่นลงมา ในจำนวนทั้งหมดยิ่งมีเงาลวงของดาราโบราณมกุฎเทพ ภายในมีดาราโบราณสี่ดวงยิ่งเป็นดาราแท้ เป็นของขลังจ้าวมหาเทพ ยิ่งกว่านั้นคือพลานุภาพของการโจมตีหนึ่งสามารถทำลายล้างโลกาอย่างโลกแสงดาวได้!
ภาพเหตุการณ์ที่เหมือนดั่งโลกแตกนี้ มันน่าสยดสยองอย่างไร้ขอบเขตจริง ๆ ทำให้สีหน้าของเจ้าสำนักอิมเอี๊ยงและเหล่าผู้แข็งแกร่งแทบจะเปลี่ยนไปภายในพริบตา ยอดฝีมือของสำนักอิมเอี๊ยงที่พวกเขาพามาด้วยเสียชีวิตอย่างน่าอนาถไปไม่รู้เท่าไหร่ ถูกดาราบดขยี้ร่างเนื้อ ทำลายล้างวิญญาณดั้งเดิม
ในที่สุดเจ้าสำนักอิมเอี๊ยงก็นิ่งดูดายต่อไปไม่ไหวแล้ว เดิมทีคิดว่าการนำกระบวนทัพที่แข็งแกร่งเช่นนี้มา ต้องสามารถทำให้ผู้ควบคุมสำนักหนานเหมินยอมก้มหัวให้ได้แน่นอน แต่ทว่ากลับนึกไม่ถึงเลยว่าศักยภาพของฝ่ายตรงข้ามจะทรงพลังเช่นนี้
ยังหนุ่มเช่นนี้ ทว่าศักยภาพกลับน่าทึ่งอีก ต่อให้เจ้าสำนักอิมเอี๊ยงใช้หัวแม่เท้าคิดยังคิดได้เลยว่าคนดังกล่าวมีโอกาสเป็นอัจฉริยะที่มาจากโลกาชั้นฟ้าสูงมาก!
“เมื่อวางแผนตามสถานการณ์ตรงหน้าก็มีเพียงฆ่ามันเท่านั้น! สถานที่ดังกล่าวอยู่ห่างไกลจากโลกะอิมเอี๊ยงอย่างยิ่ง หากสังหารมันที่นี่ กองกำลังโลกาชั้นฟ้าที่อยู่เบื้องหลังมันก็ไม่มีทางสืบสาวมาถึงสำนักอิมเอี๊ยงของเราได้แน่นอน!”
เจ้าสำนักอิมเอี๊ยงค่อย ๆ ลุกตัวขึ้น เขาตัดสินใจที่จะลงมือด้วยตนเองแล้ว อย่างไรเสียผู้ที่เขาพามาล้วนเป็นกำลังที่เป็นแกนสำคัญของสำนักอิมเอี๊ยง หากตายและบาดเจ็บมากเกินไป มาตรแม้นว่าด้วยภูมิฐานของสำนักอิมเอี๊ยง มันก็เป็นการสูญเสียที่ใหญ่โตมาก ๆ อยู่ดี