มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake - บทที่ 2030
มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 2030
“หึ่ง!”
เจ้าสำนักอิมเอี๊ยงโคจรวรยุทธ์ ก่อนจะมีพระอาทิตย์สีทองเก้าดวงปรากฏหลังศีรษะเขา
ซึ่งนี่ก็คือวรยุทธ์ของสำนักอิมเอี๊ยง เป็นวรยุทธ์ระดับจ้าวมหาเทพวรยุทธ์หนึ่ง เล่ากันว่าเป็นการถ่ายทอดสืบสานที่ผู้แข็งแกร่งจ้าวมหาเทพผู้บุกเบิกโลกะอิมเอี๊ยงทิ้งไว้
และสิ่งที่วรยุทธ์ดังกล่าวฝึกก็คือกฎไท่หยางของไท่หยินและไท่หยาง นอกเหนือจากสี่กฎชั้นยอดแล้ว เรียกได้เลยว่ากฎไท่หยางเป็นกฎที่ทรงพลังอย่างยิ่ง ซึ่งอยู่เหนือกฎพื้นฐานทั้งเก้า
เก้าดวงอาทิตย์ลอยอยู่กลางอากาศ แสงแดดที่ร้อนแรงแผดเผานภา
การที่สามารถกลายเป็นเจ้าสำนักของสำนักอิมเอี๊ยงได้นั้น ศักยภาพต้องไม่ธรรมดาอยู่แล้ว บวกกับตัวเขาเองก็ฝึกวรยุทธ์ระดับจ้าวมหาเทพเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ในแดนมกุฎเทพขั้น 9 เขาเพียงพอที่จะปลดปล่อยศักยภาพออกมาถึงขีดสุด
ดาราที่ลอยเต็มท้องฟ้าถูกแผดเผาจนกลายเป็นเถ้าธุลีภายในพริบตา เจ้าสำนักอิมเอี๊ยงอาศัยผลการฝึกตนที่เกะกะระรานมากมายมหาศาลของตนเอง เพียงการโจมตีเดียวก็ทลายพลังอมตะผังดาวตกของหลัวซิวไปได้แล้ว
ร้องเฮือกทีหนึ่ง มีเสียงดังสะเทือนเลื่อนลั่นสะท้อนออกมาจากร่างกายหลัวซิว รัศมีของดาราทั้ง 72 ดวงต่างหม่นหมองลง เห็นได้ชัดเจนเลยว่าถูกพลังอมตะในเมื่อครู่นี้แผดเผา จึงส่งผลให้ถูกพลังแว้งทำร้าย
แต่ทว่าดาราแท้ของดาราโบราณทั้งสี่ดวงกลับไม่ได้รับผลกระทบมากนัก ดาราทุกดวงล้วนใหญ่โตอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ ภายใต้การโจมตีหนึ่ง สามารถทุบจนทำให้เกิดเป็นหลุมขนาดใหญ่กลางอนัตตาที่มีตรีภพซัดสาด
“ของขลังจ้าวมหาเทพ! ดูท่าเจ้าเป็นอัจฉริยะที่มาจากโลกาชั้นฟ้าจริง ๆ สินะ มีแม้กระทั่งของขลังจ้าวมหาเทพ!”
ในโลการะดับจ้าวมหาเทพ ผลการฝึกตนกึ่งจ้าวมหาเทพก็ถือเป็นขีดจำกัดสูงสุดแล้ว หากต้องการบรรลุเป็นจ้าวมหาเทพ ก็จำเป็นต้องอยู่ในมหาโลกาพันสามถึงจะสามารถทำได้
ดังนั้นในโลการะดับจ้าวมหาเทพ จึงหาพบของขลังจ้าวมหาเทพได้ยากมาก ๆ ทว่าสำนักอิมเอี๊ยงได้รับการถ่ายทอดสืบสานจากจ้าวมหาเทพ ในฐานะที่เป็นเจ้าสำนัก จึงมีสมบัติล้ำค่าระดับจ้าวมหาเทพเป็นเรื่องธรรมดาอยู่แล้ว!
“โครมม!”
เปลวไฟสีทองที่ไร้ขอบเขตลุกลาม ก่อนจะมีพระอาทิตย์ดวงที่สิบปรากฏเหนือศีรษะเจ้าสำนักอิมเอี๊ยง
ซึ่งดวงที่สิบนี้ก็คือหนึ่งในของขลังที่จ้าวมหาเทพอิมเอี๊ยงทิ้งไว้ เมื่อใช้ผลการฝึกตนมกุฎเทพขั้น 9 ของเขามาควบคุมกระตุ้นแล้ว ก็ยิ่งมีพลานุภาพที่สามารถทำลายล้างดารา!
กำลังรบของหลัวซิวสามารถเทียบทัดมกุฎเทพช่วงปลาย แต่ทว่าผลการฝึกตนของเขาต่ำเกินไป ซึ่งเป็นจุดอ่อนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเขา
ดังนั้นถึงแม้เขาจะสามารถควบคุมดาราโบราณมกุฎเทพสี่ดวงพร้อมกัน สิ่งที่พึ่งพาไม่ใช่ความแข็งแกร่งในผลการฝึกตนของตน แต่เป็นพลังอมตะอย่างสรรพสิ่งอิงหยินอุ้มหยางที่ทำให้ผลการฝึกตนของเขาไม่มีวันแห้งเหือด
ทว่าเจ้าสำนักอิมเอี๊ยงกลับแตกต่างกัน ผลการฝึกตนของเขาบรรลุถึงมกุฎเทพขั้น 9 ซึ่งห่างจากจ้าวมหาเทพอีกเพียงก้าวเดียวเท่านั้น อีกทั้งผลการฝึกตนบรรลุถึงแดนนี้มาหลายปี ทำให้สะสมผลการฝึกตนมาจนเพียบพร้อม สามารถปลดปล่อยพลานุภาพของของขลังจ้าวมหาเทพออกมามากถึงหกส่วน!
พระอาทิตย์ที่กลายมาจากของขลังจ้าวมหาเทพชิ้นนี้เป็นพระอาทิตย์สีม่วง แสงแดดที่ร้อนแรงแผดเผานภา อัคคีม่วงซัดสาด ทำการต้านทานดาราโบราณมกุฎเทพสี่ดวงเอาไว้ได้ภายในพริบตา
“ค่ายสำเร็จสี่ดาว!”
หลัวซิวตวาดอย่างเยือกเย็น ใช้วิถีแห่งค่ายควบคุมของขลัง เห็นเพียงดาราโบราณมกุฎเทพสี่ดวงหมุนเวียนร่วงหล่นลงมาอย่างต่อเนื่อง แทบจะทำให้ห้วงดาราแห่งนี้เละเทะไปหมด
ในขณะเดียวกัน หลัวซิวก็เรียกตำหนักวัฏสงสารออกมา ใช้ของขลังวัฏสงสารชิ้นนี้คุ้มกันร่าง ต้านทานการแผดเผาจากพระอาทิตย์สีม่วงที่ร้อนแรง มือกำหอกมังกรแดงมืดแล้วพุ่งเข้าไปสังหารเจ้าสำนักอิมเอี๊ยง
กำลังรบของเขาสามารถเทียบทัดมกุฎเทพช่วงปลายก็จริง แต่ทว่าเจ้าสำนักอิมเอี๊ยงกลับไม่ใช่มกุฎเทพช่วงปลายทั่วไป แต่เป็นมกุฎเทพขั้น 9 ดังนั้นเขาจึงจำเป็นต้องทุ่มสุดกำลังสามารถ ถึงจะมีโอกาสสังหารฝ่ายตรงข้าม
เนื่องจากผลการฝึกตนของตัวเองมีจำกัด จึงปลดปล่อยพลานุภาพของตำหนักวัฏสงสารออกมาได้เพียงส่วนน้อย ๆ เท่านั้น แต่จุดที่แข็งแกร่งของของขลังวัฏสงสารชิ้นนี้อยู่ที่มันกลายมาจากเศษชิ้นส่วนของวัฏสงสารโบราณ ซึ่งเป็นของขลังที่แทบจะไม่สามารถทำลายล้างได้ อย่าว่าแต่ของขลังจ้าวมหาเทพเลย ต่อให้เป็นศัสตราวุธชีวีของมหาจักรพรรดิยุทธ์ก็ไม่สามารถทำลายมันได้แม้แต่น้อย