มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake - บทที่ 2050
มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 2050
สำนักไท่ฉือตั้งตระหง่านและมั่นคงดั่งขุนเขาอยู่ในโลกะอัมพรเทวมาหลายสิบล้านปีโดยไม่ล่มจม ภูมิฐานแน่นลึกจนน่ากลัว จำนวนผู้แข็งแกร่งมกุฎเทพมีมากถึงมากที่สุด และยิ่งมีกึ่งจ้าวมหาเทพที่นอนหลับใหลมาหลายปีด้วย!
ต้องท้าวความก่อนว่าผู้แข็งแกร่งระดับกึ่งจ้าวมหาเทพนั้น ถือว่าตั้งตระหง่านอยู่ในจุดสูงสุดของโลกาจ้าวมหาเทพแล้ว เนื่องจากในโลกามนุษย์ไม่มีทางมีจ้าวมหาเทพปรากฏ ผู้แข็งแกร่งเช่นนี้จึงเพียงพอที่จะถูกขนานนามว่าเป็นผู้ไร้เทียมทาน
จากภูมิฐานของสำนักไท่ฉือ การที่มีบรรพอาจารย์ไร้เทียมทานนอนหลับใหลอยู่ท่านสองท่านนั้น มันเป็นเรื่องที่ปกติมาก ๆ
“คุณชาย จะปล่อยพวกมันไปอย่างนี้เลยหรือ?”ฉียู่หรงอดไม่ได้ที่จะถามอย่างรู้สึกสงสัย
“หากไม่ปล่อยพวกมันไปแล้วจะทำอะไรได้เล่า? เทพธิดาแห่งสำนักไท่ฉือนั่นก็รู้จักยับยั้งชั่งใจอยู่ ฆ่าหรือไม่ฆ่า มันก็ไม่มีความหมายอะไรมากนัก”หลัวซิวยิ้มพลางตอบกลับ
ภายในราชรถของเทพธิดาไท่ฉือ ฉีผิงสวี่ที่ใบหน้าขาวซีดยังคงรู้สึกหวาดกลัว เขามองท่านพี่ตนรอบหนึ่ง ก่อนจะกัดฟันแน่นแล้วพูด “ท่านพี่ จะปล่อยให้เรื่องนี้จบเช่นนี้ไม่ได้นะขอรับ เราไปเชิญท่านปู่กลับมา ต้องสามารถกำจัดไอ้สารเลวที่แซ่หลัวนั่นทิ้งได้อย่างแน่นอน!”
ซึ่งท่านปู่เขาก็คือผู้อาวุโสของสำนักไท่ฉือ อีกทั้งยังไม่ใช่ผู้อาวุโสทั่วไปด้วย แต่เป็นผู้อาวุโสที่มีผลการฝึกตนมกุฎเทพช่วงกลาง หากสามารถเชิญผู้แข็งแกร่งเช่นนี้ออกมาได้ มาตรแม้นว่าเป็นผู้เฒ่านภากาศที่คอยคุ้มครองตระกูลเทพสงครามอยู่ก็ต้องอ่อนข้อให้
ถึงแม้ต่างมีผลการฝึกตนมกุฎเทพช่วงกลางเหมือนกัน แต่วรยุทธ์ที่ผู้เฒ่านภากาศฝึกนั้น แตกต่างจากวรยุทธ์ที่ผู้อาวุโสของสำนักไท่ฉือฝึกอย่างแน่นอน ศักยภาพต่างกรรมต่างวาระเปรียบเทียบกันไม่ได้
“น้องชาย เจ้าคิดจริง ๆ หรือว่าเชิญท่านปู่มาแล้วจะสามารถกำจัดเขาได้?” ฉีเมี่ยวหลุนส่ายหน้าไปมา “คุณชายหลัวท่านนั้นดูเหมือนจองหองพองขน ทว่ามันต้องมีเหตุผลที่เขาทำตัวเช่นนี้แน่นอน หากข้าคาดเดาไม่ผิดละก็ เขาน่าจะเป็นอัจฉริยะผู้มีความฉลาดเป็นเลิศที่มาจากโลกาชั้นฟ้า”
“อัจฉริยะโลกาชั้นฟ้า?”สีหน้าของฉีผิงสวี่หยุดชะงักไป
“ถูกต้อง ก็มีเพียงอัจฉริยะผู้มีความฉลาดเป็นเลิศที่มาจากกองกำลังใหญ่ในโลกาชั้นฟ้าเท่านั้น ถึงจะไม่นำสำนักไท่ฉือไปไว้ในสายตา สำนักไท่ฉือของเราที่อยู่ในโลกามนุษย์แข็งแรงมาก ๆ ก็จริง แต่สำหรับกองกำลังในโลกาชั้นฟ้าที่มีผู้แข็งแกร่งจ้าวมหาเทพ ตลอดจนจักรพรรดิเทพคอยปกปักรักษาแล้ว เรากลับไม่มีค่าอะไรเลยด้วยซ้ำ”ฉีเมี่ยวหลุนถอนหายใจแล้วพูด
“หรือจะปล่อยให้เรื่องจบแค่นี้?”ฉีผิงสวี่กัดฟันแน่น รู้สึกไม่พอใจมาก ๆ หากหลัวซิวนั่นเป็นอัจฉริยะจากโลกาชั้นฟ้าจริง ๆ เช่นนั้นเขาก็เป็นผู้แข็งแกร่งที่รุกรานไม่ง่ายจริง ๆ
“ท่านพี่ ต่อให้มันเป็นอัจฉริยะจากโลกาชั้นฟ้า ใช่ว่าเราจะต้องเกรงกลัวมันเสมอไป ที่นี่ไม่ใช่โลกาชั้นฟ้าแต่เป็นโลกะอัมพรเทว! คนใหญ่คนโตตั้งแต่จ้าวมหาเทพเป็นต้นไปของโลกาชั้นฟ้าไม่สามารถลงมายังโลกามนุษย์ แล้วจะทำอะไรต่อสำนักไท่ฉือเราได้เล่า?”ฉีผิงสวี่กล่าว
“หากเจ้าคิดเช่นนี้ก็ผิดพลาดแล้วล่ะ การจำกัดของกฎเทียนเต้า ทำให้ผู้แข็งแกร่งตั้งแต่จ้าวมหาเทพไม่สามารถลงมายังโลกามนุษย์ก็จริง ทว่ามันก็ไม่ได้เป็นอย่างนั้นเสมอไป อีกทั้งหากผู้แข็งแกร่งจ้าวมหาเทพจ่ายด้วยราคาบางอย่างละก็ สามารถลงมือโจมตีในโลกามนุษย์ได้อยู่”
ฉีเมี่ยวหลุนยังคงส่ายหน้าแล้วพูดว่า: “เจ้าลืมแล้วหรือ เมื่อปีนั้นหลังจากดาราแห่งกาลเวลาเปิดออก ก็เคยมีคนใหญ่คนโตในโลกาชั้นฟ้าใช้อุบาย ปลดปล่อยพลังอมตะลงมา หากไม่ใช่เพราะถูกผู้แข็งแกร่งคนหนึ่งในวังมหาวาลต้านทานไว้ เกรงว่าผู้เสียชีวิตในขณะนั้นมีแต่จะเพิ่มมากยิ่งขึ้น”
ฉีผิงสวี่ไม่เห็นภาพเหตุการณ์เมื่อครั้นนั้นแต่อย่างใด เพราะจากปัญญาพรสวรรค์ของเขา ณ ขณะนั้นยังไม่มีสิทธิ์เข้าไปในดาราแห่งกาลเวลา
แต่ทว่าฉีเมี่ยวหลุนกลับได้พบเห็นด้วยตาตัวเอง หลิวเทียนลู่ดับสลายสูญสิ้น จึงมีจ้าวมหาเทพในมหาโลกายอดอัมพรจะลงมือฆ่าล้างอย่างโหดเหี้ยม ตอนนั้นถูกเสิ่นปิงหยูใช้เงาลวงของผู้อาวุโสท่านหนึ่งในวังมหาวาลต้านทานเอาไว้
และเป็นเพราะเหตุนี้นี่เอง ผู้คนในโลกามนุษย์จึงต้องเคารพยำเกรงเหล่ากองกำลังใหญ่ของโลกาชั้นฟ้า เนื่องจากแม้คนใหญ่คนโตเหล่านั้นจะลงมาโลกามนุษย์ง่าย ๆ ไม่ได้ แต่ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาไม่มีวิธีลงมายังโลกามนุษย์จริง ๆ