มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake - บทที่ 2051
การจำกัดของกฎเทียนเต้าและระเบียบกฎเป็นสิ่งที่ไม่สามารถต่อต้านและคัดค้านได้ ทว่ากลับใช่ว่าจะไม่มีวิธีหลบเลี่ยงและต่อต้านเสมอไป
“หรือว่าต้องกล้ำกลืนฝืนทนต่อเหตุการณ์ในครั้งนี้?”ฉีผิงสวี่ก็ยังคงไม่ยอมใจอยู่ดี “มันมาจากโลกาชั้นฟ้าจริง ๆ หรือไม่นั้นก็เป็นเพียงการคาดเดา หากก็ไม่ใช่อัจฉริยะผู้มีความฉลาดเป็นเลิศที่มาจากโลกาชั้นฟ้า เช่นนั้นเราก็เป็นการหลอกตนเองไม่ใช่หรือ?”
“เรื่องนี้ข้าจำเป็นต้องรายงานให้เหล่าผู้อาวุโสทราบ ถึงครานั้นค่อยให้เหล่าผู้อาวุโสตัดสินใจอีกทีเถอะ”
ตั้งแต่ที่ออกจากดาวเคราะห์ของตระกูลเทพสงครามเป็นต้นมา ฉีเมี่ยวหลุนก็ย้อนกลับไปยังโลกะดาราอัมพรเทว ก่อนจะรายงานเรื่องราวที่ประสบพบเจอฝั่งตระกูลเทพสงครามให้เหล่าผู้อาวุโสที่เป็นเบื้องบนฟังตามความเป็นจริง
ในขณะเดียวกัน ข่าวคราวหนึ่งที่ส่งมาจากโลกาชั้นฟ้าก็ส่งไปถึงสามสำนักหกตระกูล
ข่าวคราวดังกล่าวคือข่าวหมายจับกุมตัว ด้านบนมีภาพวาดของคนคนหนึ่ง ซึ่งคนดังกล่าวก็คือหลัวซิวนั่นเอง!
เห็นได้ชัดเจนเลยว่าหอยอดอัมพร สำนักเซียนเทียนหยุนรวมไปถึงตระกูลมู่สืบสาวตามเบาะแสร่องรอยต่าง ๆ และอนุมานว่ามีโอกาสสูงมากที่หลัวซิวจะหลบหนีมายังโลกามนุษย์ ดังนั้นจึงถ่ายทอดหมายจับกุมตัวมายังโลกะดาราอัมพรเทว
อีกทั้งไม่เพียงแค่โลกะดาราอัมพรเทวเท่านั้น ขอแค่เป็นโลกาที่อยู่ใต้บังคับบัญชาของมหาโลกายอดอัมพร ล้วนได้รับประกาศหมายจับแบบเดียวกัน
“ยัยเมี่ยวหลุนนั่นนี่ช่างฉลาดจริง ๆ นางคาดเดาไม่ผิดจริง ๆ ด้วย บุคคลที่ปรากฏในตระกูลเทพสงครามเป็นอัจฉริยะผู้มีความฉลาดเป็นเลิศที่มาจากโลกาชั้นฟ้าจริง ๆ”
“การที่สามารถถูกสำนักจักรพรรดิในมหาโลกายอดอัมพรออกหมายจับกุมตัวได้นั้น เกรงว่าชายหนุ่มคนดังกล่าวคงไม่ธรรมดาแน่”
“ทุกท่านไม่รู้สึกแปลกใจหน่อยเลยหรือ? ตระกูลเทพสงครามอยู่เพียงดวงดาวที่ไม่โดดเด่นอะไรในแถบชายแดนของโลกะดาราอัมพรเทวเท่านั้น แต่หลัวซิวที่มาจากโลกาชั้นฟ้ากลับเดินทางไปที่นั่น ดูท่าตำนานเรื่องเล่าที่เกี่ยวข้องกับตระกูลเทพสงครามนั่น มีโอกาสเป็นจริงสูงมาก ๆ”
ภายในสำนักไท่ฉือ ผู้อาวุโสจำนวนมากรวมตัวกันอยู่ในตำหนักใหญ่ ต่างปรึกษาหารือวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับเรื่องราวนี้ของหลัวซิว
สำหรับตำนานที่เกี่ยวข้องกับตระกูลเทพสงครามนั้น ถูกเล่าขานอยู่ในโลกะดาราอัมพรเทวไม่น้อยเลย ทว่าข่าวลือส่วนมากกลับไม่มีหลักฐานใด ๆ สามารถยืนยันได้เลยด้วยซ้ำ เป็นเพียงคำเล่าขานในตำนานเท่านั้น
แต่สำหรับกองกำลังเก่าแก่ที่มีการถ่ายทอดสืบสานมาหลานสิบล้านปีอย่างสำนักไท่ฉือแล้ว กลับทราบความจริงในเรื่องราวบางอย่างของตระกูลเทพสงคราม
ในยุคสมัยอันไกลโพ้น ขณะที่จักรวาลฟ้าดินเพิ่งถูกบุกเบิกใหม่ ๆ มีเพียงโลกามหาจักรพรรดิยุทธ์ทั้งแปด ต่อมาถึงจะมีมหาโลกาพันสาม จากนั้นถึงมีโลกามนุษย์ที่นับไม่ถ้วนกระจัดกระจายเรียงเกลื่อนไปทั่ว และทำให้จักรวาลที่กว้างใหญ่อย่างไร้ขอบเขตนี้สมบูรณ์เป็นระบบระเบียบ
พอจะพูดได้เลยว่าโลกะอัมพรเทวเป็นหนึ่งในโลกามนุษย์ที่กำเนิดเร็วที่สุด การถ่ายทอดสืบสานที่ผู้แข็งแกร่งจ้าวมหาเทพผู้บุกเบิกโลกะอัมพรเทวทิ้งไว้ ก็คือตระกูลจ้าวในเวลาต่อมานี่เอง
อย่างไรก็ตามก่อนที่ตระกูลจ้าวยังไม่รุ่งเรืองขึ้นอย่างแท้จริง สำนักไท่ฉือก็ยืนหยัดในโลกะอัมพรเทวได้แล้ว ส่วนการถ่ายทอดสืบสานของสำนักไท่ฉือนั้น ไม่ใช่การถ่ายทอดสืบสานของโลกะอัมพรเทวแต่อย่างใด แต่มาจากมหาโลกายอดอัมพร
สำนักไท่ฉือในอดีตก็เป็นกองกำลังระดับจ้าวมหาเทพในมหาโลกายอดอัมพรเช่นกัน แต่ทว่าต่อมาประสบพบเจอกับหายนะครั้งยิ่งใหญ่จึงล่มสลายลงไป ช่วงนั้นบังเอิญที่โลกะอัมพรเทวเพิ่งถูกบุกเบิกได้ไม่นาน พวกเขาจึงอพยพมาที่นี่
ตระกูลเทพสงครามอพยพมาหลังจากนั้น เมื่อนั้นมีศิษย์คนหนึ่งในสำนักไท่ฉือรู้จักกับบรรพบุรุษของตระกูลเทพสงคราม ทั้งสองฝ่าฟันแดนปริศนา ตามหาโอกาสและสมบัติล้ำค่าด้วยกัน เรียกได้ว่าเป็นเพื่อนตายต่อกัน
คนในตระกูลเทพสงครามแข็งแกร่งมาตั้งแต่กำเนิด สามารถฝึกตนถึงแดนเทพฟ้าได้อย่างง่ายดาย แทบจะไม่มีจุดตีบตันใด ๆ เลย
ด้วยเหตุนี้ตั้งแต่เริ่มต้นจนกระทั่งถึงบัดนี้ แม้ตระกูลเทพสงครามจะไม่เคยกำเนิดผู้แข็งแกร่งที่อยู่เหนือราชาเทพมาก่อน แต่จำนวนเทพฟ้าในตระกูลเทพสงครามกลับมีเยอะมากถึงมากที่สุด บวกกับมีความสัมพันธ์กับสำนักไท่ฉือบ้าง กองกำลังและผู้แข็งแกร่งทั่วไปจึงไม่กล้ารุกรานง่าย ๆ
และตอนนั้นศิษย์คนนั้นของสำนักไท่ฉือที่สนิทกับบรรพบุรุษตระกูลเทพสงครามก็ค่อนข้างสงสัยต่อเรื่องนี้เช่นกัน ดังนั้นจึงเคยสอบถามคำถามนี้กับบรรพบุรุษของตระกูลเทพสงคราม