มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake - บทที่ 2052
มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 2052
เนื่องจากทั้งสองร่วมฝ่าฟันความเป็นความตายมาด้วยกันหลายครั้ง บรรพบุรุษตระกูลเทพสงครามจึงบอกเล่าเรื่องราวบางอย่างที่เกี่ยวข้องกับตระกูลเทพสงครามให้เขาฟัง ที่แท้ตระกูลเทพสงครามมาจากโลกร้างในโลกามหาจักรพรรดิยุทธ์ทั้งแปด!
และสาเหตุที่คนในตระกูลเทพสงครามไม่สามารถฝึกตนขึ้นไปถึงแดนที่สูงกว่าราชาเทพได้นั้น เป็นเพราะสายเลือดของตระกูลเทพสงครามต้องคำสาป รวมไปถึงการถ่ายทอดสืบสานและวรยุทธ์ของตระกูลเทพสงครามก็ถูกต้องห้ามและถูกทำลายล้างไปหมด เหลือเพียงส่วนเล็ก ๆ ที่ไม่สมบูรณ์ครบถ้วน อย่างมากสุดแค่สามารถทำให้คนรุ่นหลังของตระกูลเทพสงครามฝึกตนได้ถึงแดนเทพฟ้า
จนกระทั่งต่อมา หลังจากเหล่าผู้แข็งแกร่งอัจฉริยะบุรุษที่ยังมีชีวิตรอดอยู่นั่งฌานละสังขารไปแล้ว ตระกูลเทพสงครามไม่มีแม้กระทั่งผู้แข็งแกร่งราชาเทพ จึงถูกลิขิตไว้แล้วว่าต้องได้ตกรอบจากการแข่งขันที่โหดเหี้ยมในโลกร้าง ยิ่งกว่านั้นคือพวกเขาไม่มีแม้แต่สิทธิ์ในการยืนหยัดในมหาโลกาพันสาม ทำได้เพียงตกต่ำลงมายังโลกามนุษย์
ตอนนั้นบรรพบุรุษตระกูลเทพสงครามพลั้งปาก พูดถึงสิ่งของชิ้นหนึ่งที่บรรพบุรุษตระกูลเทพสงครามเก็บรักษาไว้ ซึ่งอนาคตของสิ่งนั้นมีโอกาสกลายเป็นความหวังที่จะทำให้ตระกูลเทพสงครามกลับมารุ่งเรืองใหม่อีกครั้ง
หลังจากศิษย์คนนั้นของสำนักไท่ฉือทราบเรื่องราวทั้งหมดนี้แล้ว เนื่องจากเป็นเพื่อนตาย ดังนั้นจึงไม่มีความคิดที่จะแก่งแย่งสมบัติชิ้นนั้นที่ตกทอดมาจากบรรพบุรุษตระกูลเทพสงคราม ยิ่งกว่านั้นคือกระทั่งเขานั่งฌานละสังขารแก่ตายไป เขาก็ไม่ได้บอกเล่าเรื่องราวนี้ให้ผู้อื่นฟัง
ทว่าเมื่อนั้นศิษย์คนนั้นของสำนักไท่ฉือกลับเป็นบรรพบุรุษเชื้อสายฉีผิงสวี่และฉีเมี่ยวหลุน เมื่อไม่นานมานี้ พวกเขาค้นพบบทความแบบปกิณกะของบรรพบุรุษท่านนี้ในห้องโถงบรรพบุรุษโดยบังเอิญ
โดยทั่วไปแล้วสิ่งที่บันทึกในบทความแบบปกิณกะนี้ล้วนเป็นเรื่องราวในวันวาน ซึ่งไม่มีค่ามากเท่าไหร่นัก ฉีเมี่ยวหลุนก็แค่เปิดดูโดยไม่คิดอะไรมาก กลับไม่นึกเลยว่าจะค้นพบเรื่องที่ตระกูลเทพสงครามมีสมบัติที่ตกทอดมาจากบรรพบุรุษโดยบังเอิญ
ฉีเมี่ยวหลุนจึงนำเรื่องนี้บอกเล่าให้ท่านปู่ตนเองฟัง และท่านปู่นางก็บอกเล่าเรื่องราวนี้ให้เหล่าผู้อาวุโสฟัง เนื่องจากตระกูลเทพสงครามเป็นเพียงกองกำลังเล็ก ๆ ที่วิถียุทธ์เสื่อมโทรม ผู้อาวุโสทั้งหลายก็ไม่ได้เก็บมาใส่ใจเช่นกัน จึงให้ฉีเมี่ยวหลุนไปจัดการเรื่องนี้ ต่อมาถึงได้เกิดความวุ่นวายต่าง ๆ อย่างก่อนหน้านี้
ทว่าเมื่อเปรียบเทียบกับเรื่องราวของหลัวซิวแล้ว ของล้ำค่าในตระกูลเทพสงครามกลับเล็กน้อยมากจนไม่มีค่าพอที่จะให้พูดถึงเลย เนื่องจากตระกูลเทพสงครามอยู่ที่นี่ ไม่สามารถหนีไปที่ใดได้ และหนีไม่พ้นเงื้อมมือของสำนักไท่ฉือเช่นกัน
แต่หลัวซิวกลับแตกต่างกัน เขามีมือมีตีน ซึ่งสามารถหลบหนีหายไปได้ตลอดเวลา
“เวลาไม่เคยคอยท่า ส่งคนไปที่ตระกูลเทพสงครามเที่ยวหนึ่ง จะปล่อยให้ชายหนุ่มที่มีนามว่าหลัวซิวนั่นหนีรอดไปไม่ได้เด็ดขาด!”
เหล่าผู้อาวุโสทำการตัดสินใจอย่างรวดเร็ว เนื่องจากหอยอดอัมพรเป็นผู้ส่งหมายจับกุมตัวฉบับนี้ด้วยตนเอง หากผู้ใดสามารถจับกุมตัวหลัวซิวได้ หอยอดอัมพรก็จะประทานวรยุทธ์การถ่ายทอดสืบสานระดับจักรพรรดิเทพให้คนคนนั้น!
สำหรับสำนักและตระกูลทั้งหลายในมหาโลการะดับจ้าวมหาเทพแล้ว นี่เป็นโอกาสและโชคสุดล้ำที่หาพบยากในรอบแสนล้านปีอย่างแน่นอน!
ทันทีที่ได้รับวรยุทธ์การถ่ายทอดสืบสานระดับจักรพรรดิเทพ บางทีใช้เวลาอีกไม่นาน พวกเขาก็จะสามารถอพยพคนทั้งสำนักขึ้นไปบนโลกาชั้นฟ้า กลายเป็นหนึ่งในกองกำลังในมหาโลกาพันสาม!
ในขณะเดียวกัน หลัวซิวที่อยู่ในตระกูลเทพสงครามได้ทำการขู่ขอวรยุทธ์ที่ตระกูลเทพสงครามใช้ฝึกตน
ตระกูลเทพสงครามเป็นตระกูลพิเศษ ไม่สามารถฝึกการถ่ายทอดสืบสานของเผ่าพันธุ์มนุษย์ เผ่าพันธุ์มารและเผ่าปีศาจ แต่ทว่าเผ่าพันธุ์อื่น ๆ กลับสามารถฝึกวรยุทธ์ของตระกูลเทพสงคราม
เหมือนดังเช่นหลัวซิวสามารถปลดปล่อยพลังอมตะของเทพสงครามเอกภพเมื่อปีนั้น ดังนั้นหลัวซิวจึงรู้สึกสงสัยในวรยุทธ์ของตระกูลเทพสงครามมาก ๆ
ในขณะเดียวกันเขาก็อยากลองดูเช่นกัน ดูซิว่าสามารถใช้ข้อมูลวรยุทธ์เคล็ดวิชาที่มีมากดุจมหานทีที่แฝงซ่อนอยู่ในเงาสะท้อนวัฏสงสาร มาเพิ่มเสริมส่วนที่ขาดตกบกพร่องในการถ่ายทอดสืบสานของตระกูลเทพสงครามได้หรือไม่