มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake - บทที่ 2095
มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 2095
“แข็งแกร่งเกินไปแล้ว!”สีหน้าของหลัวซิวขาวซีดเล็กน้อย ไม่ว่าผู้ใดก็ตามที่เคยไปเดินเล่นที่ประตูนรกมาสองรอบ ในใจก็ต้องรู้สึกกดดันอย่างยิ่งแน่นอน
วิชาสลักยันต์ค่ายร่างเนื้อที่เขาตระหนักรู้ได้จากฎีกาค่าย ทำให้ร่างยุทธ์ร่างเนื้อของเขามียันต์ค่ายราชาสลักอยู่ 99 ยันต์ ภายใต้การปลุกจากค่ายกลคุ้มกันทั้ง 33 ยันต์ ทำให้เกราะป้องกันร่างเนื้อของเขาเรียกได้เลยว่าแข็งแกร่งอย่างยิ่ง
บวกกับเกราะป้องกันอีกสองชั้นจากตำหนักวัฏสงสารและชีวีพิทักษ์ แต่เขาก็ยังได้รับบาดเจ็บสาหัสภายในชั่วพริบตาอยู่ดี ไม่มีแรงที่จะต่อต้านเลยแม้แต่น้อย
อย่างไรก็ตามจากนิสัยใจคอของหลัวซิว เขาไม่ใช่คนที่ยอมถดถอยต่อหน้าความยากลำบากและอุปสรรค เขาพยายามลองดูครั้งแล้วครั้งเล่า ทุกครั้งล้วนเหมือนเต้นรำอยู่บนปลายมีดแหลม เดินวนอยู่หน้าประตูนรก……
หากไม่มีร่างอมตะละก็ เขาได้ตายไปจากโลกนี้ไม่รู้ตั้งกี่ครั้งแล้ว
หลัวซิวกำลังไตร่ตรองอยู่ในเหวปีศาจว่าต้องทำอย่างไรถึงจะข้ามผ่านจิตสังหารที่ปะทุออกมาจากรอยดาบได้ ส่วนเวลานั้นกลับล่วงเลยไปโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว นอกเหวญาณปีศาจ สีหน้าอารมณ์ของจีเสี่ยวจื่อสตรีทั้งสามยิ่งอยู่ยิ่งดูร้อนใจมากขึ้น
“ท่านพี่เข้าไปสามวันแล้ว เหตุใดจึงยังไม่ออกมาอีก?”หนิงหานยู่เดินวนไปวนมาอยู่บนชั้นดาดฟ้าของเรือรบ พลางมองลงไปในเหวญาณปีศาจอยู่เป็นระยะ ๆ ทว่ากลับมองเห็นแค่เพียงความมืดมนที่ไร้ขอบเขตและออร่าความตายที่แผ่กระจายออกมา ตั้งแต่เริ่มต้นกระทั่งบัดนี้นางกลับไม่เห็นเงาร่างของหลัวซิวเลย
“น้องยู่ ไม่ต้องเป็นห่วง คุณชายต้องกลับมาได้แน่นอน”ฉียู่หรงดูใจเย็นเล็กน้อย ทว่าสภาพจิตใจของนางกลับตึงเครียดเช่นกัน
จีเสี่ยวจื่อนั่งท่าขัดสมาธิอยู่ตรงดาดฟ้าหัวเรือรบทองคำ วางหอกมังกรแดงมืดไว้บนขาที่เรียวยาวทั้งสองข้างของนาง ดวงตาคู่นั้นที่สว่างไสวดุจดวงดาว เพ่งมองไปยังทิศทางของเหวญาณปีศาจ
หากไม่ใช่เพราะมีฉียู่หรงที่อุปนิสัยค่อนข้างหนักแน่นคอยปลอบใจอยู่ที่นี่ จากอุปนิสัยของนาง คงบุกเข้าไปตามหาหลัวซิวในเหวญาณปีศาจอย่างอดใจไม่ได้ตั้งนานแล้ว
ในขณะเดียวกัน เหล่าผู้แข็งแกร่งจากแดนต่าง ๆ ที่ถูกหลัวซิวข่มจนถอยกลับไปเมื่อก่อนหน้านี้ ก็ล้วนหวนกลับคืนมาอีกครั้งแล้ว
และผู้ที่มาถึงก่อนก็ต้องเป็นตระกูลจู้เป็นธรรมดาอยู่แล้ว!
นายท่านตระกูลจู้จู้เทียนฉง รวมไปถึงผู้อาวุโสทั้งหลายล้วนเสียชีวิตอยู่ในกำมือหลัวซิว การสูญเสียที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้ เรียกได้เลยว่าทำให้คนทั้งตระกูลจู้ต่างรู้สึกช็อกมาก ผู้อาวุโสที่เหลือทำได้เพียงไปปลุกบรรพอาจารย์ที่หลับใหลไปนานหลายปีให้ตื่นขึ้นมา
คนดังกล่าวคือเทพมารที่มีความหยิ่งยโสสูงเทียมฟ้า ร่างกายของเขากำยำ ในเส้นผมยาวสีแดงฉานมีผมหงอกปะปนอยู่เล็กน้อย ดวงตาทั้งสองข้างของเขาเหมือนลูกแก้วเทวอัคคีสองลูก ทุกตำแหน่งที่สายตากวาดผ่าน สรรพสิ่งทั้งหลายล้วนดับสูญอยู่ภายใต้กฎเพลิงอัคคี
และชายชราคนดังกล่าวก็คือบรรพอาจารย์ที่นอนหลับใหลไปนานหลายปีแห่งตระกูลจู้นั่นเอง เล่ากันว่าบรรพอาจารย์ท่านนี้ได้ผนึกร่างตน ใช้เคล็ดวิชาลดทอนการสูญเสียของร่างกายตน เพื่อให้ตนมีชีวิตคงอยู่ในโลกใบนี้ตลอดไป มีเพียงตระกูลจู้ตกอยู่ในภยันตรายเท่านั้น เขาถึงจะปลุกตื่นออกจากเขา
“เทพปีศาจจู้บังเกิดแล้ว!”
“นั่นมันเทพปีศาจจู้ในตำนานมิใช่หรือ? เล่ากันว่าเขานั่งฌานละสังขารตั้งแต่ห้าล้านกว่าปีก่อนแล้วมิใช่หรือ?”
“กึ่งจ้าวมหาเทพที่นอนหลับใหลแล้วห้าล้านกว่าปี เมื่อคนประเภทนี้บังเกิด ก็เป็นผู้ไร้เทียมทานไร้อุปสรรคที่แข็งแกร่งที่สุดในจักรภพแปดทิศเชียวนะ!”
ผู้แข็งแกร่งของสามสำนักหกตระกูลอื่น ๆ ยังคงหลบซ่อนอยู่ในอนัตตาที่อยู่ห่างออกไปไกล แม้จะรู้สึกตะลึงทว่ากลับไม่เกรงกลัวแต่อย่างใด เนื่องจากไม่เพียงแค่ตระกูลจู้เท่านั้น อิทธิพลของสามสำนักหกตระกูลอื่น ๆ ก็มีภูมิฐานที่แข็งแกร่งหรือแข็งแกร่งกว่าตระกูลจู้เช่นกัน
สิ่งที่พวกเขารู้สึกสนใจมากที่สุดก็คือ เทพปีศาจเฒ่าคนนี้ของตระกูลจู้บังเกิดขึ้นแล้ว เขาจะสามารถกำราบหลัวซิวได้หรือไม่?
หากกำราบไม่ได้ เช่นนั้นพวกเขาก็ต้องพิจารณาแล้วล่ะว่าจะปลุกบรรพอาจารย์ของกองกำลังตนที่นอนหลับใหลอยู่ให้ตื่นขึ้นหรือไม่ หากสามารถกำราบได้ละก็ เช่นนั้นพวกเขาก็จะกลับไปปลุกบรรพอาจารย์ในกองกำลังตนให้ตื่นขึ้นมาอย่างแน่นอน เพื่อมาชิงตัวหลัวซิว!
เนื่องจากนี่คือชายหนุ่มที่สำนักจักรพรรดิแห่งโลกาชั้นฟ้าออกหมายจับกุมตัว ซึ่งเกี่ยวเนื่องถึงการถ่ายทอดสืบสานของวรยุทธ์จักรพรรดิเทพ แรงดึงดูดเช่นนี้ เป็นสิ่งที่กองกำลังทั้งหลายในโลกามนุษย์ไม่สามารถต่อต้านและคัดค้านได้แน่นอน
เทพปีศาจเฒ่าที่นอนหลับใหลมาห้าล้านกว่าปีของตระกูลจู้ย่างกรายมาถึง ในฐานะที่เป็นผู้แข็งแกร่งระดับกึ่งจ้าวมหาเทพคนหนึ่ง อายุไขยาวนานเกือบสิบล้านปี การใช้เคล็ดวิชาผนึกร่างตน ลดทอนอายุไขที่ไหลผ่านไปอย่างรวดเร็ว สามารถทำให้เขามีอายุยืนยาวมากขึ้น ทว่าทุกครั้งที่ถูกปลุกตื่นจากการนอนหลับใหล ล้วนต้องแลกด้วยราคาที่ไม่น้อย