มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake - บทที่ 2113
แต่ทว่าเมื่อเผชิญหน้ากับสถานการณ์เช่นนี้ ก็ใช่ว่าเขาจะไม่มีวิธีรับมือเลย เขาค่อย ๆ กางฝ่ามือออก รัศมีดาบอันเฉียบคมที่แวววาวจับตาจึงปรากฏกลางฝ่ามือ
ภายในรัศมีดาบดวงนี้ มีห้วงดาบของจี้หวูชวงแฝงซ่อนอยู่ ในฐานะที่เป็นมหาวิถีดาบเมื่อหลายแสนล้านปีก่อน มาตรแม้นว่าห้วงดาบที่แฝงซ่อนอยู่ในรัศมีดาบจะอ่อนแอมาก ๆ ทว่าก็เพียงพอที่จะทำให้สะท้านฟ้าสะเทือนดินเป็นที่น่าสะเทือนขวัญอย่างยิ่งแล้ว!
“ฉึก!”
รัศมีดาบที่มีขนาดไม่ถึงหนึ่งนิ้ว ระเบิดแสงดาบที่แวววาวจับตาจนทำให้ท้องแหลกสลายออกมาภายในพริบตา
เสียงตู้มดังลั่นขึ้นมา พลังแห่งวิถีดาบทลายกงล้อทมิฬ พลานุภาพของแสงดาบที่แวววาวจับตาไม่ลดน้อยลง พุ่งสังหารไปทางผู้อาวุโสชุดคลุมยาวดำต่อ
รัศมีดาบดวงนี้ หลัวซิวได้มาจากเหวญาณปีศาจ กาลเวลาผ่านพ้นมายาวนานอย่างไม่รู้จบทำให้ห้วงดาบที่แฝงซ่อนอยู่ภายในรัศมีดาบเสื่อมถอยจนเหลือกระจิ๊ดริด
ทว่าแม้นจะเป็นเช่นนี้ พลานุภาพของรัศมีดาบก็เพียงพอที่จะสามารถสังหารจ้าวมหาเทพ เทียบทัดการโจมตีหนึ่งของผู้แข็งแกร่งจักรพรรดิเทพอยู่
ผู้อาวุโสชุดคลุมยาวดำทำเสียงสงสัยครั้งหนึ่ง เห็นได้ชัดเจนเลยว่าการที่หลัวซิวสามารถทลายพลังอมตะของเขานั้น เป็นสิ่งที่อยู่เหนือการคาดหมายของผู้อาวุโสชุดคลุมยาวดำ
แต่เขาก็แค่รู้สึกแปลกใจเพียงเล็กน้อยเท่านั้น โลงศพโบราณทองสัมฤทธิ์ที่อยู่ด้านล่างเขาสั่นเทิ้มเล็กน้อย ก่อนจะมีพลังออร่าที่ไม่อาจคาดเดาได้ปรากฏ และต้านทานแสงดาบที่โจมตีเข้ามาได้ภายในพริบตา
“อาวุธเทพระดับหก?”
เมื่อหลัวซิวเห็นภาพเหตุการณ์ดังกล่าว สีหน้าเขาก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย ในมหาโลกาพันสาม อาวุธเทพระดับหกถือเป็นขีดจำกัดแล้ว ซึ่งมีเพียงผู้แข็งแกร่งจักรพรรดิยุทธ์เท่านั้นถึงจะสามารถกลั่นออกมาได้
และในเมื่อคนดังกล่าวสามารถฝึกบำเพ็ญพลิกทมิฬ เช่นนั้นโลงศพโบราณทองสัมฤทธิ์นั่น ก็ต้องเป็นของล้ำค่าที่มหาจักรพรรดิ์ยุทธ์แห่งนรกภูมิฝึกเซ่นอย่างไร้ข้อสงสัยแน่นอน
“เจ้าคือผู้ใดกันแน่? แล้วมีความเกี่ยวข้องอะไรกับมหาจักรพรรดิ์ยุทธ์แห่งนรกภูมิ?”
แม้ยังมีอุบายไพ่เด็ดที่ยังไม่ได้แสดงออกมา แต่หลัวซิวเข้าใจดีมาก ๆ ว่าผลการฝึกตนศักยภาพของตน ณ บัดนี้ยังต่ำมาก ๆ ซึ่งไม่เหมาะที่จะฝืนต่อกรกับฝ่ายตรงข้ามโดยตรง
เมื่อคิดเช่นนี้ได้ เขาจึงโคจรกฎปริภูมิ กระตุ้นความเร็วให้ถึงขีดสุด เงาร่างกระพริบ ภายในชั่วพริบตาเดียวก็หนีออกไปไกลมาก ๆ แล้ว
เทพมารระดับสี่ที่มีอาวุธเทพระดับหกติดมือ ไม่ใช่ผู้ที่เขาสามารถต่อกรได้
ในยุคสมัยอันเก่าแก่ เทพมารตั้งแต่ระดับหนึ่งถึงเก้าไม่มีการแบ่งแยกขั้นปฐมภูมิ ช่วงกลางและช่วงปลาย
แต่แบ่งออกเป็นระดับราชา ระดับมกุฎ ระดับประมุข ระดับจักรพรรดิ แล้วก็ระดับมหาจักรพรรดิยุทธ์ที่แข็งแกร่งที่สุด!
ซึ่งนั่นก็หมายความว่าในบรรดาเทพมารระดับหนึ่ง ระดับที่อ่อนแอมากที่สุดก็คือเทพมารระดับหนึ่งทั่วไป ต่อมาคือราชาเทพระดับหนึ่ง ส่วนระดับที่แข็งแกร่งที่สุดก็คือมหาจักรพรรดิยุทธ์ระดับหนึ่ง!
จากการประมาณการโดยคร่าว ๆ ของหลัวซิว ศักยภาพของผู้อาวุโสชุดคลุมยาวดำนี่อย่างน้อยก็คือราชาเทพระดับสี่ ซึ่งไม่ใช่ผู้ที่เขา ณ ปัจจุบันสามารถต่อกรได้โดยตรง
“เจ้าหนู เจ้าคิดว่าจะหนีเงื้อมมือของข้าไปได้อย่างนั้นหรือ?”
เมื่อเห็นว่าหลัวซิวหนีออกไปไกลภายในชั่วพริบตาเดียว ผู้อาวุโสชุดคลุมยาวดำจึงหัวเราะอย่างเย็นเยือกถึงขีดสุด โลงศพโบราณทองสัมฤทธิ์สั่นเทิ้มจนเสียงดังสะเทือนเลื่อนลั่น ระดับความเร็วของมันก็รวดเร็วมากถึงมากที่สุดเช่นกัน มีมือใหญ่ข้างหนึ่งยื่นออกมาจากโลงศพโบราณ ทลายห้วงเวลาตลอดทาง ก้าวข้ามระยะห่างที่ขวางกั้นโดยห้วงเวลา แล้วทำการแผ่คลุมร่างกายของหลัวซิวเอาไว้
“ชีวีพิทักษ์!”
หลัวซิวตะคอกเสียงดังลั่น ม่านแสงคุ้มกันที่งดงามปรากฏรอบกาย ในขณะเดียวกันก็มีค่ายกลสัญลักษณ์จำนวนมากปรากฏบนร่างยุทธ์ร่างเนื้อเขา พลางโคจรค่ายคุ้มกันระดับมกุฎทั้ง 33 ยันต์ที่สลักอยู่บนร่างเนื้อ ยกระดับพลังป้องกันให้ถึงจุดที่แข็งแกร่งที่สุด
“ปั้ง!”
แสงแห่งพิทักษ์ของกฎชีวิตต้านทานได้เพียงชั่วขณะเท่านั้น ก็ถูกทลายจนแตกสลาย ถัดจากนั้นแสงที่สว่างไสวของยันต์คุ้มกันทั้ง 33 ยันต์บนตัวเขาก็หม่นหมองลงตามกัน
หลัวซิวอ้าปากแล้วกระอักเลือด มีเสียงแคว็กดังออกมาจากกระดูกเอ็นทั่วทั้งร่างกาย ร่างกายที่เกะกะระรานอย่างเขา แทบจะถูกโจมตีจนร่างแหลกสลาย
หากเป็นเพียงการโจมตีของเทพมารระดับสี่ ไม่มีทางแข็งแกร่งถึงขั้นนี้ได้อย่างแน่นอน ทว่าหากเป็นพลานุภาพที่ถูกกระตุ้นโดยอาวุธเทพระดับ 6 ละก็ มันก็จะไม่ธรรมดาในทันที เกะกะระรานจนน่าสยดสยอง