มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake - บทที่ 2122
ควันหลงที่ม้วนซัดไปทั่วทุกสารทิศ ล้วนถูกค่ายกลของหลัวซิวต้านทานเอาไว้ แต่หนิงหานยู่ที่อยู่ในค่ายกลกลับไม่เป็นอะไรเลยแม้แต่น้อย มือทั้งสองข้างผนึกรวมกฎชีวิต ต้านทานการโจมตีทั้งหมดของเขาเอาไว้ด้วยมือเปล่า
เนื่องจากหนิงหานยู่ค่อนข้างขี้เกียจฝึกตน ดังนั้นผลการฝึกตนของนางจึงบรรลุไม่ถึงแดนมกุฎเทพมาโดยตลอด แต่พรสวรรค์ด้านกฎชีวิตของนางสูงมาก ๆ ยึดกุมความเร้นลับของกฎขั้น 6 ได้แล้ว
อาศัยชีวีพิทักษ์ของกฎขั้น 6 การที่ผู้แข็งแกร่งมกุฎเทพช่วงปลายจะลงมือทลายเกราะป้องกันของนางนั้น ยังไม่ง่ายขนาดนั้นเลย
โกวหมิงเฉินอึ้งทึ่งไปหมดแล้ว ในฐานะที่เป็นผู้แข็งแกร่งแดนมกุฎเทพขั้น 4 คนหนึ่ง แต่กลับเสียเปรียบต่อหน้ากึ่งมกุฎเทพ ไม่ว่าผู้ใดก็ตาม เกรงว่าสภาพจิตใจต้องไม่ดีอย่างแน่นอน
“เสี่ยวเฉินลงมาเถิด กฎชีวิตของแม่นางหนิงฝึกถึงขั้น 6 แล้ว อย่าว่าแต่เจ้าเลย แม้แต่น้องเห้อเหลียนลงมือ ก็ใช่ว่าจะสามารถทลายเกราะป้องกันของนางได้เสมอไป”เซียวอันเอ่ยปากพูด
“ข้าชนะแล้ว! มีรางวัลอะไรหรือเปล่าเจ้าคะ?”
หนิงหานยู่ยิ้มแป้นพลางวิ่งไปข้างกายหลัวซิว แกว่งแขนเขาไปมาราวกับขอความดีความชอบจากเขา
หลัวซิวหลุดหัวเราะออกมา ใช้นิ้วดีดหน้าผากนางทีหนึ่งแล้วพูด: “ยัยหนูนี่ เจ้ายังมีหน้ามาขอของรางวัลอีกหรือ? หากเจ้าตั้งใจฝึกตนดี ๆ คงกลายเป็นมกุฎเทพตั้งนานแล้ว เสียดายพรสวรรค์ดี ๆ ของเจ้าจริง ๆ”
โกวหมิงเฉินเดินกลับไปด้วยจิตใจที่ไม่เป็นสุขเล็กน้อย เห็นเพียงเซียวอันพูดปลอบใจเขา: “เสี่ยวเฉินเจ้าก็อย่าเก็บเอาไปใส่ใจมากนักเลย อัจฉริยะอย่างแม่นางหนิง อัจฉริยะในโลกหล้าที่สามารถยึดกุมกฎชั้นยอดนั้น กาลเวลาผ่านไปนับสิบล้านปียังหาพบยากเลย”
“ในเมื่อเป็นการเรียนรู้ซึ่งกันและกัน ข้าก็อยากลองดูเช่นกันว่าจะสามารถทะลายเกราะป้องกันของชีวีพิทักษ์ได้หรือไม่”
และในเวลานี้เอง จู่ ๆ เห้อเหลียนชิงก็ก้าวเดินออกมา เขม็งมองหนิงหานยู่ด้วยสายตาที่ร้อนผ่าวพลางพูด: “ข้าน้อยไม่ได้มีเจตตาอื่นใด แต่ทว่ากฎชั้นยอดนั้นหาพบได้ยาก ข้าจึงอยากหาประสบการณ์ให้มาก ๆ”
หนิงหานยู่ยังไม่ทันได้เอ่ยปาก จีเสี่ยวจื่อกลับก้าวเดินออกมาก่อน “ข้าจักประลองกับเจ้าเอง”
ในระหว่างที่พูดอยู่นั้น เงาร่างของจีเสี่ยวจื่อก็กระพริบทีหนึ่ง หายวับไปภายในพริบ ก่อนจะปรากฏในตำแหน่งที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกล
“กฎปริภูมิ!?”
พวกเซียวอันผงะไปหมดแล้ว นี่สวรรค์กำลังล้อเล่นอยู่หรือ? กฎชั้นยอดไร้ค่าเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อใด มีผู้ยึดกุมกฎชั้นยอดปรากฏสองคนในทีเดียวเลยหรือ?
แม่นางที่ยึดกุมกฎชีวิตในเมื่อครู่นี้เป็นเพียงกึ่งมกุฎเทพ ส่วนผู้ที่ยึดกุมกฎปริภูมิคนนี้คือมกุฎเทพแล้ว
พวกเซียวอันต่างมองหน้าซึ่งกันและกัน โกวหมิงเฉินก็ตะลึงงันไปแล้ว กงชิวหยูอ้าปากค้าง ๆ ใบหน้าก็เปี่ยมล้วนไปด้วยตะลึง
ในโลกามนุษย์ การที่มีอัจฉริยะตระหนักรู้และยึดกุมกฎชั้นยอดหนึ่งคนปรากฏในรอบหลายล้านปีนั้น ก็ถือว่าดีมาก ๆ แล้ว ทว่าบัดนี้กลับปรากฏสองคนในทีเดียวเลยหรือ?
กึ่งมกุฎเทพที่ฝึกกฎชีวิตคนหนึ่งก็ทำให้โกวหมิงเฉินที่เป็นมกุฎเทพขั้น 4 หมดซึ่งหนทางปัญญาแล้ว จีเสี่ยวจื่อที่ฝึกกฎปริภูมิอยู่ในแดนมกุฎเทพโดยแท้จริงเชียวนะ
แล้วก็ผู้ที่มีนามว่าหลัวซิวนั่นอีก ฝีมือที่แสดงออกมาอย่างสบายมือก็เป็นค่ายกลระดับอาจารย์ขั้นสูงแล้ว ตกลงนี่คือกองกำลังที่มหัศจรรย์และเก่งกาจดุจปีศาจมากเพียงใดกันแน่?
“ในเมื่อเป็นการเรียนรู้ซึ่งกันและกัน ก็ต้องระมัดระวังหน่อย เสี่ยวจื่อเจ้าใส่ใจเรื่องความหนักเบาด้วย”หลัวซิวยิ้มพลางพูด
“วางใจเถอะเจ้าค่ะศิษย์พี่ ข้าจะระวัง”จีเสี่ยวจื่อพยักหน้าอย่างเชื่อฟังคำมาก ๆ อุปนิสัยของยัยคนนี้ซุกซน ทว่านางกลับเชื่อถือและศรัทธาในคำพูดของหลัวซิวมาก ๆ
“เชิญ!”
มีชี่มารที่เข้มข้นพรั่งพรูออกมาจากตัวเห้อเหลียนชิง ในจักรวาลฟ้าดินผืนนี้ แม้เผ่าพันธุ์มนุษย์จะเป็นทางน้ำสายหลัก แต่ก็มีเผ่าพันธุ์มารและเผ่าปีศาจคงอยู่เช่นกัน
ข้อดีของเผ่าพันธุ์มนุษย์อยู่ที่เป็นเผ่าพันธุ์ขนาดใหญ่ ความสามารถในการสืบพันธุ์แข็งแกร่งมากกว่า อัตราการกำเนิดนักยุทธ์ผู้อัจฉริยะจึงมีมากกว่า
ส่วนเผ่ามารปีศาจนั้น แม้อิทธิพลจะเทียบเคียงกับเผ่าพันธุ์มนุษย์ไม่ได้ แต่ศักยภาพโดยเฉลี่ยของตัวบุคคลกลับอยู่เหนือเผ่าพันธุ์มนุษย์