มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake - บทที่ 2136
หลัวซิวทำเสียงฮึดออกจากจมูกในเชิงดูถูกเหยียดหยามต่อคำพูดดังกล่าวของบรรพอาจารย์เทียนคุน ถึงแม้ตาแก่นี่จะควบคุมตนเองไม่อาละวาดคาที่ ทว่าความหมายที่จะสื่อนั้นชัดเจนมากแล้ว นั่นก็คือให้เขาส่งสมบัติที่ได้รับจากตำหนักออกมา
“สมบัติที่ข้าได้มาด้วยศักยภาพของตัวข้าเอง จำเป็นต้องให้เจ้ามาจัดแจงด้วยหรือ?”หลัวซิวพูดอย่างเรียบนิ่ง
มีจิตสังหารเคลื่อนผ่านไปในแววตาบรรพอาจารย์เทียนคุนภายในพริบตา อูห้าวเย๋ที่อยู่ด้านหลังเขาก็ตะคอกอย่างเยือกเย็นเช่นกัน: “เจ้าหนูเดรัจฉาน มึงอย่าไม่รู้จักอะไรควรไม่ควร หากไม่ได้รับการอนุญาตจากบรรพอาจารย์ มึงไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะเข้าใกล้ประตูตำหนัก แล้วจะมีทางได้รับสมบัติที่อยู่ด้านในได้อย่างไร?”
“อีกทั้งมึงฆ่าน้องชายกู ต่อให้มึงได้รับสมบัติไปแล้ว ก็ไม่มีทางมีชีวิตรอดออกไปจากที่นี่ได้”
ในระหว่างที่พูดอยู่นั้น อูห้าวเย๋ก็ลงมือโจมตีโดยตรงแล้ว ค้อนสีทองอันหนึ่งถูกเขาเรียกออกมา ทรงพลังมากจนไม่อาจต้านทานได้ ทุบมาทางหลัวซิวด้วยลักษณะท่าทางที่ดุดัน กระฟัดกระเฟียด
“ในเมื่อมึงอยากไปอยู่เคียงข้างน้องชายมึงมากเช่นนี้ กูจะทำให้มึงสมความปรารถนาเอง”
ในขณะที่อูห้าวเย๋ลงมือโจมตี หลัวซิวก็ก้าวเท้าออกมาหนึ่งก้าวเช่นกัน อาณาจักรวัฏสงสารที่ทรงพลังขยายออก ภายในขอบเขตของอาณาจักร เขาก็คือผู้ชี้ขาดเพียงหนึ่งเดียว!
เสี้ยววินาทีที่ถูกอาณาจักรวัฏสงสารแผ่คลุม สีหน้าของอูห้าวเย๋ก็เปลี่ยนไปอย่างมาก ในฐานะที่เป็นผู้แข็งแกร่งแดนมกุฎเทพขั้นสูง เขาไม่ใช่ผู้ที่มองการณ์ไม่ไกลอยู่แล้ว เขาสามารถสัมผัสความแข็งแกร่งของอาณาจักรของฝ่ายตรงข้ามได้โดยสิ้นเชิงเลย
ภายใต้การถูกกดอัดจากอาณาจักรวัฏสงสาร เขารู้สึกว่าตัวเองสูญเสียความสามารถในการควบคุมกฎแล้ว แม้แต่ผลการฝึกตนในร่างกายก็ถูกกดอัด โคจรผลการฝึกตนลำบาก
“นี่มันเป็นไปได้อย่างไร? หรือว่ามันก็เป็นบรรพอาจารย์ระดับกึ่งจ้าวมหาเทพเช่นกัน?”
อูห้าวเย๋ตกตะลึงมากจนหน้าถอดสี เนื่องจากในมุมมองของเขา คงมีเพียงบรรพอาจารย์ระดับกึ่งจ้าวมหาเทพเท่านั้นถึงจะสามารถสร้างการยับยั้งที่ทรงพลังเช่นนี้ให้แก่เขาได้
ตู้ม!
หลัวซิวปล่อยหมัดออกไป ค้อนใหญ่สีทองจึงแตกละเอียดเป็นชิ้น ๆ ภายในพริบตา แต่พลังหมัดของหลัวซิวกลับมีอานุภาพรุนแรง ทำให้ร่างกายของอูห้าวเย๋จมหายไปในพลังหมัดภายในพริบตา
“บรรพอาจารย์ช่วยข้าด้วย!”วิกฤตการณ์แห่งความตายทำให้อูห้าวเย๋ตะโกนร้องอย่างสิ้นหวัง
“หยุดบัดเดี๋ยวนี้!”
บรรพอาจารย์เทียนคุนเอ่ยปากแล้ว แต่หลัวซิวกลับไม่สนใจคำพูดของเขา พลังหมัดที่เกะกะระรานฉีกกระชากร่างกายของอูห้าวเย๋ไปได้อย่างง่ายดาย ช่องจิตหนึ่งดวงที่แวววาวจับถูกเขากำไว้ในมือ
เมื่อภาพเหตุการณ์ดังกล่าวปรากฏในสายตาของผู้คนที่อยู่บริเวณรอบ ๆ ทำให้ผู้แข็งแกร่งมกุฎเทพเหล่านี้ตกตะลึงพรึงเพริดในทันที ที่เกิดเหตุเงียบกริบลงไปภายในพริบตา
ศักยภาพของอูห้าวเย๋เป็นที่ประจักษ์ชัดแจ้งของทุกคน เป็นผู้แข็งแกร่งแดนมกุฎเทพขั้นสูง จากผลการฝึกตนระดับนี้ ขอแค่เพียงไม่มีบรรพอาจารย์ระดับกึ่งจ้าวมหาเทพบังเกิด เขาก็แทบจะเป็นผู้แข็งแกร่งที่ไม่ต้องกังวลใด ๆ ในโลกามนุษย์
แต่ผู้แข็งแกร่งเช่นนี้กลับต้านทานกระบวนท่าหนึ่งของหลัวซิวไม่ได้ ศักยภาพของคนดังกล่าวช่างน่าสยดสยองจนถึงขีดสุดจริง ๆ
ภายในเวลาชั่วพริบเดียว เหล่าผู้คนที่ยืนใกล้หลัวซิวในตอนแรกต่างเริ่มพากันถอยหลัง สายตาที่มองไปทางหลัวซิวด้วยจิตสังหารในตอนแรกก็ต่างไม่กล้ากำเริบเสิบสานแล้ว เปลี่ยนเป็นความหวาดกลัวที่ลึกซึ้ง
สังหารอูห้าวฉงที่เป็นมกุฎเทพขั้น 7 ก่อน ต่อมาก็โจมตีศัตราวุธราชาจนแตกสลายภายในหมัดเดียว สังหารอูห้าวเย๋ที่เป็นมกุฎเทพขั้นสูงภายในเสี้ยววินาที วินาทีนี้แม้จะใช้หัวแม่เท้าคิดก็จินตนาการได้ว่าชายหนุ่มที่ดูหนุ่มมาก ๆ คนนี้ ต้องเป็นคนโหดที่ยอดเยี่ยมคนหนึ่งอย่างแน่นอน
แม้แต่ตัวบรรพอาจารย์เทียนคุนเองก็นึกไม่ถึงเช่นกันว่าคนดังกล่าวจะสามารถสังหารอูห้าวเย๋ได้ภายในเสี้ยววินาที ศักยภาพระดับนี้ มาตรแม้นว่าเป็นบรรพอาจารย์ระดับกึ่งจ้าวมหาเทพ ก็แสดงความหวาดกลัวออกมาเล็กน้อยอย่างอดไม่ได้
“การที่ผู้เพื่อนยุทธ์ทำเช่นนี้นั้น มันเกินไปหน่อยไหม?”บรรพอาจารย์เทียนคุนหรี่ตาลง สรรพนามที่เรียกแทนหลัวซิวก็มีการเปลี่ยนแปลง เห็นได้ชัดเจนเลยว่าบรรพอาจารย์เทียนคุนมองว่าเขาเป็นผู้แข็งแกร่งคนหนึ่งที่ไม่อ่อนกว่าตัวเอง