มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake - บทที่ 237 เผยตัวตนอัจฉริยะขั้นดำ
บทที่ 237 เผยตัวตนอัจฉริยะขั้นดำ
ทันใดนั้นที่นี่เงียบขึ้นมาทันที ใครก็คิดไม่ถึงว่าพละกำลังของหลัวซิว จะแข็งแกร่งถึงเพียงนี้ แค่กระบี่เดียว ก็สามารถฆ่าผู้ฝึกจิตขั้น7 ได้
หนึ่งปีก่อนหน้านี้ ตอนเขาฝ่าฟันเข้าไปในหอคอยมังกรบินชั้นที่ 7 ก็โดนส่งออกมาด้วยอาการบาดเจ็บสาหัส ทำไมพละกำลังของเขาถึงยกระดับเร็วขนาดนี้
นี่ทำให้ทุกคนอดคิดถึงข่าวลือเกี่ยวกับหลัวซิวไม่ได้ ราวกับว่าเขาใช้ระยะเวลาเพียงสองปี จากแดนฝึกจิตขั้น2 สู่ระดับที่สูงในทุกวันนี้
พรสวรรค์ฝึกตนเช่นนี้ น่ากลัวเป็นอย่างมาก กระบี่นี้ ก็น่าหวาดผวาด้วยเช่นกัน!
ฆ่าผู้ฝึกจิตขั้น7 ด้วยกระบี่เดียว คนที่ต่ำกว่าระดับราชายุทธ์ น้อยคนที่จะสามารถเป็นคู่ต่อสู้ของเขา
หลัวซิวพอใจกับกระบี่นี้ของตัวเองมาก ตั้งแต่ตระหนักรู้ห้วงยุทธ์กระบี่สังหาร เขาหลุดพ้นจากข้อผูกมัดของวิชากระบี่ บรรลุถึงระดับวิถีวิชากระบี่ กระบี่เมื่อกี้อาศัยห้วงยุทธ์ปลุกเสก และฆ่าทันที
ตอนนี้กระบี่ของเขา ไม่ใช่วิชากระบี่เร็วอีกแล้ว แต่เป็นวิถีกระบี่เร็ว!
สิ่งที่เรียกว่ากระบี่เร็ว กระบี่ต้องออกเหมือนแสง ความเร็วสุดขีด ฆ่าในการโจมตีเดียว!
โลกกระบี่แดนที่1 ก็คือห้วงกระบี่ ห้วงกระบี่แบ่งเป็น สำเร็จแรก สำเร็จน้อย บรรลุผล และบริบูรณ์
กระบี่เมื่อครู่ของเขา เหนือกว่าห้วงกระบี่ แดนสำเร็จแรกแล้ว และบรรลุถึงห้วงกระบี่ แดนสำเร็จน้อย
ศิษย์ตำหนักจื่อสามคนที่เหลือ เบิกตาโต รู้สึกริมฝีปากแห้งผาก เหมือนมีอะไรเคลื่อนไหวในลำคอ
พวกเขารู้ถึงพละกำลังของหยางหยวนเป็นอย่างดี ในบรรดาคนหนุ่มที่เป็นศิษย์ตำหนักจื่อ ซึ่งนับว่าค่อนข้างเก่งอย่างเขา ยังโดนฆ่าด้วยกระบี่เดียว ถึงพวกเขาสามคนร่วมมือกัน ก็ไม่มีทางสู้คนๆ นี้ได้
นางสนองพระโอษฐ์ทั้งสองคน หน้าซีดเผือด มีเพียงสาวคลุมหน้าที่ยังนิ่ง แต่ดวงตาคู่สวย ที่มองไปยังหลัวซิว มีความประหลาดวูบไหวอยู่ ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่
หน้าประตูวิทยาลัยพระวงศ์ เลือดสาดเต็มพื้น ศิษย์ตำหนักจื่อสองคน คนหนึ่งนอนตายบนพื้น ส่วนอีกคนโดนเผาเป็นเถ้า ไม่เหลือแม้กระดูก
ตำหนักจื่อมีตัวตนแบบไหน ทุกคนต่างรู้ดี
หลัวซิวก่อเรื่องใหญ่หลวงแล้ว!
แดนปริศนาเปิด ตำหนักจื่อส่งศิษย์มาที่นี่ แน่นอนว่าต้องมีผู้แข็งแกร่งตามมาด้วย
ทันใดนั้น พลังอันแข็งแกร่งที่ไม่อาจคาดเดาได้ ถาโถมเข้ามา กลายเป็นอำนาจปกคลุมบนหัวทุกคน ทำให้คนหายใจแทบจะไม่ออก
กลางอากาศ ผู้อาวุโสที่มีผมและเคราสีขาว ลอยอยู่กลางอากาศ ดวงตาเย็นยะเยือกมองศพหยางหยวนบนพื้น
“ท่านหวู!” ศิษย์ตำหนักจื่อทั้งสามคน ทำความเคารพผู้อาวุโส ที่ลอยอยู่กลางอากาศอย่างนอบน้อม
“เกิดอะไรขึ้น” ท่านหวูแววตาเคร่งขรึม คิดไม่ถึงว่ามีคนกล้าฆ่าศิษย์ตำหนักจื่อ ทำให้เขาโมโหเป็นอย่างมาก
“คนนี้ฆ่าเกาเจิง แล้วก็ศิษย์พี่หยางหยวนด้วยครับ” ศิษย์ตำหนักจื่อคนหนึ่ง ชี้ไปที่หลัวซิว
“หืม”
เมื่อท่านหวูได้ยิน ความอาฆาตพลุ่งพล่านในแววตาผู้อาวุโส สายตามองไปยังหลัวซิว“กล้าฆ่าศิษย์ตำหนักจื่อของฉัน กล้าดีมาก!”
“ทำลายผลการฝึกตนด้วยตัวเอง ยอมถูกจับโดยดี ไม่งั้นถ้าข้าลงมือ ต้องทำให้นายตายดีกว่ามีชีวิตอยู่” ท่านหวูพูดอย่างเฉยเมย ราวกับพูดเรื่องที่ไม่มีอะไรพิเศษ
จากข่าวที่รู้จากตำหนักจื่อ เขารู้ว่าชายหนุ่มตรงหน้า คือหลัวซิว อัจฉริยะในรอบหลายปี ที่มีชื่อเสียงโด่งดังอย่างรวดเร็วในประเทศเทียนหวูตอนนี้
ไอ้เด็กนี่พรสวรรค์โดดเด่น อายุแค่สิบหก ก็เป็นผู้ฝึกจิตขั้น5 แถมยังมีความสามารถเป็นปรมาจารย์กลั่นยาระดับ4 และปรมาจารย์ค่ายกลขั้นสี่อีกด้วย พรสวรรค์เช่นนี้ เรียกได้ว่าเป็นคนแปลกประหลาด
แต่ถึงพรสวรรค์ของเขาจะสูงส่ง แต่พละกำลังยังอ่อนแอ ยังไม่ได้เรื่องได้ราว ตัวเองสามารถฆ่าได้อย่างง่ายดาย ไม่อยู่ในสายตา
ถ้าปล่อยให้เขาโตขึ้นมา ไม่แน่ในประเทศเทียนหวู อาจมีผู้แข็งแกร่งระดับมกุฏยุทธ์ก็เป็นได้ ตำแหน่งระดับเดียวกับตำหนักจื่อ
เมื่อคิดถึงตรงนี้ ท่านหวูแสยะยิ้มในใจ ตอนแรกยังหาโอกาสกับข้ออ้างไม่ได้ ตอนนี้ฆ่าไอ้เด็กนี่ได้พอดี
“ให้ฉันทำลายผลการฝึกตนด้วยตัวเอง ยอมให้จับโดยดี ให้นายกดขี่ข่มเหงตามใจชอบเหรอ”
แววตาหลัวซิวเย็นชา นี่คือโลกนักยุทธ์ คนที่มีพละกำลังแข็งแกร่งแต่ละคน เผด็จการไม่สิ้นสุด กำหนดความเป็นความตายของคนด้วยคำพูดเดียว ได้อย่างไม่ต้องสงสัย
ผู้แข็งแกร่งมีสิทธิพูด ผู้อ่อนแอทำได้เพียงโดนข่มเหง ถึงคุณมีพรสวรรค์ แต่ถ้าไม่มีประโยชน์กับฉัน ก็จะกำจัดคุณออก เพื่อกำจัดขวากหนาม
โลกนักยุทธ์ ล้วนยอมรับพละกำลัง มีเพียงพละกำลังที่แข็งแกร่ง ถึงจะทำให้คนเคารพหวาดกลัว ไม่มีใครกล้าหาเรื่อง!
ทว่าอีกฝ่ายเป็นราชายุทธ์แล้วยังไง หลัวซิวไม่รู้สึกกลัวสักนิด
ในองค์กรนักล่ายุทธ์ ประเมินระดับอัจฉริยะถึงขั้นดำ ก็มีสิทธิพิเศษต่างๆ นานา หนึ่งในนั้น ก็คือการได้รับความคุ้มครองจากองค์กร
สำหรับอำนาจใหญ่แต่ละฝ่ายในประเทศเทียนหวู ตำหนักจื่อสูงส่งมาก ไม่มีใครกล้าหาเรื่อง แต่สำหรับองค์กรนักล่ายุทธ์ แค่ตำหนักจื่อธรรมดาๆ นับประสาอะไรได้
“ดูเหมือนว่านายอยากให้ข้าลงมือเองสินะ”
ท่านหวูเห็นหลัวซิวไม่ทำอะไร ความอาฆาตฉายขึ้นในแววตา อำนาจผู้แข็งแกร่งราชายุทธ์หนักแน่นดั่งขุนเขา พุ่งไปสร้างความกดดันให้หลัวซิว
แต่หลัวซิวกลับไม่ได้ผลกระทบ จากอำนาจของเขาสักนิด เพราะถึงท่านหวูเป็นราชายุทธ์ แต่ไม่ได้ตระหนักรู้เชี่ยวชาญห้วงยุทธ์
พละกำลังการฝึกตนของเขาแข็งแกร่งกว่าหลัวซิว แต่แดนห้วงยุทธ์ เทียบไม่ได้กับหลัวซิว จึงไม่สามารถใช้อำนาจมาข่มเหงเขาได้
“นายกล้า ก็ลองแตะต้องฉันดูสิ”
ใบหน้าหลัวซิวมีรอยยิ้มเย้ยหยัน เขาพลิกมือเอาตรานักล่าอสูร ออกมาจากแหวนเก็บของ
ท่านหวูจะฆ่าเด็กนี่ด้วยฝ่ามือเดียว แต่เมื่อเขาเห็นตรานักล่าอสูรที่หลัวซิวเอาออกมา เขาถึงกับหรี่ตาลง
บนตรานักล่าอสูรของหลัวซิว มีดาวสี่ดวง แสดงว่าเขาเป็นนักล่าอสูรตราสี่ดาวแดนฝึกจิต
แต่สิ่งที่ไม่เหมือนนักล่าอสูรตราสี่ดาวทั่วไป ก็คือบนตราของหลัวซิว มีคำว่า ‘ดำ’ สลักอยู่
อัจฉริยะขั้นดำ!
มีเพียงคนที่รู้จักองค์กรนักล่ายุทธ์ เมื่อเห็นตรานี้ ก็จะรู้ความหมายแฝงของตัวอักษรคำว่า ‘ดำ’
อัจฉริยะขั้นเหลือง ถึงเป็นขั้นสูงสุด ก็ไม่มีคำว่า ‘เหลือง’ สลักไว้บนตรา
มีเพียงการประเมินที่ถึงขั้นดำเท่านั้น ที่จะมีสิทธิพิเศษ และแสดงให้เห็นถึงความพิเศษ
หลัวซิวเผยตัวตนอัจฉริยะขั้นดำ ต่อสายตาของทุกคน ถ้าท่านหวูยังกล้าลงมือ ก็เป็นการยั่วยุองค์กรนักล่ายุทธ์
เมื่อฉางเทียนโซว่กับหลี่น่า ที่อยู่ด้านหลังหลัวซิวประมาณครึ่งก้าว เห็นตราอันนี้ สีหน้าดูไม่เชื่อว่าเป็นจริง
เพราะในประวัติศาสตร์ของประเทศเทียนหวู ยังไม่เคยมีอัจฉริยะที่ได้รับการประเมินขั้นดำ จากองค์กรนักล่ายุทธ์
มีเพียงปรมาจารย์กลั่นยาระดับ6 ของราชวงศ์ตระกูลฝานคนนั้น ที่เคยได้รับการประเมินขั้นดำระดับล่าง จากแก๊งนักกลั่นยา
ทันใดนั้น คนที่รู้ความหมายแฝงของอัจฉริยะขั้นดำ มองหลัวซิวด้วยแววตาที่แปรเปลี่ยนไป
มิน่าล่ะ เขาถึงกล้าฆ่าศิษย์ตำหนักจื่ออย่างโจ่งแจ้ง อาศัยตัวตนอัจฉริยะขั้นดำ ขององค์กรนักล่ายุทธ์ ไม่แน่ว่าผู้แข็งแกร่งราชายุทธ์ของตำหนักจื่อคนนั้น อาจไม่กล้าแตะต้องเขา
########################