มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake - บทที่ 2414
มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 2414
ดูเหมือนไป๋เฟยชิงก็หาคำพูดมาโต้แย้งคำพูดดังกล่าวของหลัวซิวไม่ได้เช่นกัน มีความซับซ้อนเสี้ยวหนึ่งกระพริบผ่านแววตานางไป “ข้าเตรียมตัวมาหลายพันปี ก็เพื่อจะมาเอาไผ่เทวดวงครามของที่นี่ไป ข้ารู้สึกเสียใจมาก ๆ ที่คำพูดในเมื่อครู่นี้มันไม่ค่อยเหมาะสม หากเจ้ายินดีนำไผ่เทวดวงครามออกมา ข้าสามารถใช้ของสิ่งอื่นมาทำการแลกเปลี่ยนกับเจ้า”
ในระหว่างที่พูดอยู่นั้น มีขวดหยกปรากฏบนมือนางหนึ่งขวด ก่อนนางจะพูด: “ภายในมีโอสถแก่นแท้ระดับห้า 20 ล้านเม็ด หากเจ้ารู้สึกว่ายังไม่เพียงพอละก็ ข้ายังสามารถเพิ่มอาวุธเทพระดับหก ซึ่งเทียบเท่าเศษณ์มหาจักรพรรดิยุทธ์ให้เจ้าอีกสองชิ้น”
การที่สามารถพูดคำว่าอาวุธเทพระดับหกออกมาได้นั้น หลัวซิวยิ่งสามารถยืนยันได้ว่าสตรีนางนี้น่าจะมาจากโลกมหาศักดิ์ และในมหาโลกาพันสามก็หาของอย่างโอสถแก่นแท้ได้น้อยมากเช่นกัน โอสถแก่นแท้ระดับห้าเป็นทรัพยากรที่ดีที่สุดที่ผู้แข็งแกร่งจักรพรรดิเทพนำมาฝึกตน ส่วนจำนวน 20 ล้านเม็ดนั้น เพียงพอที่จะทำให้จักรพรรดิเทพขั้นปฐมภูมิคนหนึ่ง ฝึกตนถึงจักรพรรดิเทพช่วงกลางขั้นสูง หรือแดนจักรพรรดิเทพขั้น 6 นั่นเอง!
อีกอย่างนอกจากมูลค่านี้แล้ว ยังมีเศษณ์มหาจักรพรรดิยุทธ์อีกสองชิ้น ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าทรัพย์สินของสตรีนางนี้มั่งคั่งมาก
แน่นอนอยู่แล้วว่าหลัวซิวดูถูกเหยียดหยามของเหล่านี้โดยสมบูรณ์เลย เนื่องจากไผ่เทวดวงครามหนึ่งต้น แม้จะเป็นไผ่เทวดวงครามสามท่อนที่ระดับต่ำที่สุด มันก็เป็นของล้ำค่าที่ไม่สามารถประมาณค่าได้ สิบเท่าของมูลค่าที่สตรีนางนี้เสนอให้ยังซื้อไผ่เทวดวงครามไม่ได้เลย!
ดังนั้นหลัวซิวจึงสามารถยืนยันได้ว่าสตรีนางนี้น่าจะมองว่าเขาเป็นจอมยุทธ์คนหนึ่งของมหาโลกาพันสาม คิดว่าเขาไม่เคยเห็นโลกกว้าง ไม่ทราบมูลค่าที่แท้จริงของไผ่เทวดวงคราม
ยิ่งกว่านั้นคือหลัวซิวเบื่อที่จะตอบกลับด้วยซ้ำ ก่อนจะหันหลังแล้วกลายเป็นแสงกลดวงหนึ่งโดยตรง บินออกไปนอกเขาผีเก้า หายไปอย่างไร้ร่องรอยอย่างรวดเร็ว
เมื่อเห็นว่าหลัวซิวจากไปโดยที่ไม่ลังเลใจเลยแม้แต่น้อย สีหน้าของไป๋เฟยชิงจึงเปลี่ยนไปเล็กน้อย เนื่องจากนางสามารถสัมผัสได้อยู่ว่าคนดังกล่าวน่าจะทราบมูลค่าของไผ่เทวดวงครามเช่นกัน ส่วนเงื่อนไขทั้งหมดที่นางเสนอออกมานั้น น่าจะเป็นเพียงเรื่องขบขันเท่านั้น
“วางแผนมาหลายพันปีแต่กลับแลกมาด้วยความว่างเปล่า……”ไป๋เฟยชิงรู้สึกไม่ยอมใจมาก ๆ แต่ก็ทำได้แค่ถอนหายใจเฮือกหนึ่ง บัดนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดของนางไม่ใช่การไปคิดเรื่องไผ่เทวดวงคราม แต่เป็นการฟื้นฟูสภาพอาการบาดเจ็บของตัวเองให้กลับมาเป็นเหมือนเดิมก่อน
……
ขอบเขตบนดาราเมฆาทมิฬกว้างใหญ่มาก ๆ นอกจากสถานที่อย่างเขาผีเก้าแล้ว ยังมีสถานที่อื่น ๆ ที่มีสมบัติหายากคงอยู่ไม่น้อยเช่นกัน และระดับความอันตรายของสถานที่เหล่านั้น ก็ไม่น้อยกว่าเขาผีเก้าเลยแม้แต่น้อย
หลังออกมาจากเขาผีเก้า หลัวซิวไม่ได้ออกจากดาราเมฆาทมิฬโดยตรง แต่เป็นการมาถึงผืนดินใหญ่ที่ถูกปกคลุมด้วยเปลวไฟสีเทา
สถานที่แห่งนี้มีนามว่านิรยะเพชฌฆาต ทะเลไฟสีเทาคือบริเวณวงแหวนชั้นนอก ยิ่งลึกเข้าไป เปลวไฟก็จะยิ่งกลายเป็นสีดำ จากนั้นก็เป็นสีดำที่เริ่มเปลี่ยนเป็นสีม่วง ส่วนจุดที่ลึกกว่านั้นคือเปลวไฟสีม่วง
ซึ่งจุดนี้ของนิรยะเพชฌฆาตค่อนข้างจะเป็นทำนองเดียวกันกับเขาผีเก้า สถานที่แห่งนี้เป็นสถานที่เก็บเกี่ยวประสบการณ์ชั้นดีสำหรับนักกลั่นยา นักหลอมอาวุธ นักค่ากล รวมไปถึงผู้แข็งแกร่งกฎธาตุไฟในมหาโลกาพันสาม มักจะมีคนได้รับดวงจิตอัคคีเทพที่แข็งแกร่งหรือของล้ำค่าธาตุไฟต่าง ๆ อยู่ที่นี่เป็นประจำ
สาเหตุที่หลัวซิวมาสถานที่แห่งนี้นั้น ก็เพื่อจะทำให้อัคคีเทพซิวหลัวของเขาเลื่อนระดับ
อัคคีเทพซิวหลัวของเขาแตกต่างจากดวงจิตอัคคีเทพทั่วไปมาก ๆ เนื่องจากในฟ้าดินไม่มีดวงจิตอัคคีเทพประเภทนี้ อัคคีเทพซิวหลัวที่เขาตั้งขึ้นมาเองนั้น คือภูตอัคคีกลืนกินที่วิวัฒนาการมาหลายครั้งจนนับไม่ถ้วน จนกลืนกินภูติแห่งอัคคีเทพโลหิตฉกรรจ์แล้ววิวัฒนาการเป็นอัคคีเทพซิวหลัวในที่สุด
และระดับขั้นของตัวภูตอัคคีกลืนกินนั้นไม่สูงแต่อย่างใด เป็นเพียงภูติอัคคีธรรมดาที่ถูกหล่อเลี้ยงออกมาจากพิภพต่ำ การที่สามารถวิวัฒนาการหลายครั้งจนนับไม่ถ้วน แล้ววิวัฒนาการขึ้นมาถึงระดับขั้นอย่างปัจจุบันนั้น ก็เรียกได้ว่าเป็นปาฏิหาริย์แล้ว