มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake - บทที่ 2418
มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 2418
นอกเหนือจากผู้แข็งแกร่งระดับจักรพรรดิเทพ มีคนย่างกรายเข้ามายังสถานที่ประเภทนี้น้อยมาก หลัวซิวค้นพบวัตถุดิบธาตุไฟไม่น้อยเลย แม้นจะไม่ค่อยมีประโยชน์ต่อตน ทว่าเขาก็เก็บมันมาโดยที่ไม่คิดอะไรมากอยู่
หลังจากผ่านไปพักหนึ่ง หลัวซิวก็มาถึงสุดปลายขอบเขตของเขตอัคคีเทพสีดำม่วง หากมุ่งหน้าเดินไปข้างหน้าอีกละก็ ก็จะเป็นเปลวไฟสีม่วงแล้ว มันเทียบเท่าอัคคีเทพระดับหก ซึ่งไม่ใช่เขาในตอนนี้สามารถต้านทานได้
ดวงจิตอัคคีเทพร้องอ้อ ๆ แอ้ ๆ พลางชี้ไปข้างหน้า อิงจากกระแสสัมผัสของมัน มีสมบัติที่ไม่สามารถประมาณค่าได้หนึ่งชิ้นอยู่ตรงหน้า
แต่หลัวซิวกลับส่ายหน้า เขาไม่ทราบรายละเอียดที่ตั้งของสมบัติชิ้นนั้นไม่ว่า ถึงแม้เขาจะอาศัยอุบายบางอย่างสามารถฝืนบุกเข้าไปในเขตเปลวไฟม่วงได้ แต่ก็ประคองได้ไม่นานแน่นอน อีกทั้งราคาที่ต้องแลกด้วยยังไม่ต่ำ
หากกลับมามือเปล่าละก็ เช่นนั้นมันก็จะได้ไม่คุ้มเสียแล้วจริง ๆ
ในขณะที่เขากำลังเตรียมพร้อมที่จะยอมแพ้ แล้วอนาคตค่อยกลับมาใหม่อยู่นั้น หัวใจเขาก็สั่นไหวขึ้นมากะทันหัน ก่อนจะหันหลังแล้วมองกลับไปด้านหลัง
มีเงาดำร่างหนึ่งบินตรงเข้ามาด้วยความเร็วที่รวดเร็วมาก ๆ เพียงเสี้ยววินาทีเดียวเท่านั้น ก็ปรากฏตรงหน้าเขาแล้ว
“เจ้าเองหรือ?”
เงาร่างที่บินมาไม่ใช่ผู้อื่น ซึ่งนางก็คือไป๋เฟยชิงที่ถูกหลัวซิวช่วยชีวิตไว้ครั้นเมื่ออยู่ในเขาผีเก้านั่นเอง
หลัวซิวพบว่าสภาพอาการบาดเจ็บของนางฟื้นฟูกลับคืนมาโดยสิ้นเชิงแล้ว ก่อนจะพูดอย่างเรียบนิ่ง “ดูเหมือนกับว่าแม่นางไป๋ไม่อยากพบหน้าข้ามาก ๆ เลยนะ?”
เมื่อได้ยินคำพูดดังกล่าว ไป๋เฟยชิงจึงขมวดคิ้วที่โค้งได้รูปงามนั่นลง คำพูดของหลัวซิวตรงกับสิ่งที่นางคิดจริง ๆ เพราะขอแค่เจอหน้าเขา ก็จะทำให้ตัวนางนึกถึงไผ่เทวดวงครามที่ตนได้รับมาอย่างยากลำบากถูกเจ้าหมอนี่ได้รับไป
ทว่าไป๋เฟยชิงก็ไม่มีความคิดที่จะแย่งกลับมาเช่นกัน แม้นนางจะต้องการไผ่เทวดวงครามมาก ๆ แต่ไม่ว่าอย่างไรคนที่อยู่ตรงหน้านี้ก็เคยช่วยชีวิตตนไว้ครั้งหนึ่ง นางไม่ใช่คนที่ตอบแทนพระคุณด้วยความเค้น กินบนเรือนขี้บนหลังคา
“เจ้ายังไม่ได้บอกชื่อเจ้าให้ข้า ก็จากไปอย่างไม่พูดไม่จาแล้ว แม้เจ้าไม่อยากแลกเปลี่ยนไผ่เทวดวงครามกับข้า ทว่าก็ไม่จำเป็นต้องรังเกียจข้าเช่นนี้ก็ได้กระมัง?”ไป๋เฟยชิงเปลี่ยนประเด็น
“เหอะ ๆ แม่นางไป๋คือสาวงามแห่งยุค ข้าจักรังเกียจได้อย่างไรเล่า? ในส่วนของชื่อข้านั้น ก็ใช่ว่าจะบอกเจ้ามิได้ ข้าชื่อหลัวซิว”
หลัวซิวสัมผัสความประสงค์ร้ายใด ๆ จากตัวไป๋เฟยชิงไม่ได้ เห็นได้ชัดเจนเลยว่าแม้นสภาพอาการบาดเจ็บและศักยภาพของนางจะฟื้นฟูกลับคืนมาแล้ว แต่ก็ไม่มีความคิดที่จะลงมือแก่งแย่งไผ่เทวดวงครามกับเขา ซึ่งจุดนี้ทำให้ความรู้สึกที่หลัวซิวมีต่อนางเปลี่ยนไปไม่น้อยจริง ๆ
สำหรับชื่อดังกล่าวของหลัวซิวนั้น ไป๋เฟยชิงไม่รู้สึกตะลึงเลยแม้แต่น้อย แสดงให้เห็นเลยว่านางไม่ทราบแต่อย่างใดว่าชื่อดังกล่าวโด่งดังในมหาโลกาพันสาม ณ ปัจจุบันมากเพียงใด
“คำพูดนี้ของเจ้าถือเป็นคำพูดที่ฟังแล้วลื่นหูมากเลยล่ะ”ไป๋เฟยชิงยิ้มอย่างพราวเสน่ห์พลางพูด
คำพูดที่ฟังดูซุกซนเล็กน้อยนี้กลับทำให้หลัวซิวรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย บางทีอุปนิสัยของไป๋เฟยชิงนี่อาจจะไม่ใช่อย่างที่ตัวเองจินตนาการเอาไว้
ตั้งแต่โบราณกาลมา จิตใจมนุษย์เป็นสิ่งที่ซับซ้อนมากที่สุด เมื่อคนสองคนพบกันโดยบังเอิญ ฝ่ายตรงข้ามจะเป็นคนอย่างไรนั้น ส่วนมากแล้วล้วนเป็นการคาดเดาของตนเองมากกว่า
“ท่านชายหลัว เจ้าได้รับไผ่เทวดวงครามในเขาผีเก้าแล้ว หรือว่าก็อยากเก็บพันธุอัคคีไร้เจตน์ในนิรยะเพชฌฆาตเข้ากระเป๋าเช่นกัน?”ไป๋เฟยชิงเอ่ยปากถามอีกครั้ง
“พันธุอัคคีไร้เจตน์?”มีความแปลกใจเสี้ยวหนึ่งกระพริบผ่านไปในแววตาหลัวซิว เขาไม่ทราบจริง ๆ ว่าในนิรยะเพชฌฆาตนี้มีพันธุอัคคีไร้เจตน์
พันธุอัคคีไร้เจตน์เป็นอัคคีเทพประเภทหนึ่งที่ค่อนข้างหายาก แท้จริงแล้วมูลค่าของอัคคีเทพไม่ได้แบ่งแยกตามระดับความสูงต่ำ แต่แบ่งตามความแข็งแกร่งและความอ่อนแอของศักยภาพ
ยกตัวอย่างเช่นพันธุอัคคีไร้เจตน์ก็เป็นอัคคีเทพดั้งเดิมประเภทหนึ่งที่ศักยภาพค่อนข้างแข็งแกร่ง การที่มันจะเจริญเติบโตเป็นอัคคีเทพระดับเจ็ดถึงแปดนั้นก็เป็นเรื่องที่เหลือเฟือมาก หากสามารถพบเจอโอกาสโชคครั้งหนึ่ง การที่มันจะพัฒนากลายเป็นอัคคีเทพระดับเก้านั้น ก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้เสมอไป