มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake - บทที่ 2430
มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 2430
ที่แท้หลังจากหลี่ยู่กลับมาแล้ว ก็แสดงอุบายต่าง ๆ ที่ไม่ธรรมดาออกมา ใช้เวลาไม่กี่ปีก็ฝึกตนถึงแดนราชาเทพขั้นสูง ใกล้จะมีคุณสมบัติทลายสู่แดนมกุฎเทพ กลายเป็นผู้อาวุโสของตระกูลหลี่แล้ว
ตระกูลย่อยของตระกูลหลี่มีเยอะมาก ๆ จึงมีคนอดทนต่อไปไม่ไหว อีกทั้งหลี่ยู่หายตัวไปนานขนาดนี้ ความเร็วในการฝึกตนก็รวดเร็วเช่นนี้อีก นี่จึงทำให้คนจำนวนไม่น้อยต่างสันนิษฐานว่าเขาได้รับโอกาสที่ไม่ธรรมดาครั้นเมื่ออยู่ด้านนอก
ทุกอย่างดำเนินการไปตามนี้ ผู้อาวุโสบางคนในตระกูลหลี่ที่ยึดกุมอำนาจที่แท้จริง หาข้ออ้างเรื่อยเปื่อยมาจับกุมตัวหลี่ยู่ไป เพราะเหตุนี้ทำให้หลี่เฟยเฉินโกรธเกรี้ยวอย่างมาก แต่สายเลือดของพวกเขาไม่มีอำนาจใด ๆ ถึงแม้เขาจะเป็นผู้อาวุโส แต่ก็ถูกผนึกผลการฝึกตนแล้วถูกกักขัง
แล้วก็เย่ห้าวหราน เขาและหลี่ยู่อยู่ด้วยกัน เนื่องจากไม่ใช่คนในตระกูลหลี่ เหล่าผู้อาวุโสตระกูลหลี่ยิ่งลงมืออย่างอุกอาจ พยายามค้นวิญญาณอยู่หลายครั้งแต่ก็ไม่สำเร็จ
มู่จื่อเซียวอยู่ข้าง ๆ ไม่ได้พูดอะไร เมื่อทราบว่ามีศิษย์หนุ่มคนหนึ่งในตระกูลหลี่เป็นมิตรสหายกับหลัวซิว ก็มีความแปลกใจเสี้ยวหนึ่งปรากฏบนใบหน้าเขา ปัจจุบันข่าวคราวทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับหลัวซิวได้กลายเป็นหนึ่งในเรื่องราวที่ตระกูลสำนักจักรพรรดิทั้งหลายในมหาโลกาพันสามต่างให้ความสนใจมากที่สุด ด้วยเหตุนี้ขอแค่เป็นเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับหลัวซิวแล้วตนไม่ทราบ เขาก็จะจดจำเรื่องเหล่านั้นเอาไว้ในใจดี ๆ
หลี่จิ่งเฟยนึกไม่ถึงเลยว่าช่วงเวลาที่ตนปิดขังจะมีเรื่องราวเช่นนี้เกิดขึ้น อีกทั้งผู้ที่กระทำเรื่องทั้งหมดนี้ ยังมีคนหนึ่งที่เป็นลูกชายเขาด้วย ผู้อาวุโสคนอื่น ๆ ที่เหลือก็เป็นผู้สนับสนุนสายเลือดฝั่งนายท่านเช่นกัน
หากไม่มีหลัวซิวปรากฏ หลี่จิ่งเฟยเข้าใจดีมาก ๆ ว่าเรื่องนี้ตนก็น่าจะทำได้แค่แกล้งทำเป็นมองไม่เห็น ทว่าวินาทีนี้เขาจึงทำได้เพียงโกรธแค้นสุดขีด
“ไอ้เดรัจฉาน! มึงดูสิ่งที่มึงกระทำ!”
หลี่จิ่งเฟยโกรธเกรี้ยวอย่างมาก ยื่นออกไปกระชากตัวลูกชายเขาออกมา แล้วใช้ฝ่ามือตบจนเลือดสีแดงสดพุ่งกระฉูด
ถัดจากนั้น หลี่จิ่งเฟยก็ลงมืออย่างต่อเนื่อง ลงมือได้ดุดันเด็ดเดี่ยว ผู้อาวุโสสี่คนที่มีความเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ไม่มีแม้แต่โอกาสที่จะได้ขอร้องแก้ต่าง ก็ถูกเขาสังหารคาที่!
นี่จึงทำให้หลัวซิวอดไม่ได้ที่จะให้ความสนใจหลี่จิ่งเฟยเพิ่มขึ้นเล็กน้อย ในฐานะที่เป็นนายท่านตระกูล ตัดสินใจทุกอย่างได้เด็ดเดี่ยว ลงมือเด็ดขาด มิน่าล่ะถึงสามารถควบคุมตระกูลหนึ่งจนมีบุคลิกที่โหดเหี้ยมน่ากลัว
แต่หลัวซิวก็สังเกตเห็นเช่นกันว่าหลี่จิ่งเฟยนั่นสังหารผู้อาวุโสสี่คน แต่แค่ไม่สังหารลูกชายเขาคนเดียว แค่โจมตีจนบาดเจ็บสาหัส
“ไอ้เดรัจฉาน ยังไม่รีบคุกเข่าลงอีกหรือ!”
ลูกชายของหลี่จิ่งเฟยนี่มีนามว่าหลี่ซิวหนิง ก็เป็นผู้แข็งแกร่งมกุฎเทพที่ฝึกตนมาหลายหมื่นปีแล้ว วินาทีนี้กลับถูกหลี่จิ่งเฟยอบรมสั่งสอนจนเหมือนลูกหมาตัวหนึ่ง ถูกกระชากไปคุกเข่าอยู่ตรงหน้าหลัวซิวอย่างหวาดกลัว
“ท่านชายหลัว เดี๋ยวเราจะนำตัวพ่อลูกหลี่เฟยเฉินมาบัดเดี๋ยวนี้ ผู้อาวุโสทั้งสี่ที่มีความเกี่ยวข้องกับเรื่องดังกล่าวก็ถูกสังหารไปแล้ว ได้โปรดท่านชายหลัวช่วยเมตตากรุณาด้วยนะขอรับ โปรดไว้ชีวิตลูกชั่ว ๆ ของข้าด้วย”
ต่อให้จิตใจหลี่จิ่งเฟยจะเหี้ยมโหดมากเพียงใด ก็ยังตัดใจให้ลูกชายตนไปตายไม่ได้ ทุกสิ่งอย่างที่เขากระทำในเมื่อครู่นี้ ล้วนเป็นการทำให้หลัวซิวดู
“มึงมาขอร้องกูมันไม่มีประโยชน์หรอก คอยได้พบหน้าสหายกูค่อยว่ากันอีกทีเถอะ”หลัวซิวตอบกลับอย่างเย็นชา
หลี่จิ่งเฟยไม่กล้าพูดอะไรมากอีก กลัวแค่ว่าจะทำให้หลัวซิวไม่พอใจแล้วปลิดชีพลูกชายตน ในส่วนของหลี่ซิวหนิงนั้นยิ่งไม่กล้าลุกขึ้นมาจากพื้น ทำได้แค่คุกเข่าอยู่ตรงนั้นนิ่ง ๆ รอรับบทลงโทษ
หลังจากผ่านไปพักหนึ่ง หลี่เฟยเฉิน หลี่ยู่และเย่ห้าวหรานทั้งสามคนก็ถูกนำตัวมา ภาวะจิตใจของหลี่เฟยเฉินไม่ค่อยดี ถึงแม้ตราผนึกที่อยู่ในร่างกายจะถูกทลายไปแล้ว แต่ลมปราณก็ยังคงอ่อนแอมาก ๆ ไม่ว่าจะเป็นฐานยุทธ์หรือตัวหยั่งรู้ ต่างได้รับความเสียหายไม่น้อย
หลี่ยู่และเย่ห้าวหรานก็เป็นเฉกเช่นเดียวกัน โดยเฉพาะตัวหยั่งรู้ที่ถูกกลอุบายบางอย่าง เห็นได้เลยว่าพวกหลี่ซิวหนิงอยากใช้วิถีค้นวิญญาณ มาล้วงความลับที่อยู่บนตัวพวกเขา ทว่ากลับทำให้สำเร็จตลอดมา