มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake - บทที่ 2448
มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 2448
หลังจากผ่านไปพักหนึ่ง หลัวซิวก็เดินออกมาจากเส้นทางนั้น ออร่าที่คุ้นเคยตีเข้าหน้า เขารู้อยู่ว่าตัวเองเข้ามาในแดนเทวนิรันกาลเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
อดีตเขาเคยมาที่นี่ จึงต้องคุ้นเคยกับออร่าของที่นี่เป็นธรรมดาอยู่แล้ว
ในขณะเดียวกัน เสี้ยววินาทีที่เขาเข้ามา ก็มีความรู้สึกที่หวาดหวั่นส่งตรงมาจากตัวหยั่งรู้ของเขา ถัดจากนั้นเศษใจแห่งศุภรทั้งสองชิ้นก็บินออกมาจากตัวหยั่งรู้ของเขา
อีกฝั่งหนึ่ง เรื่องราวเช่นเดียวกันก็เกิดขึ้นบนตัวชีชีและลิ่งฮู๋จื่อเซวียนด้วย มีเศษใจแห่งศุภรบินออกมาจากตัวลิ่งฮู๋จื่อเซวียนสองชิ้น และบินออกมาจากตัวชีชีหนึ่งชิ้น
มีรัศมีสีขาวเงินเปล่งประกายออกมาจากเศษใจแห่งศุภรทั้งห้าชิ้น เหมือนดั่งดาวหางห้าที่ที่เคลื่อนผ่านห้วงดารา แล้วบินเข้าไปยังส่วนลึกของแดนเทวนิรันกาล
“ไล่ตามไป!”ลิ่งฮู๋จื่อเซวียนพูดคำหนึ่ง ก่อนจะกลายร่างเป็นแสงกลดวงหนึ่งไล่ตามไป
ชีชีไม่ได้พูดอะไรแล้วบินตามไปเช่นกัน หลัวซิวก็พอจะเข้าใจโดยคร่าว ๆ แล้ว มีเพียงพกเศษใจแห่งศุภรทั้งห้าชิ้นเข้ามาที่นี่พร้อมกัน ถึงจะมีปรากฏการณ์เรียกหาชี้นำเช่นนี้เกิดขึ้น
เนื่องจากครั้นเมื่อเขาเข้ามาสถานที่แห่งนี้เมื่อปีนั้น เขาก็พกเศษใจแห่งศุภรเข้ามาเช่นกัน แต่กลับไม่ค้นพบเบาะแสที่เกี่ยวข้องกับตำหนักไท่ซ่างเทียนหย่งเลยแม้แต่น้อย
โคจรปริภูมิและความเร็วอย่างรวดเร็ว หลัวซิวหกระเหินเดินฟ้าแล้วไล่ตามไปด้วย
ในห้วงดาราที่กว้างใหญ่ไพศาลไร้ขอบเขต มีเพียงความมืดและความหนาวเหน็บ ไม่มีแสงสว่างเลยแม้แต่น้อย
ลืมไปแล้วว่าไล่ตามเศษใจแห่งศุภรทั้งห้าชิ้นอยู่นานเท่าไหร่ ทั่วทุกสารทิศนอกจากความมืดและความหนาวเหน็บที่ไร้ขอบเขตแล้ว ก็ไม่มีสิ่งใดเลย
ทันใดนั้นเอง เศษใจแห่งศุภรทั้งห้าชิ้นที่อยู่ด้านล่างก็หยุดลง ในขณะเดียวกัน หลัวซิวทั้งสามคนก็มองเห็นประตูที่มืดครึ้มบานหนึ่ง
ลิ่งฮู๋จื่อเซวียนยื่นมือออกไปคว้าทีหนึ่ง เก็บเศษใจแห่งศุภรทั้งสองชิ้นกลับมา ชีชีก็เก็บหนึ่งชิ้นของตัวเองกลับเข้าไปเช่นกัน ในส่วนของอีกสองชิ้นที่เป็นของหลัวซิวนั้น แววตาของลิ่งฮู๋จื่อเซวียนเป็นประกาย เกิดอารมณ์ชั่ววูบอยากแก่งแย่งมันมาครอบครอง
แต่ทว่าเขายังไม่ทันได้ลงมือ เศษใจแห่งศุภรทั้งสองชิ้นก็หายวับไป ถูกหลัวซิวเก็บเข้าไปแล้ว
หลัวซิวมองลิ่งฮู๋จื่อเซวียนด้วยสายตาที่มีความหมายลึกซึ้งกินใจรอบหนึ่ง ส่วนลิ่งฮู๋จื่อเซวียนกลับแกล้งทำเป็นมองไม่เห็นแววตาของหลัวซิว ใช้นิ้วชี้ไปทางบานประตูมืดครึ้มที่อยู่ตรงหน้าแล้วพูด: “ในเมื่อเศษใจแห่งศุภรชี้นำมาที่นี่ คาดว่าที่นี่น่าจะเป็นทางเข้าของตำหนักไท่ซ่างเทียนหย่งแล้วล่ะ”
ไม่ต้องให้ลิ่งฮู๋จื่อเซวียนบอก สายตาของหลัวซิวและชีชีก็ต่างถูกบานประตูที่มืดครึ้มนี้ดึงดูดไปเช่นกัน นี่คือประตูมืดครึ้มที่ใหญ่โตบานหนึ่ง ในดาราจักรวาลที่กว้างใหญ่ไพศาล หากไม่มีการชี้นำจากเศษใจแห่งศุภร การที่จะตามหาสถานที่เช่นนี้ให้เจอนั้น สามารถพูดได้เลยว่ายากปานงมเข็มในมหาสมุทร
ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าประตูบานนี้หลอมสร้างมาจากวัตถุดิบอะไร ด้านบนมีออร่าของกาลเวลาที่ผ่านพ้นไปอย่างรวดเร็วไหลเวียนอยู่ ออร่าประเภทนี้อยู่เหนือกฎ สามารถพูดได้อย่างไม่ลังเลใจเลยว่ามันก้าวเข้าไปในขอบเขตของเกณฑ์แล้ว
“ด้านบนมีร่องห้าจุด บางทีอาจจะสอดคล้องกับเศษใจแห่งศุภรทั้งห้าชิ้นพอดี”จู่ ๆ ชีชีก็เอ่ยปากพูด
“เดี๋ยวข้าลองดู”ลิ่งฮู๋จื่อเซวียนหยิบเศษใจแห่งศุภรทั้งสองชิ้นออกมาอีกครั้ง รูปร่างลักษณะของเศษใจแห่งศุภรทั้งห้าชิ้นแตกต่างกัน และเศษใจแห่งศุภรทั้งสองชิ้นนี้ก็เหมือนมีตายังไงอย่างนั้น บินเข้าไปในสองร่องที่อยู่บนบานประตูมืดครึ้มภายในพริบตา
เศษใจแห่งศุภรทั้งสองชิ้นถูกฝังลงไป เห็นได้ชัดเจนเลยว่าบานประตูมืดครึ้มสั่นเทิ้มทีหนึ่ง ประตูใหญ่ที่ปิดแน่นก็ค่อย ๆ เปิดออกเป็นรอยแยกหนึ่ง
ถึงแม้จะเป็นเพียงรอยแยกหนึ่ง แต่เมื่อมองเห็นสิ่งของที่อยู่ภายในประตูบานนี้ผ่านรอยแยกนั่นแล้ว อารมณ์ของลิ่งฮู๋จื่อเซวียนก็ฮึกเหิมขึ้นมาในทันที
หลัวซิวและชีชีก็ขยับเข้าไปอย่างรู้สึกสงสัยเช่นกัน จากนั้นสีหน้าอารมณ์ก็ไม่ค่อยต่างอะไรจากลิ่งฮู๋จื่อเซวียนเลย
“รวยแล้ว! ครั้งนี้จะรวยแล้วจริง ๆ!”ลิ่งฮู๋จื่อเซวียนตื่นเต้นดีใจมากจนถูฝ่ามือไปมา เนื่องจากเมื่อมองผ่านช่องประตู สามารถมองเห็นโอสถแก่นแท้ที่กองกับเท่าภูเขา