มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake - บทที่ 2459
มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 2459
ช่าจื่อเยียนเกลียดคนประเภทนี้จนเข้ากระดูกดำเลย จากผลการฝึกตนมกุฎเทพช่วงปลายของนาง การที่จะสังหารมกุฎเทพขั้นปฐมภูมิคนหนึ่งนั้นก็เป็นสิ่งที่ทำได้ง่ายดั่งปอกกล้วยเข้าปากอยู่
กระทั่งต่อมา ช่าจื่อเยียนถึงจะทราบว่าผู้ที่ถูกนางสังหารนั่นมีนามว่าจ้าวเทียนฉี ซึ่งเป็นคนในตระกูลอันดับหนึ่งแห่งโลกะดาราอัมพรเทวอย่างตระกูลจ้าว อีกทั้งยังเป็นลูกชายของนายท่านตระกูลจ้าวด้วย เพราะเรื่องนี้ ตระกูลจ้าวจึงประกาศให้เงินรางวัล ให้จอมยุทธ์ทั้งหมดในโลกะดาราอัมพรเทวลงมือจับกุมฆาตกร
เมื่อปีนั้นช่าจื่อเยียนก็เคยฝึกตนอยู่ในโลกะดาราอัมพรเทวและโลกะดาราคุนหลุนเช่นกัน จึงต้องทราบอยู่แล้วว่าตระกูลจ้าวคือกองกำลังแบบใด อีกทั้งนางยังทราบด้วยว่าบรรพอาจารย์ตระกูลจ้าวคือผู้แข็งแกร่งแดนกึ่งจ้าวมหาเทพคนหนึ่ง จอมยุทธ์ระดับนี้ในมหาโลกายอดอัมพรไม่ถือว่ายิ่งใหญ่อะไร จากศักยภาพของพวกเหยียนเยว่เอ๋อร์ เหยียนซีโรว่และจีเสี่ยวจื่อล้วนสามารถสังหารได้อย่างง่ายดาย
แต่ช่าจื่อเยียนรู้อยู่ว่าระหว่างนางและพวกเหยียนเยว่เอ๋อร์แตกต่างกันไม่น้อย พรสวรรค์ปัญญาของนางไม่ถือว่าสูง เมื่ออยู่ในแดนมกุฎเทพ ยังไม่มีความสามารถที่จะข้ามขั้นประลองกับผู้ที่แดนอยู่เหนือตน
เพราะฉะนั้นสำหรับช่าจื่อเยียนแล้ว ผู้แข็งแกร่งแดนกึ่งจ้าวมหาเทพคนหนึ่งก็เป็นผู้แข็งแกร่งที่นางต้านทานไม่ไหวแล้ว
ตลอดช่วงหลายวันที่ผ่านมานี้ ช่าจื่อเยียนวิ่งเต้นอย่างบากบั่นอยู่ทั่วทุกสารทิศ ถูกซุ่มโจมตีและเข่นฆ่าอยู่บ่อยครั้ง ณ ป่าไม้แห่งหนึ่ง นางหยิบยารักษาตัวออกมากิน สีหน้าขาวซีดเล็กน้อย
อย่างไรเสียนางก็เป็นจอมยุทธ์ที่ฝึกตนมาเป็นหมื่นปีแล้ว อดีตครั้นเมื่ออยู่ในโลกเสวียนเทียนรวมไปถึงขณะคุ้มกันรักษาโลกแสงดาว ก็เคยผ่านพ้นการต่อสู้ในรูปแบบต่าง ๆ เช่นกัน
นางไม่เคยนึกมาก่อนเลยว่าจะมีอย่างวันนี้ด้วย ผู้แข็งแกร่งมกุฎเทพสิบกว่าคนถูกตนสังหาร!
ใช่แล้ว ตลอดช่วงเวลาที่วิ่งเต้นอย่างบากบั่น อย่างน้อยมกุฎเทพที่ถูกช่าจื่อเยียนสังหารก็มี 20 คนแล้ว คนส่วนมากล้วนเป็นมกุฎเทพขั้นปฐมภูมิ และมีมกุฎเทพช่วงกลางสามสี่คน
นางรู้สึกโชคดีมาก ๆ ที่กระทั่งบัดนี้ยังไม่เคยพบเจอคู่ต่อสู้ที่เป็นมกุฎเทพช่วงปลาย มิเช่นนั้นละก็นางเข้าใจดีมาก ๆ ว่าตนต้องเอาชีวิตรอดยากแน่นอน
ทันทีที่กินยารักษาตัวลงไป ความระมัดระวังในใจช่าจื่อเยียนก็ผุดขึ้นมากะทันหัน ถัดจากนั้นตัวสำนึกก็สัมผัสได้ว่ามีแสงกระบี่เล่มหนึ่งเฉือนสับมาทางด้านหลังตัวเอง
ไม่มีความลังเลใจใด ๆ ช่าจื่อเยียนโบกมือเรียกหอคอยเวทย์ออกมาหนึ่งหลัง มีแสงที่สว่างไสวสาดส่องลงมาจากหอคอยเวทย์ ผสมผสานกันแล้วกลายเป็นเกราะป้องกัน
ตู้มม!
พลังโจมตีของแสงกระบี่ทรงพลังกว่าที่นางคาดการณ์เอาไว้ รัศมีบนเกราะป้องกันหม่นหมองลงไปภายในพริบตา พลังที่เกะกะระรานทะลุผ่านเกราะป้องกันแล้วส่งตรงมาถึงร่างนาง ช่าจื่อเยียนที่บาดเจ็บตั้งแต่แรกอยู่แล้วจึงกระอักเลือดในทันที ร่างกายเซถอยหลังกลับไป เกือบล้มลงพื้น
นางกัดฟันแน่น ซอกฟันเต็มเปี่ยมไปด้วยคราบเลือด นางเข้าใจดีมาก ๆ ว่าตนจะล้มลงไม่ได้ ตราบใดที่ยังไม่เจอเสี่ยวเจียงหมิงแล้วยืนยันว่าเขาอยู่ในความปลอดภัย นางจักยังตายไม่ได้!
ในขณะเดียวกัน ช่าจื่อเยียนก็สังเกตเห็นแล้วเช่นกันว่าผู้ที่จู่โจมตนคือชายวัยกลางคนที่ถือกระบี่คนหนึ่ง เห็นได้ชัดเจนเลยว่าเขามีผลการฝึกตนมกุฎเทพช่วงปลาย
ต่างเป็นมกุฎเทพช่วงบ่ายเหมือนกัน ช่าจื่อเยียนไม่คิดว่าตนจะแข็งแกร่งกว่าผู้อื่นมากเพียงใด มิหนำซ้ำนางคือมกุฎเทพขั้น 7 และเหมือนฝ่ายตรงข้ามจะเป็นมกุฎเทพขั้น 8!
“ช่างเป็นสตรีที่หน้าตาสะสวยเสียจริง แต่น่าเสียดายที่ต่อให้เจ้างดงามมากเพียงใดก็เปล่าประโยชน์ ขอแค่สังหารเจ้า ข้าก็จะได้รับดอกผลไม่น้อยจากตระกูลจ้าว”
ชายวัยกำลังคนอยู่ในเสื้อสีเขียว รอบกายยังมีปราณกระบี่ที่ดุดันและรวดเร็วลอยวนเป็นเกลียวด้วย เห็นได้ชัดเจนเลยว่าคือจอมยุทธ์วิถีกระบี่ที่พลังโจมตีทรงพลังคนหนึ่ง
เมื่ออยู่ภายใต้สถานการณ์ที่ผลการฝึกตนอยู่ในแดนเดียวกัน กำลังรบของจอมยุทธ์วิถีกระบี่จะแข็งแกร่งกว่าจอมยุทธ์ทั่วไปหนึ่งระดับ
สัมผัสได้ว่าพลังออร่าบนตัวชายชุดเขียวแข็งแกร่งกว่าตนมาก ๆ ช่าจื่อเยียนที่มีบาดแผลเต็มร่างตั้งแต่แรกก็แทบจะสิ้นหวังไปแล้ว
ทว่าในเวลานี้เอง ก็มีแสงเขียวดวงหนึ่งพุ่งมาจากขอบฟ้า ถัดจากนั้นสตรีที่มีผ้าคลุมหน้าก็ปรากฏกลางอากาศที่ว่างเปล่า ยกมือขึ้นมาชี้ทีหนึ่ง แล้วโจมตีไปทางชายชุดเขียวนั่น
“เจ้าคือผู้ใด? จักแย่งธุรกิจกับแซ่หลิวข้าหรือ?”
ขายชุดเขียวทำเสียงหึอย่างเยือกเย็นทีหนึ่ง ดึงกระบี่ยุทธ์ออกมาจากปลอกกระบี่กะทันหัน ปราณกระบี่ 18 ไมล์ มโหฬารพันลึกดั่งมังกร
อย่างไรก็ตาม กระบี่ที่มีอานุภาพเกรียงไกรนี้กลับถูกหนึ่งนิ้วของสตรีผ้าคลุมหน้านั่นทลาย นิ้วมือที่ขาวผ่องดุจหยกราวกับทะลวงการขวางกั้นของอนัตตา ประชิดใกล้ภายในชั่วลมหายใจเดียว เสียงฟึ่บดังขึ้น หว่างคิ้วของชายชุดเขียวก็ถูกทะลวงเป็นที่เรียบร้อยแล้ว